ตอนที่ 1042 ยอมรับ
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนเดินไปดูอาสะใภ้สี่ที่หลับอยู่ด้านในครู่หนึ่ง หญิงสาวนั่งลงตรงปลายเตียง ขยับผ้าห่มห่มร่างให้หวังซื่อ
หมอหงตรวจดูอาการของหวังซื่อแล้ว ฟางซื่อวางยาสลบหวังซื่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้วางยาอื่นปะปนด้วย เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนอยู่เป็นเพื่อนหวังซื่อครู่หนึ่ง เว่ยจงเดินเข้ามาด้านใน เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนผ่านฉากกั้น “ฝ่าบาท ฟางซื่อโดนโบยไปได้ไม่กี่สิบทีก็สลบไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พี่ชายของนางยินดีโดนโบยต่อแทนนาง คนโบยไม่รู้จะตัดสินใจเช่นไร บ่าวจึงมาทูลถามความเห็นของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“โทษของผู้ใดผู้นั้นต้องรับโทษเอง เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับลิขิตของสวรรค์” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเรียบ
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำ
กวนหมัวมัวได้ยินจึงกัดฟันกรอด นางเกลียดจนแทบอยากฉีกร่างของฟางซื่อออกเป็นชิ้นๆ ฟางซื่อเป็นเพียงหญิงสามัญธรรมดา กล้าดีอย่างไรถึงคิดทำร้ายฮูหยินสี่ของพวกนาง
“ท่านหมอหงกล่าวว่าฮูหยินสี่คงฟื้นขึ้นอีกทีในวันพรุ่งนี้ ไม่ทราบว่าวันนี้ฝ่าบาทจะเชิญตระกูลฝั่งมารดาของฮูหยินทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงในวังหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงถามเสียงเบา
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนส่งคนไปเชิญตระกูลฝั่งมารดาของฮูหยินตระกูลไป๋ทุกคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานให้พาครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง ไป๋ชิงเหยียนต้องการทำให้มารดาและบรรดาอาสะใภ้ประหลาดใจ ทว่า ท่านอาสะใภ้สี่เกิดเรื่องขึ้น ไม่อาจร่วมงานเลี้ยงได้ นางกลัวว่าผู้อื่นอาจคิดไปไกลจนเกิดเรื่องขึ้น หากนางบอกความจริงออกไปก็ไม่รู้ว่าจะมีคนปากพล่อยเอาเรื่องนี้อีกไปแพร่งพรายหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางอาสะใภ้สี่ที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่
“ทำตามแผนเดิมได้เลย”
หากยกเลิกในเวลานี้ยิ่งจะทำให้คนสงสัยมากกว่าเดิม
ถึงเวลานั้นค่อยอ้างว่าอาสะใภ้สี่ไม่สบายกะทันหัน จากนั้นค่อยเชิญตระกูลฝั่งมารดาของอาสะใภ้สี่เข้าวังวันหลังแทน
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดของเกาอี้จวิ้นจู่ถูกชาวบ้านแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง กล่าวว่าบ่าวรับใช้ของคุณหนูสองตระกูลฉินลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท ฝ่าบาทเห็นแก่หน้าฝู่กั๋วจวินจึงไม่ได้สังหารคุณหนูสองตระกูลฉินในตอนนั้น ทว่า จับกุมตัวไว้ก่อน
บางคนกล่าวว่าขุนนางโน้มน้าวให้ฝ่าบาทเสด็จกลับวังหลวงไปก่อน ทว่า ฝ่าบาทตรัสว่าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ไม่จำเป็นต้องกลัว ตรัสว่าจะอยู่ร่วมสนุกกับชาวบ้าน ไม่ยอมเสด็จกลับวังไปก่อน
ความสนุกในวันนั้นมีต่อเนื่องจนถึงตอนที่รถม้าของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเคลื่อนตัวกลับวังหลวงท่ามกลางการอารักขาของทหารรักษาพระองค์ในช่วงพลบค่ำ ความสนุกครื้นเครงของงานที่จัดขึ้นที่นอกเมืองจึงค่อยๆ ลดน้อยลง
วันนี้ถงหมัวมัวไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย นางอยู่ดูแลความเรียบร้อยของงานเลี้ยงต้อนรับตระกูลฝั่งมารดาของฮูหยินตระกูลไป๋ทุกคน
ก่อนต่งซื่อเดินทางไปร่วมงานได้กำชับไว้แล้วว่าให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับขึ้นที่ตำหนักปี้สุ่ย ตำหนักปี้สุ่ยคือตำหนักที่เย็นสบายที่สุดในวังหลวงในช่วงฤดูร้อน ถงหมัวมัวพาขันทีและนางกำนัลไปทำความสะอาดตำหนักใหม่ เปลี่ยนผ้าม่านกันแมลงที่ระเบียงทางเดินและบนชั้นสองใหม่ทั้งหมด จากนั้นจุดไฟโคมไฟนกกระเรียนสีทองแดงขนาดครึ่งตัวคนที่ตั้งอยู่สองข้างทางให้สว่างจ้าราวกับอยู่ในเวลากลางวัน
ถงมัวหมัวมองดูนางกำนัลวางแจกันดอกไม้ประดับบนแท่นสูงอยู่ด้านหน้าสุด นางมองไปทางนาฬิกาทราย คุณหนูใหญ่ บรรดาฮูหยินตระกูลไป๋และฮูหยินของตระกูลฝั่งมารดาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ถงหมัวมัวสั่งให้ชุนจือไปดูความเรียบร้อยในโรงครัวว่าเตรียมอาหารรองท้องชุดแรกเสร็จแล้วหรือไม่ จากนั้นถงหมัวมจึงเดินออกไปรอต้อนรับทุกคนที่หน้าประตูตำหนัก
นอกตำหนักปี้สุ่ย โคมไฟซึ่งตั้งอยู่ตามทางเดินทุกๆ ห้าก้าวสะท้อนลงบนกระเบื้องหินสีดำที่ถูกขัดจนมันวาว
เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิดอกไป๋ฮวาร่วงโรย ดอกเก๊กฮวยบานสะพรั่ง
ดอกเก๊กฮวยพันธุ์ดีถูกปลูกเรียงรายตามสองข้างทางของระเบียงทางเดิน ดอกของมันบานสะพรั่งอย่างพร้อมเพรียง เห็นชัดเจนท่ามกลางแสงของโคมไฟที่ส่องสว่าง เมื่อลมพัดผ่านได้กลิ่นหอมของดอกเก๊กฮวยอย่างชัดเจน
ต้นหลิ่วริมทะเลสาบปี้สุ่ยมีสีทองขึ้นแทรกเล็กน้อย แม้ไม่ได้เขียวขจีเหมือนช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทว่า ยามต้นหลิ่วพัดลู่ลม สีทองอร่ามของมันยามสะท้อนแสงไฟช่างดงามไม่แพ้ช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ถงหมัวมัวเห็นขันทีและนางกำนัลเดินถือโคมไฟนำทางมา นางเห็นฮูหยินใหญ่ต่งซื่อเดินประคองต่งเหล่าไท่จวินเดินเข้ามาเป็นคนแรกจึงรีบเข้าไปทำความเคารพด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันไปทำความเคารพแขกคนที่เหลือ
“จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วเจ้าค่ะ เชิญเหล่าไท่จวิน ฮูหยินและคุณหนูทุกท่านด้านในเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเชิญสตรีของแต่ละตระกูลมาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง เหล่าฮูหยินของแต่ละตระกูลจึงพาบุตรสาวและลูกสะใภ้ของตัวเองมาร่วมงานด้วย การได้เข้ามาในวังหลวงคือเกียรติยศในชีวิต โดยเฉพาะสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน วันหน้าคงมีคนมาขอดูตัวไม่ขาดสาย
ที่สำคัญคือหากอาของพวกนางพอใจในตัวพวกนางและรับพวกนางเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนในวังด้วยสักระยะ อนาคตของพวกนางต้องยิ่งเจิดจ้ากว่าเดิมแน่นอน
แม้ว่าจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ทว่า เหล่าไท่จวินทุกคนล้วนคิดถึงบุตรสาวของตัวเองจริงๆ อีกทั้งอยากให้หลานสาวของตัวเองสนิทสนมกับบุตรสาวของตนมากขึ้น
ต่งซื่อเชิญมารดาของตัวเองพลางหันไปเชิญแขกคนอื่นยิ้มๆดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เชิญไท่เหล่าจวินและฮูหยินทุกท่านด้านใน”
ไป๋ชิงเหยียนกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่ตำหนักของตัวเองก่อน ตอนเดินทางไปร่วมการแข่งขันว่าวหญิงสาวจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของราชวงศ์เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอก การแต่งกายด้วยชุดประจำตำแหน่งจักรพรรดิทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวก ไป๋ชิงเหยียนอยากเปลี่ยนเป็นชุดที่คล่องแคล่วกว่านี้ เวลาอยู่ต่อหน้าตระกูลฝั่งมารดาของอาสะใภ้พวกนางจะได้ไม่รู้สึกกดดันมากนัก
ระหว่างทางที่เดินไปยังตำหนักปี้สุ่ยหลังจากเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนจัดชุดของตัวเองพลางถามเว่ยจง “พี่ชายของฟางซื่อไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ใช่หรือไม่”
เว่ยจงพยักหน้า “บ่าวให้คนจับตาดูรถม้าคันนั้นไว้ตลอดเวลา ตอนที่หมัวมัวข้างกายของฟางซื่อพาพี่ชายของฟางซื่อไปที่รถม้า พี่ชายของนางเอาแต่ถามว่าฟางซื่อได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติเช่นเดียวกันจึงไม่ยอมขึ้นไปบนรถม้า กล่าวว่าจะไปตามประมุขไป๋ไป๋ฉีเหอไปด้วยกัน ทว่า ถูกหมัวมัวผู้นั้นห้ามไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นมองไปทางเว่ยจงด้วยแววตาเย็นชา
“ให้คนจับตาดูเขาไว้ หากโดนโบยห้าสิบทีแล้วฟางซื่อทนไม่ไหวก็ปล่อยเรื่องนี้ไป ทว่า หากนางฟื้นขึ้นมาแล้วไป๋ฉีเหอยังไม่ยอมหย่ากับนางภายในสามวันจงทำกับนางด้วยวิธีเดียวกับที่นางคิดทำกับท่านอาสะใภ้สี่ ทว่า ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ต้องไว้หน้าไป๋ชิงผิงด้วย”
เว่ยจงเข้าใจความหมายของไป๋ชิงเหยียน เขารับคำเสียงนิ่ง
หากฟางซื่อหาวิธีทำให้ไป๋ฉีเหอใจอ่อนจนไม่ยอมหย่ากับนาง เช่นนั้นฟางซื่อเคยคิดจะทำกับฮูหยินสี่เช่นไร ไป๋ชิงเหยียนก็จะใช้วิธีนั้นกับฟางซื่อ ทว่า เห็นแก่ที่ฟางซื่อคือมารดาของไป๋ชิงผิง แค่บังบีบให้ไป๋ฉีเหอจำต้องหย่ากับฟางซื่อก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นรับรู้เรื่องนี้ด้วย
เมื่อก่อนฟางซื่อจะก่อความวุ่นวายมากเพียงใดไป๋ชิงเหยียนไม่เคยใส่ใจ ทว่า นางเหิมเกริมมากขึ้นทุกที
ในเมื่อนางคิดใส่ร้ายอาสะใภ้สี่ของไป๋ชิงเหยียน เช่นนั้นก็อย่ากลัวผู้อื่นใส่ร้ายนางเช่นเดียวกัน
“ส่วนเย่สือ…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยสั่งเว่ยจง “เจ้าให้คนดูแลเขาให้ดี เขาขี่ม้าเดินทางมาไกลยังไม่ได้พักผ่อน ใหคนไปบอกเขาว่าข้าจะพบเขาหลังว่าราชการพรุ่งนี้”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนไปถึง ต่งเหล่าไท่จวิน หลิวเหล่าไท่จวิน หลี่เหล่าไท่จวิน หวังเหล่าไท่จวินและฉีเหล่าไท่จวินพาครอบครัวของตัวเองนางประจำที่เรียบร้อยแล้ว
คุณหนูแปดไป๋หวั่นชิงถูกฉีเหล่าไท่จวินอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ไม่ยอมปล่อยมือ เด็กน้อยนั่งทานขนมอยู่บนตักของยายตัวเองอย่างว่าง่าย เด็กน้อยยื่นขนมในมือป้อนให้ฉีเหล่าไท่จวิน ฉีเหล่าไท่จวินหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข