ตอนที่ 1026 จดจำอยู่ในใจ
ต่งฉางหยวนโค้งกายคำนับไป๋จิ่นจื้ออีกครั้ง จากนั้นกล่าวกับหลี่หมิงรุ่ย
“ใตเท้าหลี่ ท่านทูลฝ่าบาทเองเถิด”
หลี่หมิงรุ่ยรู้ว่าต่งฉางหยวนไม่อยากแย่งความดีความชอบจากเขา ชายหนุ่มพยักหน้าให้อย่างขอบคุณ จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทรง การปกครองระบอบใหม่อนุญาตให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ได้ กระหม่อมได้รับรายงานว่าบัดนี้ภายนอกมีข่าวลือว่าตระกูลไป๋ล้วนมีแต่สตรีหม้าย ทว่า ไม่เห็นไทเฮาและฮูหยินของตระกูลไป๋คนอื่นๆ แต่งงานใหม่ กระทั่งฝ่าบาทเองก็ไม่ได้อภิเษกสมรสใหม่พ่ะย่ะค่ะ มีข่าวลือว่ากฎหมายใหม่บีบบังคับเพียงชาวบ้าน ไม่บังคับตระกูลสูงศักดิ์พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินก็โมโหขึ้นทันที “ท่านป้าสะใภ้และบรรดาท่านแม่ของข้าไม่แต่งงานใหม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขาด้วย! กฎหมายใหม่สนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ ทว่า ไม่ได้บังคับให้พวกนางแต่งเสียหน่อย หากท่านแม่ของข้าอยากแต่งงานใหม่ ข้าจะลุกขึ้นสนับสนุนเป็นคนแรกเลย!”
“ระวังท่านอาสะใภ้สามตีเจ้าหากนางได้ยินคำกล่าวนี้…” แม้ไป๋ชิงเหยียนจะตำหนิไป๋จิ่นจื้อ ทว่า หญิงสาวรู้สึกภูมิใจในตัวน้องสาวมาก สตรีที่โตเป็นสาวแล้วมักตะขิดตะขวงใจหากมารดาหรือบิดาแต่งงานใหม่ บางคนอาจเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเอง บางคนอาจทำไปเพราะความรู้สึกส่วนตัว
ทว่า ไป๋จิ่นจื้อคิดเช่นนี้ได้แสดงว่านางเห็นความรู้สึกของมารดาของตัวเองสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนดีใจมากที่น้องสาวกตัญญูถึงเพียงนี้
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงตอนที่นางเสนอการปกครองนี้ขึ้นแรกๆ ขณะรับประทานอาหารเช้าอยู่กับต่งซื่อ มารดาของนางกล่าวว่ากลัวทุกคนจะพุ่งเป้ามาที่ตระกูลไป๋
“ฝ่าบาท ความคิดของเกาอี้จวิ้นจู่คือความคิดของคนปกติทั่วไป ทว่า สำหรับผู้มีจุดประสงค์แอบแฝงแล้ว พวกเขาอาจใช้ประเด็นนี้ขัดขวางไม่ให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขาอาจยกตัวอย่างราชวงศ์ขึ้นมาเป็นประเด็น กระหม่อมกลัวว่าการปกครองใหม่ที่กำลังดำเนินไปได้ดีจะเกิดปัญหาขึ้นพ่ะย่ะค่ะ…”
หลีหมิงรุ่ยเป็นกังวลจริงๆ
“ต้นตอข่าวลือมาจากที่ใด” ไป๋ชิงเหยียนถาม
คนอย่างหลี่หมิงรุ่ยหากยังสืบหาต้นตอข่าวลือไม่ได้ เขาไม่มีทางลากต่งฉางหยวนมาพบนางเช่นนี้แน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังผ่านเหตุการณ์ของเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าแห่งราชวงศ์ก่อน ไป๋ชิงเหยียนไม่ถือสาเอาเรื่องหลี่หมิงรุ่ย หลี่หมิงรุ่ยจึงยิ่งต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้มั่น เขาไม่มีทางทำลายอนาคตของตัวเองแน่นอน
“กระหม่อมใช้เวลาสืบอยู่สักพักจึงสืบทราบว่าข่าวลือเริ่มแพร่กระจายมาจากจวนฉินพ่ะย่ะค่ะ…” หลี่หมิงรุ่ยกล่าว
ช่างบังเอิญจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนลูบนิ้วลงบนขอบโต๊ะอย่างใช้ความคิด องครักษ์ของตระกูลฉินเข้ามาตีสนิทกับไป๋จิ่นจื้อ ต่อมาคุณหนูสองของตระกูลฉินนัดพบกับซุนเหวินเหยา จากนั้นหลี่หมิงรุ่ยสืบพบว่าต้นตอข่าวลือมาจากจวนฉิน
ไป๋ชิงเหยียนเคยพบหน้าคุณหนูทั้งสองของตระกูลฉิน พวกนางไม่ใช่คนที่เก่งกาจมากพอที่จะวางแผนเรื่องเหล่านี้ได้ ต้องมีคนคอยชักใยพวกนางอยู่เบื้องหลังแน่นอน
“พวกเจ้าคิดว่าควรจัดการเช่นไร…” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองหลี่หมิงรุ่ยและต่งฉางหยวน
หลี่หมิงรุ่ยมองไปทางต่งฉษงหยวนแวบหนึ่ง ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้น “หากท่านอาสะใภ้ของฝ่าบาทยินดีแต่งงานใหม่หรือว่าฝ่าบาททรงแต่งตั้งพระภัสดาคนใหม่ บางทีอาจพอแก้ไขเรื่องนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ต่งฉางหยวนขมวดคิ้วแน่น นี่คือแผนสำรอง ทว่า บัดนี้เขาคิดวิธีอื่นไม่ออกเช่นเดียวกัน หากปล่อยให้ข่าวลือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นอุปสรรคต่อการผลักดันระบอบการปกครองใหม่
พวกเขาจะยอมแพ้เรื่องการสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ไม่ได้ หากพวกเขายอมแพ้ คนอื่นโดยเฉพาะตระกูลสูงศักดิ์จะโจมตีการปกครองใหม่ไม่หยุด
“คำตอบของใต้เท้าหลี่ดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าใดนัก ดูเหมือนว่านี่คงเป็นเพียงแผนสำรอง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“กระหม่อมรู้สึกละอายยิ่งนักที่ไม่อาจช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้ กระหม่อมและใต้เท้าต่งคิดแผนการที่ดีกว่านี้ไม่ออก พวกกระหม่อมรู้สึกว่าเรื่องนี้ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมาทูลให้ฝ่าบาททรงทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่จริงการแต่งตั้งพระภัสดาองค์ใหม่คือทางที่ดีที่สุด…” ต่งฉางหยวนคือญาติผู้น้องของไป๋ชิงเหยียน ชายหนุ่มย่อมกล้าแสดงความคิดเห็นมากกว่าหลี่หมิงรุ่ย เขากลัวว่าจะทำให้ไป๋ชิงเหยียนเสียใจจึงรีบกล่าวเสริม “กระหม่อมทราบดีว่าฝ่าบาททรงเสียพระทัยกับการจากไปของพระภัสดา กระหม่อมทราบว่าฝ่าบาททรงรักพระภัสดามาก ทว่า นอกเหนือจากการเป็นภรรยาของพระภัสดาแล้ว ฝ่าบาทคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจวด้วย ฝ่าบาทควรมีทายาทเพื่อสืบทอดราชวงศ์ ยิ่งมากเท่าใดยิ่งดีพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมกล่าวล่วงเกินไปบ้าง หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ถือสาพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนฟังออกว่าต่งฉางหยวนเป็นห่วงญาติผู้พี่อย่างนางจากใจจริง “น้องฉางหยวนไม่ต้องระวังตัวถึงเพียงนี้ ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมด”
ต่งฉางหยวนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเรียกเขาว่าน้อง ทว่า หลี่หมิงรุ่ยอยู่ที่นี่ด้วย เขาไม่กล้าเสียมารยาทกับไป๋ชิงเหยียน
“ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ หากทรงไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ กระหม่อมและใต้เท้าต่งจะพยายามหาทางระงับข่าวลือให้เงียบโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” หลี่หมิงรุ่ยกัดฟันกรอด แต่ไรมาข่าวลือไม่เคยควบคุมได้ง่ายๆ พวกเขาต้องดูจังหวะที่เหมาะสม จัดการเบาไปหรือหนักไปไม่ได้ทั้งสิ้น
“การห้ามคำคนไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องการแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าใดนัก อีกสิบวันจะถึงวันเกิดของเกาอี้จวิ้นจู่แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเจ้าช่วยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมที”
ต่งฉางหยวนและหลี่หมิงรุ่ยตกตะลึง
“ต้าโจวมีระบอบการปกครองระบอบใหม่ เราสร้างสำนักศึกษาให้ชาวบ้านมีโอกาสร่ำเรียนมากขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านรู้จักระบอบการปกครอง รู้จักถกเถียงกัน โบราณว่าไว้ว่าหากตรรกะไม่ผ่านการถกเถียง สิ่งนั้นย่อมไม่ใช่ตรรกะ การปกครองระบอบใหม่ดีหรือไม่ ถูกหรือผิด ตระกูลสูงศักดิ์ไม่ใช่คนตัดสินเพียงกลุ่มเดียว ในเมื่อข้าสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ แน่นอนว่าผู้ที่มีสิทธิ์ตัดสินกฎหมายนี้ย่อมเป็นสตรีหม้ายที่สูญเสียสามีเหล่านั้น”
หลี่หมิงรุ่ยเข้าใจความหมายของไป๋ชิงเหยียน เขามองไปทางเกาอี้จวิ้นจู่แวบหนึ่ง “ฝ่าบาทจะจัดการเรื่องนี้ในวันเกิดของเกาอี้จวิ้นจู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“วันเกิดของทายาทตระกูลไป๋ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่เดือนสิบ ข้าจะถือโอกาสนี้จัดงานรื่นเริงกับชาวบ้าน หากมีคนตั้งใจจะก่อเรื่องจริง นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดหรอกหรือ เช่นนี้จะได้ถกเถียงเรื่องนี้ต่อหน้าชาวบ้านทั้งหลาย ถึงเวลานั้นให้เกาอี้จวิ้นจู่เชิญใต้เท้าหลิ่วมาร่วมงานด้วย ใต้เท้าหลิ่วฉลาดหลักแหลมและวาจาแหลมคม” ไป๋ชิงเหยียนนิ่งคิดครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “เชิญเหล่าสตรีหม้ายที่ช่วงนี้เพิ่งแต่งงานใหม่มาร่วมงานด้วย พวกนางจะได้อธิบายให้ชาวบ้านฟังถึงความแตกต่างระหว่างการครองตนเป็นหม้ายและแต่งงานใหม่”
ต่งฉางหยวนนึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะใจกว้างถึงขนาดอนุญาตให้ชาวบ้านถกเถียงเรื่องระบอบการปกครองได้
ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนซื่อตรง โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่เคยเรียนหนังสือ พวกเขาต้องการคนอธิบายเหตุผลให้พวกเขาฟัง เมื่อพวกเขาเห็นถึงผลประโยชน์ พวกเขาย่อมเข้าใจข้อดีของระบอบการปกครองใหม่” ไป๋ชิงเหยียนเหลือบเห็นท่าทีของต่งฉางหยวนจึงยิ้มออกมา “ข้ารู้ดีว่าน้องฉางหยวนเป็นคนมีคุณธรรม เจ้าไม่ชอบทำให้เรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทว่า ข้าอยากให้เจ้าเข้าใจว่าระบอบการปกครองใหม่ที่ทำให้ชาวบ้านนำมาถกเถียงกันได้ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง คำคนน่ากลัว ทว่า คำคนก็น่าเคารพเช่นเดียวกัน อยู่ที่ว่าราชสำนักจะนำมันไปใช้ในทางใด”
ไป๋จิ่นจื้อหันไปมองไป๋ชิงเหยียน เหมือนตอนนั้นที่พี่หญิงใหญ่เล่าความดีความชอบของตระกูลไป๋ให้ชาวบ้านมากมายฟัง ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลไป๋ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด
ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ชาวบ้านคุกเข่าต้อนรับวิญญาณของวีรบุรุษตระกูลไป๋อยู่บนถนนหน้าประตูทิศใต้ของเมืองหลวง
ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น นางยังจดจำได้ขึ้นใจ