ตอนที่ 1079 หยกจักจั่น
เมื่อไป๋จิ่นจื้อนึกถึงเด็กในท้องของพี่หญิงใหญ่ เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนที่พี่หญิงใหญ่มองไปทางมู่หรงเหยี่ยน ความโกรธในใจของไป๋จิ่นจื้อลดลงเกือบครึ่ง
ตอนที่รู้ว่าพี่เขยเสียชีวิตลงแล้วไป๋จิ่นจื้อเสียใจอยู่นาน นางเป็นห่วงพี่หญิงใหญ่และเด็กในท้องของพี่หญิงใหญ่ การที่เซียวหรงเหยี่ยนยังมีชีวิตอยู่คือเรื่องดี นางควรดีใจแทนพี่หญิงใหญ่จึงจะถูก
ไป๋จิ่นจื้อนั่งลงตามเดิมด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ “เห็นแก่พี่หญิงใหญ่ ข้าจะไม่โกรธเรื่องที่ท่านโกหกข้า ทว่า ท่านคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน พี่หญิงใหญ่คือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว เมื่อหลานสาวหรือหลานชายของข้าคลอดออกมา ท่านจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร ท่านจะปิดบังลูกว่าพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ หากท่านป้าสะใภ้ใหญ่รู้ว่าท่านคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน ไม่เพียงพี่หญิงใหญ่จะถูกลงโทษ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ต้องถลกหนังท่านออกมาแน่ๆ !”
เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อถลึงตาใส่เขา มู่หรงเหยี่ยนจึงนั่งลงพลางกล่าวขึ้น “เสี่ยวซื่อไม่ต้องเป็นห่วง มารดาทราบเรื่องนี้แล้ว…”
ไป๋จิ่นจื้อ “…”
ดีจริงๆ แม้แต่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ยังรู้เรื่องนี้แล้ว มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้!
เสียดายที่นางเคยเป็นคนจับคู่ให้เซียวหรงเหยี่ยนและพี่หญิงใหญ่!
“ทว่า ตอนนี้สองแคว้นยังไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เหยี่ยนยังเปิดเผยฐานะของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้…”
“สองแคว้นรวมเป็นหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงอวี๋เงยหน้ามองมู่หรงเหยี่ยน เขากำหมัดแน่นพลางมองไปทางชายหนุ่มอย่างหวาดระแวงด้วยแววตาเย็นชา “พี่หญิง สองแคว้นจะรวมเป็นหนึ่งได้เช่นไรขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนเล่าเรื่องที่ตกลงกับมู่หรงเหยี่ยนว่าจะตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างสองแคว้นด้วยระบอบการปกครองของแคว้นให้ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นจื้อฟังดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ไป๋ชิงอวี๋ไม่แปลกใจที่พี่หญิงใหญ่เป็นคนเสนอแผนการนี้ขึ้นมา ตระกูลไป๋รักและห่วงใยชาวบ้านมาโดยตลอด ทว่า เขาแปลกใจที่มู่หรงเหยี่ยนเห็นด้วยกับแผนการนี้ เขามองไปทางชายหนุ่มอย่างค้นหา
มู่หรงเหยี่ยนรู้ว่าตอนอยู่ที่เมืองเซียงเหลียงเขาและไป๋ชิงอวี๋เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น ต่อมาเขาไม่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองจนทำให้ไป๋ชิงเหยียนตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของหญิงสาวจะสงสัยในตัวเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
มู่หรงเหยี่ยนกล่าวอย่างถ่อมตนที่สุด “สองแคว้นต่างมีจุดมุ่งหมายอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า ในเมื่อเราสองแคว้นเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เป้าหมายในการปกครองแคว้นของพวกเราเหมือนกัน แตกต่างกันเพียงระบอบการปกครอง ดังนั้นพวกเราจึงไม่จำเป็นต้องให้ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะสงคราม ไม่จำเป็นต้องให้ทหารเสียสละชีพของตัวเองโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป”
แม้มู่หรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าผู้ใดจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหลังจากสองแคว้นรวมเป็นหนึ่ง ทว่า ไป๋ชิงอวี๋นึกถึงเด็กในท้องของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาได้ทันที
เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่ง ทายาทของสองราชวงศ์ขึ้นครองบัลลังก์เป็นผู้นำแคว้น เช่นนี้สองราชวงศ์ไม่มีทางคัดค้านอย่างแน่นอน การตัดสินว่าระบอบการปกครองของแคว้นใดทำให้ชาวบ้านมั่งคั่ง แคว้นแข็งแกร่งได้มากกว่ากันถือเป็นวิธีที่ยุติธรรมดี
โทสะในใจของไป๋ชิงอวี๋ลดลงไม่น้อย เขารู้ดีว่ามู่หรงเหยี่ยนตัดสินใจเช่นนี้เพราะพี่หญิงใหญ่ตั้งครรภ์สายเลือดของเขาอยู่
เช่นนี้การมาเกิดของเด็กคนนี้อาจเป็นลิขิตของสวรรค์ สวรรค์กำลังช่วยให้พวกเขารวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้เร็วขึ้น
ไป๋ชิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าพี่หญิงกำลังมองมาทางเขา ชายหนุ่มพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อยสื่อว่าเขาเห็นด้วย
ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มออกมา นางลูบท้องของตัวเองเบาๆ หลังสองแคว้นรวบรวมเป็นหนึ่ง เมื่อทายาทของผู้นำทั้งสองแคว้นขึ้นครองบัลลังก์แทน ขุนนางของทั้งสองแคว้นต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
ไป๋จิ่นจื้อแสดงสีหน้าสนใจตั้งแต่ได้ยินว่าจะรวบรวมสองแคว้นให้เป็นหนึ่ง “เช่นนั้นเด็กในท้องของพี่หญิงใหญ่จะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของทั้งสองแคว้นใช่หรือไม่เจ้าคะ! พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ เมื่อหลานชายหรือหลานสาวของข้าคลอดออกมา ข้าจะสอนวิทยายุทธให้เขาอย่างหมดเปลือกเลยเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงอวี๋หัวเราะกับคำกล่าวของไป๋จิ่นจื้อ เขานึกไม่ออกเลยว่าหากผู้นำของแคว้นใหม่มีนิสัยเลือดร้อนมุทะลุอย่างเสี่ยวซื่อ แคว้นจะกลายเป็นเช่นไร
ไป๋ชิงเหยียนหยิบตะเกียบเหล็กขึ้น “ลองชิมดู ฮูหยินของเจ้าเมืองตั้งใจให้คนเตรียมเนื้อหมูย่างให้พวกเรา พวกเราอย่าทำให้นางเสียน้ำใจ”โนเวลพีดีเอฟ
เดินทางไปร่วมเจรจาเชื่อมไมตรีระหว่างสี่แคว้นในวันนี้ ไป๋จิ่นจื้อไม่ได้แตะต้องอาหารแม้แต่คำเดียว สาวน้อยรู้สึกหิวนานแล้ว นางใช้ตะเกียบเหล็กคีบเนื้อหมูย่างเข้าปาก เมื่อปลายลิ้นสัมผัสเนื้อหมู ไป๋จิ่นจื้อใช้มือปิดปากแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
หนังของเนื้อหมูทุกแผ่นถูกย่างจนแห้งกรอบ เมื่อคีบเข้าปากเนื้อละลายในปากทันที มีรสสัมผัสของดอกเหมย ทว่า ยังคงรสชาติดั้งเดิมของเนื้อหมูไว้อยู่
“พี่หญิงใหญ่! อร่อยมากเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนคีบเนื้อหมูขึ้น ฮูหยินของเจ้าเมืองผู้นี้ช่างใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่รู้ว่านางมีจุดประสงค์ใดกันแน่
ก่อนมาที่นี่ชุนจือเล่าเรื่องของหมัวมัวข้างกายฮูหยินเจ้าเมืองให้นางฟังแล้ว เว่ยจงเล่าให้นางฟังว่าฮูหยินของเจ้าเมืองตั้งใจเชิญพ่อครัวหลวงมาทำเนื้อหมูย่างตัวนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนรับประทานโดยเฉพาะ
นี่ไม่เพียงต้องการประจบเอาใจนางเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าฮูหยินของเจ้าเมืองอยากพบหน้านางสักครั้ง
ทว่า เนื้อหมูย่างหอมนุ่มละมุนลิ้นอย่างที่ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจริงๆ โดยเฉพาะรสชาติอ่อนๆ ของดอกเหมยทำให้เนื้อหมูชิ้นนี้ยิ่งเลิศรสกว่าเดิม
“พี่หญิงใหญ่ นี่ไม่น่าใช่ฝีมือของพ่อครัวหลวงที่พวกเรานำมาด้วยเจ้าค่ะ”
“ไม่ใช่…” ไป๋ชิงเหยียนหยกถ้วยน้ำผึ้งหยกขึ้นมาจิบเล็กน้อย “หากเจ้าชอบพี่จะให้โรงครัวไปจดสูตรมาให้เจ้า หากเจ้าอยากทานก็ให้หูหมัวมัวทำให้เจ้าทาน ทว่า อย่าเผยแพร่สูตรให้คนนอกรับรู้จนทำลายทางทำมาหากินของผู้อื่น”
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้ารู้ขอบเขตดีเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อหยิบจานไปตัดเนื้อหมูที่เหลืออยู่ด้วยตัวเอง เมื่อกลับไปเมืองหลวงนางจะทำให้ท่านแม่ ท่านป้าสะใภ้และท่านอาสะใภ้ทาน
“อาเป่า ก่อนเดินทางกลับจากกระโจมใหญ่ ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นถามเจ้าเรื่องหยกจักจั่นอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า วางตะเกียบในมือลง “ข้าอยากถามท่านเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งมีหยกจักจั่นที่เหมือนกับที่ท่านมอบให้ข้าไม่มีผิดเพี้ยนอยู่หนึ่งชิ้น ทว่า ข้าไม่ได้มองอย่างละเอียดจึงไม่มั่นใจนัก ทว่า ข้าเก็บหยกจักจั่นที่ท่านมอบให้ข้าไว้ข้างกายนานแล้ว ตอนมองครั้งแรกข้ายังนึกว่านั่นคือหยกจักจั่นของท่านเสียอีก”
ไป๋ชิงเหยียนหยิบหยกจักจั่นออกมาจากถุงเงิน “ข้ารู้สึกว่าหยกจักจั่นสองชิ้นนี้ทำมาจากหยกขิ้นเดียวกัน ไม่รู้ว่าท่านรู้สิ่งใดมากกว่านี้หรือไม่”
มู่หรงเหยี่ยนเดินไปนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน จากนั้นรับหยกจักจั่นมาจากมือของหญิงสาว “ท่านแม่ของข้าพกหยกจักจั่นติดตัวตลอดเวลาตั้งแต่ข้าจำความได้ ต่อมาท่านแม่มีอันตรายจึงมอบหยกนี้ให้ข้า กล่าวว่าหยกนี้สามารถปกป้องคุ้มครองข้าได้ ข้ารู้เพียงเท่านี้…”
ปกป้องคนให้ปลอดภัยอย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนมองดูหยกจักจั่นในมือของมู่หรงเหยี่ยนอย่างสงสัย
ชาติที่แล้วหยกจักจั่นเปรียบเสมือนตัวแทนของมู่หรงเหยี่ยน ดังนั้นชายหนุ่มจึงมอบหยกจักจั่นให้นางหนีเอาตัวรอด
แสดงว่าตอนนั้นมู่หรงเหยี่ยนก็ไม่รู้ว่าหยกจักจั่นมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นเทียนเฟิ่ง
บางทีอาจต้องนำหยกจักจั่นทั้งสองชิ้นมาอยู่รวมกันจึงจะรู้ได้ว่าหยกจักจั่นมีความสำคัญเช่นไร