ตอนที่ 1063 แข็งแรงมีชีวิตชีวา
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้ฉินซ่างจื้อ “ขอบคุณฉินเซียนเซิงที่ชี้แนะ ฉินเซียนเซิงรักษาตัวด้วย!”
ฉินซ่างจื้อโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง เมื่อเสียงล้อรถม้าของไป๋ชิงเหยียนจากไปไกลเขาจึงหยัดกายขึ้น ได้แต่อวยพรให้ไป๋ชิงเหยียนโชคดีอยู่ในใจ
ไป๋ชิงเหยียนทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ หญิงสาวไม่เพียงมีที่ยืนที่มั่นคงในราชสำนัก ทว่า กลับกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในราชสำนัก กลายเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอีกด้วย ทว่า สุดท้ายแล้วฉินซ่างจื้อกลับเลือกเดินทางเดิมเหมือนชาติที่แล้ว เขาเลือกจงรักภักดีต่ออดีตองค์รัชทายาทจนถึงที่สุด
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปถึงเมืองผิงหยาง หิมะแรกของปีตกลงมาพอดี
ชาวบ้านแถบชายแดนรักและผูกพันกับกองทัพไป๋และคนตระกูลไป๋มาก เมื่อรู้ข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจึงฝ่าหิมะออกมารอต้อนรับขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียน
ช่วงนี้กองทัพช้างปรากฏตัวที่แถบชายแดนบ่อยครั้ง ชาวบ้านเมืองผิงหยางที่ไม่เคยพบเจอสัตว์ใหญ่เช่นนี้มาก่อนจึงรู้สึกหวาดกลัวมาก
ป่านอกเมืองผิงหยางซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างสองแคว้นมีนายพรานอาศัยอยู่มากมาย พวกเขาไม่เพียงได้รับผลกระทบเท่านั้น ที่พักชั่วคราวที่ชาวบ้านในเมืองผิงหยางสร้างขึ้นในป่าตอนออกล่าสัตว์ก็ถูกช้างเหล่านั้นทำลายเช่นเดียวกัน
ชาวบ้านบอกต่อกันว่าช้างเป็นสัตว์โหดร้ายราวกับสัตว์ประหลาดในตำนาน ไม่มีผู้ใดต้านทานมันได้ ชาวบ้านจึงพากันหวาดกลัว
คนเมืองผิงหยางที่ร่ำรวยและมีอำนาจพาครอบครัวของตัวเองย้ายหนีจากเมืองผิงหยางตั้งแต่กองทัพช้างเดินทางมาถึงชายแดนแล้ว แม้แต่ขุนนางที่คอยปลอบไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวยังย้ายทรัพย์สินและคนในครอบครัวของตัวเองออกจากเมืองผิงหยางไปแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าชาวบ้านผิงหยางรู้สึกสิ้นหวังกับสถานการณ์ตรงนี้เช่นไรบ้าง
พวกเขาคิดว่าเมื่อเกิดสงครามขึ้นพวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกต้าโจวทอดทิ้ง
ชาวบ้านบางคนด่าทอว่าไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนไปหลังจากขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี ไม่มีใจรักและปกป้องชาวบ้านอย่างพวกเขาเหมือนเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงและแม่ทัพกองทัพไป๋อีกต่อไป
พวกเขาลังเลว่าจะอพยพหนีจากเมืองผิงหยางดีหรือไม่ ทว่า เมื่ออพยพหนีพวกเขาจะกลายเป็นคนเร่ร่อนทันที ตอนนี้คือช่วงฤดูหนาว พวกเขาอาจหิวหรือหนาวตายได้ ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ด้วยความหวังสุดท้ายว่าตอนนี้ต้าโจวยังไม่ได้เริ่มทำสงครามกับกองทัพช้าง พวกเขาจึงยังไม่อพยพหนีจากบ้านเกิดของตัวเองโนเวลพีดีเอฟ
ชาวบ้านแถบชายแดนไม่เหมือนกับชาวบ้านในเมืองหลวงที่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในแคว้นจากข่าวที่หลุดลอดออกมาจากราชสำนักได้ ชาวบ้านแถบชายแดนอยู่ไกลเกินกว่าจะรับรู้ข่าวเหล่านั้น พวกเขาทำได้เพียงคาดเดา ยิ่งคาดเดามากเท่าใดก็ยิ่งหวาดกลัวมากเท่านั้น พวกเขาคิดว่าชาวบ้านที่ไม่มีค่าอย่างพวกเขาคงถูกราชสำนักทอดทิ้งแล้ว
ต่อมาเกาอี้จวินไป๋จิ่นจื้อและเสิ่นคุนหยางพากองทัพไป๋มายังเมืองผิงหยาง ชาวบ้านเหล่านี้จึงคลายกังวลลง พวกเขาจึงรับรู้ว่าราชสำนักไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา!
ราชสำนักส่งกองทัพที่ดุดันและแข็งแกร่งที่สุดอย่างกองทัพไป๋มาแล้ว! เกาอี้จวินที่ทำลายแคว้นต้าเหลียงเป็นคนนำทัพมาด้วยตัวเอง!
วันนั้นชาวบ้านออกมาต้อนรับกองทัพไป๋ทั้งน้ำตา พวกเขารู้ดีว่าขอเพียงมีกองทัพไป๋อยู่ กองทัพไป๋ต้องปกป้องชาวบ้านอย่างพวกเขาด้วยชีวิตแน่นอน
บัดนี้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเสด็จมาที่นี่ด้วยองค์เอง นั่นคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเชียวนะ! ขณะที่คนตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองผิงหยางพากันอพยพหนีออกจากเมือง จักรพรรดินีของพวกเขาเสด็จมาที่นี่ด้วยองค์เอง นางมาอยู่ร่วมกับชาวบ้านอย่างพวกเขา ชาวบ้านเหล่านี้จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!
จักรพรรดิของพวกเขาคือเทพแห่งสงครามที่มีชื่อเสียง!
การมาเยือนของไป๋ชิงเหยียนทำให้ชาวบ้านมีขวัญกำลังใจขึ้นมาทันที!
แม้หิมะจะตกหนักเพียงใดพวกเขาก็ไม่หวาดหวั่น พวกเขายืนกรานจะออกมาต้อนรับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่เดินทางมาปกป้องพวกเขา
พลทหารม้าชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งเคลื่อนขบวนมาแต่ไกล ธงเฮยฟานไป๋หมั่งปลิวสะบัดตามแรงลม ชาวบ้านที่ศีรษะเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะคนหนึ่งเห็นขบวนเป็นคนแรก เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “นั่นธงเฮยฟานไป๋หมั่ง! ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว!”
ชาวบ้านพากันมองไปทางประตูเมือง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นกว่าเดิม
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้ว!”
“ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวกองทัพช้างอีกแล้ว! ฝ่าบาทไม่ได้ทอดทิ้งชาวบ้านแถบชายแดนอย่างพวกเรา ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ด้วยองค์เอง!”
“นั่นสิ ดีจริงๆ พวกเรารอดแล้ว!”
ความรู้สึกดีใจและตื่นเต้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างโห่ร้องด้วยความยินดี
“ข้าบอกแล้วว่าฝ่าบาทและกองทัพไป๋ไม่มีทางทอดทิ้งชาวบ้านแถบชายแดนอย่างพวกเรา พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเอง!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งหนาวจนหน้าแดงก่ำ ทว่า ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกาย สีหน้าภาคภูมิใจยิ่งนัก “ฝ่าบาทคือคนของตระกูลไป๋ แม่ทัพของกองทัพไป๋ทุกคนปกป้องพวกเราด้วยชีวิต ฝ่าบาทคือทายาทของตระกูลไป๋ ต่อให้เสด็จขึ้นครองราชย์ก็ไม่มีวันเปลี่ยนไปแน่นอน!”
เสิ่นคุนหยางพาเฉิงหย่วนจื้อ หลู่หยวนเผิง ซือหม่าผิงและทหารคุ้มกันเมืองผิงหยางถือธงเฮยฟานไป๋หมั่งออกมาต้อนรับไป๋ชิงเหยียน หลู่หยวนเผิงได้ยินเสียงตะโกนร้องของชาวบ้านจึงควบม้าไปด้านหน้าอย่างทนไม่ไหว “แม่ทัพเสิ่น ข้าจะออกไปต้อนรับพี่สาว…ฝ่าบาท”
“เรียกฝ่าบาทว่าพี่สาวฝ่าบาทได้อย่างไร!” เฉิงหย่วนจื้อถลึงตาใส่หลู่หยวนเผิงที่ร่างเต็มไปด้วยหิมะดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ก่อนหน้านี้ข้าเรียกพี่สาวไป๋จนเคยชินไปแล้ว!” หลู่หยวนเผิงหัวเราะแหยๆ
“รออยู่ที่นี่นั่นแหล่ะ หิมะตกหนักเช่นนี้หากเจ้าออกไปเสี่ยวไป๋…”
เฉิงหย่วนจื้อเกือบหลุดคำว่าเสี่ยวไป๋ไซว่ออกไป ยังไม่ทันแก้คำกล่าวก็ได้ยินหลู่หยวนเผิงกล่าวหยอกเสียงดัง “แหม ท่านแม่ทัพเอ่ยเรียกฝ่าบาทเช่นไรขอรับ!”
“เจ้าเด็กนี่!” เฉิงหย่วนจื้อยกมือทำทีจะต่อยหลู่หยวนเผิง
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!” เสิ่นคุนหยางหันไปตวาด
เฉิงหย่วนจื้อและหลู่หยวนเผิงจึงสงบลง เฉิงหย่วนจื้อหันไปยิ้มน้อยๆ ให้เสิ่นคุนหยาง หลู่หยวนเผิงกลัวเสิ่นคุนหยางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงได้แต่หลบสายตาพลางยกมือเกาจมูก ทั้งสองคนยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลังม้า
ซือหม่าผิงหันไปมองหลู่หยวนเผิงที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแวบหนึ่ง จากนั้นส่ายหน้าออกมาน้อยๆ หลู่หยวนเผิงเป็นคนโง่ที่โชคดีคนหนึ่ง อย่างน้อยหลู่หยวนเผิงก็เข้าตาเฉิงหย่วนจื้อ ถึงแม้จะโดนโบยอยู่บ่อยครั้งและทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วยก็ตาม
เมื่อคิดถึงตรงนี้ซือหม่าผิงรู้สึกเจ็บก้นขึ้นมาทันที เขาขยับเอวเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางหลู่หยวนเผิงที่ดูแข็งแรงมีชีวิตชีวาดี หลู่หยวนเผิงเป็นหมาหรืออย่างไรกัน เหตุใดจึงฟื้นตัวได้เร็วเช่นนี้
เสิ่นคุนหยางชูมือขึ้น เหล่าทหารรีบกันชาวบ้านให้แยกยืนอยู่สองข้างทางของถนน ตะโกนบอกให้ชาวบ้านถอยหลังไปเพราะกลัวว่ารถม้าจะทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ
หิมะตกหนักรถม้าของไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตูเมือง เสิ่นคุนหยางขี่ม้าเข้าไปทักทายไป๋ชิงเหยียน กล่าวว่าไป๋จิ่นจื้อออกไปรับเหล่านายพรานที่อยู่ติดชายแดนของสองแคว้นเข้ามาในเมือง
“นายพรานเหล่านั้นใช้ชีวิตอยู่แถบชายแดนของสองแคว้น มีทั้งคนต้าโจว คนต้าเยี่ยนและซีเหลียง พวกเขาล่าสัตว์ประทังชีวิต ได้ยินว่าก่อนพวกเราเดินทางมาถึง กองทัพช้างเข้าไปก่อกวนในป่า เหล่านายพรานเสียหายมากมาย ที่พักของนายพรานบางคนพังทลายหมดสิ้น ตอนนี้หิมะตกหนักคุณหนูสี่กลัวว่านายพรานเหล่านั้นจะทนหนาวไม่ได้จึงพาคนออกไปรับพวกเขามาในเมืองขอรับ” เสิ่นคุนหยางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินว่าไป๋จิ่นจื้อออกไปรับชาวบ้านเข้ามาในเมืองจึงรู้สึกภูมิใจมาก หญิงสาวกล่าวเสียงเบา “เสี่ยวซื่อโตแล้ว…”