ตอนที่ 1044 ถึงเวลาแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องแคว้นเทียนเฟิ่ง หญิงสาวหวาดระแวงแคว้นนี้มาโดยตลอด
แคว้นเทียนเฟิ่งสามารถผลิตอาวุธที่ไร้เทียมทานขึ้นมาได้ ทว่า พวกเขากลับอยู่อย่างสงบในแคว้นของตัวเองมานานหลายปี อาจกล่าวได้ว่าจักรพรรดิของแคว้นเทียนเฟิ่งรักความสงบ ทว่า เมื่อรู้ว่าแคว้นเทียนเฟิ่งมีกองทัพช้าง พวกเขาเตรียมเสื้อขนสัตว์สำหรับช้างสวมใส่ไว้นานแล้ว ตอนนี้ยังยกกองทัพช้างไปยังแคว้นซีเหลียงทั้งๆ ที่รู้ว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนจ้องจะเล่นงานซีเหลียงอีก พวกเขามีจุดประสงค์ใดอยู่กันแน่
แค่ซีเหลียงมอบผลประโยชน์ให้เล็กน้อย พวกเขาจึงยินดีช่วยเหลือซีเหลียงทำสงครามเต็มกำลังถึงเพียงนี้เลยหรือ จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งเป็นพ่อพระ ทว่า ขุนนางทุกคนของแคว้นเทียนเฟิ่งเป็นพ่อพระด้วยอย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนให้เยว่สือส่งข่าวนี้ให้เซียวหรงเหยี่ยนรับรู้เพื่อเตรียมป้องกันไว้ก่อน บางทีนางอาจเป็นกังวลมากไปเอง เซียวหรงเหยี่ยนมีแหล่งข่าวกว้างขวาง ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจรับรู้ข่าวนี้แล้วก็ได้
“ไปเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเยว่สือ “รีบนำข่าวนี้ไปบอกให้เจ้านายของเจ้ารับรู้โดยเร็วที่สุด หากชักช้าแคว้นเทียนเฟิ่งอาจเริ่มเคลื่อนไหวก่อนได้”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เยว่สือกำหมัดรับคำ จากนั้นรีบเดินทางจากไปส่งข่าวที่ต้าเยี่ยน
เมื่อเยว่สือจากไป ไป๋ชิงเหยียนตะโกนเรียกคน “ผู้ใดก็ได้เข้ามาที!”
เว่ยจงเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง “ฝ่าบาท…”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ากางแผนที่หนังแกะออกดู จากนั้นจุ่มพู่กันลงบนแท่นหมึก “รีบไปตามหลูผิงมาเร็ว”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของไป๋ชิงเหยียนจึงรีบสั่งคนไปตามหลูผิง
ไป๋ชิงเหยียนนั่งครุ่นคิดอยู่หน้าโต๊ะ เมื่อเขียนตัวอักษรสุดท้ายลงในแผนที่เสร็จ หญิงสาวใส่แผนที่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นจึงเห็นหลูผิงเดินมาอย่างรีบร้อน
“ลุงผิง…” ไป๋ชิงเหยียนลุกเดินไปหยุดอยู่หน้าหลูผิง ส่งกระบอกไม้ไผ่ในมือให้ “ลุงผิง ข้าไม่ไว้ใจผู้อื่น ท่านรีบพาองครักษ์ตระกูลไป๋ไปหาอาอวี๋ที่หรงตี๋ บอกเขาว่า…ถึงเวลากลับบ้านแล้ว”
หลูผิงได้ยินคำนี้จึงน้ำตาคลอขึ้นมาทันที เขารับกระบอกไม้ไผ่มาถือไว้ในมือแน่น “ขอรับ! ข้าจะพาคนไปหาคุณชายห้าเดี๋ยวนี้ขอรับ! คุณหนูใหญ่กำลังตั้งครรภ์ ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะขอรับ หากออกไปด้านนอกให้เว่ยจงติดตามไปด้วยนะขอรับ”
ฝีมือการต่อสู้ของเว่ยจงดีมาก มีเพียงเว่ยจงอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนหลูผิงจึงจะวางใจ
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ขอบเขตดี” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
มองส่งหลูผิงจากไป ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แผนการจัดการกับซีเหลียงก่อนหน้านี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไป ต้องทำให้ซีเหลียงและเทียนเฟิ่งรู้ว่าหรงตี๋คือแคว้นของต้าโจวแล้ว หากซีเหลียงและเทียนเฟิ่งอยากต่อกรกับแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างต้าโจว พวกเขาต้องไตร่ตรองให้ดี
ไป๋ชิงเหยียนปลอมตัวเดินทางออกจากวังไปสำรวจสัตว์ใหญ่อย่างช้างที่ค่ายทหารนอกเมือง
หลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคง ต่งซือถู เสนาบดีกรมทหาจางตวนหนิงและเสนาบดีกรมการคลังเว่ยปู้จิ้งรออยู่ที่นอกเมืองก่อนแล้ว พวกเขาทำความเคารพซึ่งกันและกัน จากนั้นสอบถามสาเหตุที่มาที่นี่ ทว่า ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องทั้งสิ้น พวกเขารู้เพียงว่าฝ่าบาทให้พวกเขาเดินทางไปยังค่ายทหารด้วย
ไม่นานรถม้าหรูขนาดหกคนนั่งคันหนึ่งเคลื่อนตัวออกมาจากเมืองหลวง ไป๋จิ่นจื้อในชุดทะมัดทะแมง ฝูรั่วซี เซี่ยอวี่จั่งและเว่ยจงขี่ม้าอยู่ด้านหน้ารถม้า องครักษ์ขี่ม้าขนาบข้างคุ้มกันรถม้าทั้งสองด้าน
ไป๋จิ่นจื้อควบม้าไปด้านหน้า บรรดาขุนนางทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อโนเวลพีดีเอฟ
สาวน้อยทำความเคารพกลับขุนนางทุกคน “ฝ่าบาทเชิญไท่เว่ย ซือคง ซือถูและใต้เท้าทั้งสองขึ้นไปบนรถม้า อีกสักพักกว่าจะถึงค่ายทหาร ฝ่าบาทมีเรื่องจะปรึกษากับทุกท่าน”
ได้ยินไป๋จิ่นจื้อกล่าวเช่นนี้หลู่ไท่เว่ยจึงพยักหน้า เขาพาขุนนางทำคนขึ้นไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนบนรถม้า จากนั้นนั่งลงตรงข้ามหญิงสาว
ไป๋จิ่นจื้อเห็นดังนั้นจึงตะโกนลั่น “เดินทางต่อ…”
รถม้าเคลื่อนขบวนอีกครั้ง ชุนเถาที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างรินน้ำชาให้ใต้เท้าทุกคน จากนั้นถอยไปคุกเข่าอยู่ด้านหลังไปชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
“ฝ่าบาททรงเรียกพวกเรามาด่วนเช่นนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นที่หนานเจียงหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลู่ไท่เว่ยถามอย่างจับสังเกตได้
ไป๋ชิงเหยียนวางจดหมายที่ไป๋ชิงฉีส่งกลับมาลงบนโต๊ะ จากนั้นผลักไปตรงหน้าได้เท้าทุกคน
“ทุกท่านอ่านนี่ก่อนเถิด อาฉีให้คนส่งมาให้ข้า”
ใต้เท้าทุกคนก้มหน้าอ่านจดหมายอย่างคร่าวๆ จากนั้นตกตะลึงทันที หลู่ไท่เว่ยเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมเคยได้ยินชื่อแคว้นเทียนเฟิ่งมาบ้าง ทว่า กองทัพช้าง…สามารถฝึกฝนช้างให้กลายเป็นกองทัพได้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ย่อมได้อยู่แล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ข้าได้รับข่าวตั้งแต่ต้นเดือนเก้าว่าซีเหลียงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากเทียนเฟิ่ง แคว้นเทียนเฟิ่งไม่เพียงมีอาวุธที่ไร้เทียมทาน พวกเขายังมีกองทัพช้างจำนวนมหาศาลอีกด้วย ข้าให้คนส่งข่าวไปยังเมืองหาน ให้ฝู่กั๋วจวินส่งช้างกับครูฝึกช้างมายังต้าโจว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ค่ายทหาร ข้าจึงจะพาพวกท่านไปดูด้วยกัน”
หลู่ไท่เว่ยลูบคลำจดหมายในมือ จากนั้นกล่าวต่อ “บัดนี้กองทัพช้างประชิดอยู่ที่ชายแดนของแคว้นเราแสดงว่าพวกเขาต้องการเปิดศึกอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมคิดว่าไม่น่าใช่…” เสิ่นจิ้งจงกล่าวขึ้น “บัดนี้ต้าโจวแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแคว้นซีเหลียง ต้าเยี่ยน และหรงตี๋ ซีเหลียงคงกลัวว่าต้าโจวจะบุกโจมตีซีเหลียงขณะที่ซีเหลียงทำสงครามกับหรงตี๋จึงขอความช่วยเหลือจากเทียนเฟิ่ง พวกเขาคงแค่อยากใช้กองทัพช้างข่มขวัญพวกเรา เพราะตอนนี้ซีเหลียงไม่มีสิ่งใดตอบแทนเทียนเฟิ่งได้”
“ดินแดน ประชากรและม้าศึก!” เสนาบดีกรมการคลังเว่ยปู้จิ้งขมวดคิ้วแน่น “ทุกแคว้นล้วนอยากได้สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือ หากดูจากตำแหน่งที่ตั้งของแคว้นเทียนเฟิ่ง แม้พวกเขาจะมีภูเขาหิมะและทะเลทรายกั้นขวาง ทว่า พวกเขาไม่มีพื้นที่เพาะปลูกอย่างซีเหลียง ไม่มีที่ราบเหมือนต้าโจวและต้าเยี่ยน”
ตั้งแต่ที่เว่ยปู้จิ้งได้ยินเรื่องแคว้นเทียนเฟิ่งเขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขาหาอ่านตำราเกี่ยวกับเทียนเฟิ่งมากมาย “กลัวแค่ว่าเมื่อกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งเดินทางไปถึงซีเหลียงหรือชายแดนของต้าโจวแล้ว ซีเหลียงและตระกูลทั้งสูงศักดิ์ทั้งแปดของซีเหลียงจะไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องต่างๆ อีกต่อไป”
ตั้งแต่โบราณผู้ที่มีอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่งคือผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เว่ยปู้จิ้งเดาได้ว่าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงชักศึกเข้าบ้านตัวเองแล้ว บัดนี้กองทัพช้างอยู่ในแคว้นซีเหลียง สำหรับเทียนเฟิ่งแล้วการยึดครองแคว้นซีเหลียงเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
“ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าเทียนเฟิ่งอาจเห็นซีเหลียงเป็นเนื้อชิ้นมันของตัวเองตั้งนานแล้ว บัดนี้พวกเขาจึงใช้กองทัพช้างบุกยึดครองดินแดนและชาวบ้านของแคว้นซีเหลียงพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยปู้จิ้งกล่าวจบกลัวไป๋ชิงเหยียนไม่เชื่อจึงกล่าวต่อ “หากแคว้นเทียนเฟิ่งไม่มีใจคิดทำสงครามกับแคว้นอื่น เหตุใดต้องทุ่มเทแรงกายและทรัพยากรของแคว้นไปกับกองทัพช้างกลุ่มนี้ด้วย การป้องกันแคว้นไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพช้าง นอกเสียจากพวกเขาต้องการใช้กองทัพช้างบุกทำลายประตูเมืองของแคว้นอื่นยามทำสงครามกัน”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เว่ยปู้จิ้งมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ทว่า การเลี้ยงกองทัพช้างสิ้นเปลืองทรัพยากรมาก หากทำเพียงปกป้องตัวเองจากแคว้นอื่น พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีกองทัพช้างมากถึงเพียงนี้ เทียนเฟิ่งมั่งคั่ง ทว่า ตำแหน่งที่ตั้งของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่ได้มีแหล่งเสบียงที่อุดมสมบูรณ์ เทียนเฟิ่งฝึกฝนกองทัพช้างจำนวนมหาศาล อีกทั้งทำเสื้อเกราะและเสื้อขนสัตว์ให้ช้างเหล่านั้น พวกเขาย่อมมีจุดประสงค์อื่นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
จางตวนหนิงพยักหน้าเห็นด้วย “ช้างคือสัตว์ใหญ่ ทว่า พวกเขากลับทำเสื้อเกราะและเสื้อขนสัตว์ให้มัน หากกล่าวว่าแคว้นเช่นนี้ไม่อยากทำสงคราม กระหม่อมไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ”