ตอนที่ 1037 อำนาจ
หลิวซื่อไม่พอใจคุณหนูทั้งสองของตระกูลฉินนานแล้ว นางอยากลุกขึ้นด่า ทว่า ในเมื่อน้องสะใภ้สามห้ามนางไว้ หลิวซื่อจึงอดทนต่อไป…
ฉีซื่อยังคงมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อนตามเดิม
“ที่พวกข้าไม่แต่งงานใหม่ไม่ใช่เพราะคนของราชวงศ์ไม่อยากทำตัวเป็นแบบอย่างให้ชาวบ้านเห็น ทว่า ในฐานะสตรีหม้าย ข้ารู้ดีว่าสิ่งใดดีสำหรับข้าที่สุด!” ฮูหยินห้าฉีซื่อก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดไม้ของศาลาไม้หนึ่งก้าว โบกพัดในมือเล็กน้อย “หากข้าคือสตรีหม้ายจากตระกูลธรรมดา หากข้าสูญเสียสามีไป ข้าคงอยากแต่งงานใหม่เพื่อลูกของข้า เพื่อจะได้มีบุรุษคอยช่วยเหลือไม่ให้ข้าต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ทว่า ข้าคือสะใภ้ของตระกูลไป๋ซึ่งเมื่อก่อนคือจวนเจิ้นกั๋วกง บัดนี้คือราชวงศ์! ข้าพึ่งใบบุญของหลานสาวข้า บัดนี้ข้าคืออาสะใภ้ของจักรพรรดินี ใต้หล้าแห่งนี้มีผู้ใดมีอำนาจมากกว่าจักรพรรดิอีกอย่างนั้นหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำกล่าวของอาสะใภ้ห้าจึงคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ อีกทั้งเป็นสตรีเช่นเดียวกับข้า ฝ่าบาททรงรับรู้ความลำบากของสะใภ้ตระกูลไป๋อย่างพวกข้าดี ทรงดูแลพวกข้าราวกับมารดาแท้ๆ ของตัวเอง บัดนี้ข้าอาศัยอยู่ในวังหลวง เครื่องประดับที่ไทเฮาได้รับ บรรดาอาสะใภ้อย่างพวกข้าล้วนมีเช่นเดียวกัน บุตรสาวของข้าได้รับการเลี้ยงดูข้างกายพี่หญิงใหญ่ของนาง พี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ฝ่าบาทดูแลบุตรสาวของข้าประหนึ่งบุตรสาวของตัวเอง ตระกูลฉีซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาของข้าได้รับการดูแลอย่างดีจากหลานสาวของข้า ข้ากล่าวสิ่งใดผิดไปบ้างหรือไม่”
เมื่อคุณหนูสองตระกูลฉินได้ยินคำกล่าวที่หน้าไม่อายของฮูหยินห้าฉีซื่อ ได้ยินฮูหยินห้าเอ่ยถึงผลประโยชน์ที่ได้รับ คุณหนูสองตระกูลฉินจึงเบิกตาโพลงทันทีโนเวลพีดีเอฟ
ทว่า ผู้อื่นที่ได้ยินคำกล่าวของฉีซื่อไม่ได้คิดว่าฉีซื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ ทุกคนคิดว่าฉีซื่อคือคนตรงไปตรงมา สิ่งที่กล่าวออกมาล้วนคือความจริง
“สตรีหม้ายจากตระกูลธรรมดาแต่งงานใหม่เพราะต้องการทางรอด ต้องการมีคนมาช่วยเลี้ยงดูบุตรของตัวเอง บางคนอาจคิดว่าการอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตคือเรื่องที่ทุกข์ทรมาน! หากข้าคือสตรีหม้ายธรรมดา ข้าย่อมแต่งงานใหม่เช่นเดียวกัน! ทว่า บัดนี้ข้ามีชีวิตอย่างสุขสบาย บรรดาสะใภ้ของตระกูลไป๋ร่วมทุกข์ร่วมสุขจนมีอย่างทุกวันนี้ พวกเรารักใคร่กันดั่งพี่น้องแท้ๆ ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน มีแต่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันทุกวันจนไม่อยากจากกันไปที่ใด ตระกูลที่มีแต่ความปรองดองและสงบสุขเช่นนี้ หาไม่ได้จากตระกูลอื่นอีกแล้ว!”
ฮูหยินห้าฉีซื่อกล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังกระโจมของตระกูลสูงศักดิ์บริเวณรอบๆ “อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ยังไม่พบบุรุษที่เหมาะสมจะแต่งงานใหม่ด้วย ยังไม่เห็นตระกูลใดที่เรือนหลังไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความสามัคคีอย่างเช่นตระกูลไป๋ หากข้าแต่งงานออกไป ข้ากลัวว่าจะต้องไปสู้รบกับสตรีในเรือนหลังไม่จบไม่สิ้น!”
“ตอนที่คุณหนูรองของตระกูลไป๋แต่งงานออกไปก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย แม่สามีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสินเดิมของลูกสะใภ้ น้องสามีร่วมมือกันทำร้ายพี่สะใภ้ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!” ฮูหยินห้ามองไปทางคุณหนูสองตระกูลฉินด้วยแววตาเยือกเย็น “หากแต่งงานเข้าตระกูลที่ดีก็ถือว่าดีไป ทว่า หากแต่งงานไปยังจวนฉินที่มีแม่สามีและน้องสามีที่น่ารังเกียจเช่นนี้เท่ากับเป็นการเดินทางไปหาที่ตายชัดๆ !”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดข้าต้องแต่งงานใหม่ให้ตัวเองลำบากด้วย!” ฮูหยินห้าโบกพัดในมือ “สตรีหม้ายจากครอบครัวธรรมดาไม่เหมือนกับพวกข้า พวกนางไม่มีหลานสาวและหลานชายของสามีที่เก่งกาจและกตัญญูอย่างที่พวกข้ามี ปกติแล้วสตรีหม้ายไม่ค่อยได้รับการดูแลจากตระกูลบรรพบุรุษ หากพวกนางไม่มีบุตรชายหรือมีเพียงบุตรสาว ตระกูลบรรพบุรุษจะแย่งสมบัติไปจากพวกนางอย่างรวดเร็วกว่าผู้ใดทั้งหมด สตรีหม้ายบางคนจบชีวิตของตัวเองและลูกเพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกต่อไปได้อีกแล้ว”
ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้ยินถึงตรงนี้จึงรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าขึ้นมาทันทีดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“กฎหมายใหม่ที่สนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมีขึ้นเพื่ออยากให้ทุกคนรับรู้ว่าบุรุษและสตรีมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน!” เสียงของฮูหยินห้าฉีซื่อดังขึ้นกว่าเดิม “บุรุษสามารถแต่งงานใหม่ได้หลังภรรยาเสียชีวิต เหตุใดสตรีต้องครองตนเป็นหม้ายไปตลอดชีวิตหลังสูญเสียสามีด้วย นี่ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ดังนั้นสามีแต่งงานใหม่ได้ ภรรยาก็ทำได้เช่นเดียวกัน มีสิ่งใดไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ”
สตรีต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย ฮูหยินห้ากล่าวตรงกับสิ่งที่พวกนางคิด
“ที่สำคัญเหตุผลที่การปกครองใหม่สนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่…” ฮูหยินห้าวิเคราะห์ให้ฟังอย่างละเอียด “พวกเราสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่เพราะอยากเพิ่มจำนวนประชากรของต้าโจว ยกตัวอย่างครอบครัวธรรมดา หากมีจำนวนคนในครอบครัวมากขึ้นก็จะมีคนช่วยงานในครอบครัวมากขึ้น เมื่อเด็กเติบโตขึ้นย่อมช่วยเหลือครอบครัวได้มากขึ้น หากตระกูลสูงศักดิ์มีเด็กมากขึ้น วันหน้าพี่น้องจะมีคนคอยช่วยเหลือมากขึ้น กฎหมายใหม่ทำเพื่อความมั่งคั่งของชาวบ้าน มีเพียงชาวบ้านมั่งคั่ง แคว้นจึงจะแข็งแกร่ง! จักรพรรดินีแห่งต้าโจวผลักดันระบอบการปกครองใหม่เพราะอยากให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้ต้าโจวของเราแข็งแกร่งจนศัตรูไม่กล้ามารุกราน!”
คนส่วนใหญ่ได้ยินคำกล่าวของฮูหยินห้าฉีซื่อจึงพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวกล่าวในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนจึงเลือดร้อนขึ้นมาทันที
หลิ่วหรูซื่อมองไปทางฮูหยินห้า เขารู้สึกนับถือฮูหยินห้าฉีซื่อผู้นี้ขึ้นมาทันที ตอนแรกเขาคิดว่าตระกูลไป๋มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่มีความสามารถเก่งกาจ นึกไม่ถึงเลยว่าฮูหยินห้าฉีซื่อจะคมในฝักเช่นกัน
“ไม่ว่าจะเป็นไทเฮา ฮูหยินสอง ฮูหยินสามหรือฮูหยินสี่ พวกเราล้วนสูญเสียบุตรไปแล้ว พวกเราไม่อยากมีบุตรอีก ส่วนร่างกายของข้าก็เสียหายอย่างหนักตอนคลอดคุณหนูแปดตระกูลไป๋ออกมาในจวนไป๋จนไม่สามารถมีบุตรได้อีก ในเมื่อตอนนี้พวกข้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข บรรดาหลานสาวของพวกข้าคอยปกป้องดูแลพวกข้าราวกับมารดาแท้ๆ หลานสาวคนโตของข้าเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ในเมื่อพวกเราไม่อยากมีบุตรอีก เหตุใดพวกเราต้องแต่งงานใหม่ด้วย!”
ฮูหยินห้าฉีซื่อไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองในสายตาของคนภายนอก นางโบกพัดในมือ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน “มนุษย์ทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อผลประโยชน์และแสวงหาผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ฮูหยินตระกูลไป๋ไม่แต่งงานใหม่เพราะชีวิตในตอนนี้สุขสบายอยู่แล้ว อีกทั้งส่งผลดีต่อตระกูลฝั่งมารดาของพวกเรามากที่สุด การแต่งงานใหม่ไม่มีทางดีไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้!”
“เหตุผลเดียวกัน ระบอบการปกครองใหม่ต้าโจวให้ทางเลือกสตรีหม้ายได้เลือกว่าสิ่งใดดีที่สุดสำหรับพวกนาง พวกนางจะได้ไม่ต้องครองตนเป็นหม้ายอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต! สตรีหม้ายอย่างพวกเราอายุปูนนี้แล้ว พวกเราจะตัดสินใจเองไม่ได้เลยหรือว่าสิ่งใดดีที่สุดสำหรับตัวเอง” ฮูหยินห้ามองไปยังทุกคนที่มีสีหน้าแตกต่างกันไป “ระบอบการปกครองใหม่สนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ ไม่ได้บังคับให้พวกนางต้องแต่งงาน! ข้าเลือกที่จะไม่แต่งเพราะนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับข้า ส่วนสตรีที่เลือกแต่งงานใหม่ย่อมเป็นเพราะพวกนางคิดว่านั่นคือสิ่งที่ดีสำหรับพวกนาง ข้ากล่าวผิดไปหรือไม่”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตั้งแต่ที่มีการปกครองระบอบใหม่เกิดขึ้น ราชสำนักสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ ทว่า ไม่เคยบังคับฝืนใจเลยสักครั้ง
ฮูหยินสามหลี่ซื่อโบกพัดกลมในมือพลางกล่าวขึ้น “เป็นเช่นนี้ถูกต้องแล้ว…”