“สูญเสียความทรงจำ?” สาวน้อยคลำดูศีรษะ นางขมวดหัวคิ้วกระพริบตาที่มีประกายราวดวงดาว
ว่าแล้ว นางก็เขยิบเข้าไปใกล้ เชยคางของเขาขึ้นมาพิจารณา “หน้าตาก็หมดจรดงดงามมิสู้ตามข้ากลับบ้าน หาเรื่องหาราวทำไป ดีกว่าหิวตายอยู่ในป่าลึกเช่นนี้?”
บุรุษผู้นั้นสีหน้าเย็นชา แสดงกริยาขัดขืนออกมาทางร่างกาย
เขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งแคว้นต้าโจว หากไม่ใช่เพราะว่าร่างกายขยับไม่ได้ ไหนเลยจะยอมถูกลบหลู่ถึงเพียงนี้?
“ไม่เต็มใจ?” มือของสาวน้อยที่เชยคางเขาเอาไว้มิได้ปล่อย ดวงตายังคงเป็นประกายดุจดวงดาว “เจ้าเองก็เห็นแล้ว ที่นี่มีสัตว์ร้ายมากมาย ยังจะไม่ยินยอมติดตามข้ากลับไปอีกหรือ?”
พูดแล้ว นางก็ยักหัวไหล่ เหลือบไปมองดูดวงตามากมายในป่าทึบด้านหลังด้วยประกายตาแวววาว
บุรุษผู้นั้นไม่ยอมขยับ แต่เจ้าท้องที่ไม่รักดีนั้นกลับร้องออกมา ส่งเสียงโครกครากที่ฟังดูแปลกประหลาด
เขาพึ่งจะอ้าปาก หมั่นโถนุ่มๆ ชิ้นหนึ่งก็ถูกยัดเข้ามาในปาก อุดปากที่มีริมฝีปากแห้งกรังนั้นเอาไว้
สาวน้อยผู้นั้นคลี่ยิ้มให้กับเขาอย่างงดงาม “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกนะ ช่วยชีวิตคนสร้างกุศลยิ่งกว่าเจดีย์เจ็ดชั้น”
บุรุษผู้นั้นขบเคี้ยวหมั่นโถในปาก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดความรู้สึกอ่อนไหวบางประการเกิดขึ้นในหัวใจของเขา
ตู๋กูซิงหลันมองดูภาพตรงหน้าด้วยความเหม่อลอยอยู่บ้าง
หากว่านางเดาไม่ผิดละก็นี่คือการพบกันของปฐมฮ่องเต้กับองค์หญิงเย่ว
ที่แท้พวกเขาก็ได้พบกันเพราะเหตุนี้เองหรือ?
ประกายแสงจากลูกแก้วในมือของนางยังคงส่องสว่างไม่หยุด พอภาพเบื้องหน้าเลือนหาย ทุกอย่างรอบกายของนางก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
……………….
รอบกายมีแต่ดอกไห่ถางผลิบานเต็มไปหมด สายลมโชยพาเอากลีบดอกโปรยปรายลงมาเรื่อยไม่มีหยุด ภายใต้ฉากหลังที่งดงามตระการตา คนทั้งสองในชุดสีดำปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
บุรุษองอาจงดงาม สตรีสวยสคราญปานเทพธิดา
ดูเหมือนนางจะชมชอบสวมใส่กระโปรงสีดำ บนชุดกระโปรงปักดอกไห่ถางด้วยเส้นไหมสีแดงงดงามดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง
คราวนี้ นางดูงดงามสูงส่ง แต่งหน้าอย่างปราณีต ปักปิ่นงดงามล้ำค่า ริมฝีปากทาชาดหน้าผากแต้มลายบุปผา คลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งผืนบาง
บุรุษยืนมองอยู่ใต้ต้นไห่ถาง ช่วยนางป้อนหญ้าม้า รถน้ำต้นไม้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า สาวน้อยที่ช่วยเขากลับมาในวันนั้น ก็คือองค์หญิงของแคว้นกู่เย่ว—เจียงเย่ว
นางไม่เหมือนกับเหล่าองค์หญิงที่เขาเคยได้พบพานมาก่อน……….
อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว สายตาที่มองดูนางก็เปลี่ยนไปมาก ทั้งร้อนแรงและคลั่งไคล้หลงใหล
ตู๋กูซิงหลันมองลงไปเหมือนหนึ่งเป็นดวงตาจากสรวงสวรรค์ จากสายพระเนตรของปฐมฮ่องเต้ยังสามารถมองเห็นความต้องการเป็นเจ้าของที่เก็บกดเอาไว้
หลังจากที่ถูกองค์หญิงเย่วลากกลับมา พอนานวันเข้าพระองค์ก็บังเกิดความรักขึ้น
เป็นฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งแคว้นองค์หนึ่ง กลับยินดีถูกใช้แรงงานทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยเพื่อนาง โดยไม่ปริปากบ่นแม้สักครึ่งคำ
นอกจากจะเพราะหลงรักเข้าแล้ว ตู๋กูซิงหลันเดาไม่ถูกว่ายังจะมีเงื่อนไขใดได้อีก
“อาจ้าน อีกเพียงเจ็ดวัน ข้าก็จะแต่งงานแล้ว เจ้าดีใจกับข้าหรือไม่?” เจียงเย่ววิ่งมาบอกเขา ในมือของนางกอดชุดแต่งงานสีแดงดุจโลหิตเอาไว้
ด้านบนมีวิหคเพลิงที่ยังปักไม่เสร็จดีตัวหนึ่ง
ภายใต้แสงสว่าง ด้ายทองเป็นประกายระยิบระยับเกินสิ่งใด ทั้งเจิดจ้าและบาดตา
อาจ้าน เป็นชื่อที่นางตั้งให้กับเขา นางหวังว่าสุนัขป่าน้อยที่นำกลับมาจะเติบโตอย่างกล้าหาญและแข็งแกร่งเหมือนดั่งเทพสงครามของแคว้นกู่เย่ว
นี้เป็นคำอวยพรที่นางมอบให้แก่เขา
เขากำหมัดเอาไว้แน่นจนสั่นสะท้านเบาๆ ใบหน้าเคลือบเอาไว้ด้วยความเหน็บหนาวเย็นชา “องค์หญิง ข้าไม่ดีใจเลย”
เจียงเย่วมองดูเขา ขมวดคิ้วน้อยๆ นางกระชับชุดแต่งงานสีแดงในมือ “ก็ใช่อยู่ เจ้ามักจะสงบนิ่งเย็นชาอยู่ตลอด ราวกับคนที่ไร้อารมณ์ใดๆ อยู่เสมอ นับตั้งแต่ที่ข้าพาเจ้ากลับมา เจ้าไม่เคยหัวเราะไม่เคยร้องไห้ แล้วจะให้ดีใจได้อย่างไร”
“แต่ว่าข้าดีใจมากเลย” หัวคิ้วของนางคลายออกราวดวงอาทิตย์ไร้หมู่เมฆ ส่งยิ้มหวานให้กับเขา “ข้ากับฟ่านอิงเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หมั้นหมายกันมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแล้ว สามารถแต่งให้กับเขาเป็นเรื่องที่ข้ามีความสุขที่สุดเลย”
ฟ่านอิง……สองคำนี้ ทำให้ดวงตาของเขามีประกายขุ่นเคืองลุกโชน
“องค์หญิง เขาไม่เหมาะสมกับท่าน” สักพักใหญ่ เขาถึงได้คลายกำหมัดลงได้ เขาขยับเพียงไม่กี่ก้าวก็พุ่งเข้ามาถึงตรงหน้านาง
เจียงเย่วตะลึงไปนางตัดสินใจก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
จนถอยไปพิงเข้ากับต้นไห่ฮางที่อยู่ด้านหลัง
เขายื่นมืออกมาข้างหนึ่ง เอื้อมผ่านข้างใบหูของนางไปทาบลงบนลำต้น ดวงตาคู่นั้นจดจ้องนางอย่างรุกไล่ “เจียงเย่ว เจ้าไม่อาจแต่งให้กับเขา”
พูดแล้ว เขาก็กวาดตามองดูชุดแต่งงานในมือของนางครั้งหนึ่ง “เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นหงส์ฟ้า ย่อมไม่อาจแต่งให้กับบุรุษเช่นนั้น”
เจียงเย่วตกตะลึงไปด้วยความไม่เข้าใจสักเท่าไร นางกอดชุดแต่งงานในมือเอาไว้แนบแน่น เงยหน้าขึ้นมองดูเขา “อาจ้าน ข้าเพียงแต่อยากจะเป็นคนธรรมดาที่มีความสุข หงส์ฟ้าแม้จะงดงาม แต่เบื้องหลังความงดงามนั้นมีราคาที่ข้าไม่อาจรับได้”
“ต่อไปภายหน้า ข้าเพียงต้องการอยู่กับฟ่านอิงไปชั่วชีวิต ปกป้องดูแลสิ่งที่พวกเราสมควรดูแล แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
ว่าแล้ว นางก็ขยับตัววูบหนึ่ง คิดจะลอดใต้วงแขนของเขาออกไป
พึ่งจะขยับเท้าไปได้ก้าวหนึ่ง ก็ถูกเขาลากกลับมาในอ้อมแขนอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของเขาจับด้านหลังกระหม่อมของนางเอาไว้ ส่งจูบหนึ่งประทับลงมา
เป็นความคลั่งใคล้อย่างที่สุด คลั่งใคล้ประหนึ่งจะรัดเอาเจียงเย่วเข้าไปในร่างกาย
เจียงเย่วมิใช่สตรีอ่อนแอ ย่อมไม่ยินยอมให้เขาบังคับจูบตนเอง
นางชะงักไปเล็กน้อย กำหมัดข้างหนึ่งชกลงไปบนอกเขา
หมัดนี้เขากลับยอมรับเข้าไปเต็มๆ เพียงส่งเสียฮึมเบาๆ แต่ยังคงจับเจียงเย่วเอาไว้แน่น
ดวงตาคู่นั้นผุดเส้นเลือดขึ้นมา จับจ้องนางอย่างแน่วแน่น คว้าข้อมือของนางเอาไว้มั่น
“เจียงเย่ว เจ้าชาญฉลาดแต่ทำเป็นเลอะเลือน เจ้ารู้ดี ว่าข้าชอบเจ้า”
เจียงเย่วตื่นตะลึงจนชะงักไปทั้งร่าง นางลืมตาโตขึ้นมองดูเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
คนที่ไม่เคยยิ้มไม่เคยร้องไห้ท่าทางเหมือนไม่ได้รู้จักเจ็บปวด จะหลงรักผู้อื่น?
ผ่านไปอีกพักใหญ่นางค่อยได้สติขึ้นมา กล่าวเสียงเข้มประโยคหนึ่ง “อาจ้าน เจ้าอย่าได้ล้อเล่น”
“เจียงเย่ว เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่ชอบพูดเล่นหรือ?” เขาจับจ้องนางอย่างจริงจัง “ข้าบอกว่าชอบเจ้า ด้วยความจริงใจ ไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับฟ่านอิงก็เป็นเรื่องจริง”
“ข้าชอบเจ้า ไหนเลยจะยอมอยู่เฉยๆ มองดูเจ้าแต่งกับผู้อื่นได้”
เจียงเย่วขมวดคิ้วแน่น การสารภาพรักที่มาอย่างกระทันหันทำให้นางไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี
“อาจ้าน ขอบคุณที่เจ้าชอบข้า” พักใหญ่ต่อมาเจียงเย่วถึงได้ตอบออกไป “เจ้าอายุยังน้อย ไม่เข้าใจกระจ่างในเรื่องของความรักชายหญิง ที่เจ้าชอบข้าอาจจะเป็นแค่เพราะว่าข้ามีบุญคุณช่วยชีวิตเจ้าเท่านั้น”
เจียงเย่วใช้กำลังผลักเขาออกไป สีหน้าค่อยๆ กลับคืนสู่ความเป็นปกติ “อย่าว่าแต่คนที่ข้าชอบจะอย่างไรก็มีแต่ฟ่านอิงเพียงคนเดียว ชั่วชีวิตนี้จะแต่งให้กับเขาเท่านั้น”
พอได้ยินแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมดของเขาระเบิดออกมาในทันที
“ฟ่านอิงผู้นั้นมีอะไรดี? นอกจากเรื่องเติบโตมาพร้อมกับเจ้าแล้ว เขามีตรงไหนที่เทียบกับข้าได้กัน?”
“เจียงเย่ว ไม่แต่งกับเขาได้หรือไม่? อยู่กับข้า ข้าจะดีกับเจ้าไปจนชั่วชีวิต”
เขาไม่เคยชอบหญิงใดมาก่อน จึงได้ทั้งเร่งร้อนและจริงจังถึงเพียงนี้
เจียงเย่วชะงักไปอยู่นาน ก็ได้แต่ส่ายศีรษะออกมา นางโอบกอดชุดแต่งงานในอ้อมแขนแนบแน่นกว่าเดิม “อาจ้าน ใต้หล้านี้ย่อมไม่ใช่เพราะว่าเจ้าชอบใครสักคน คนอื่นก็จะต้องชอบเจ้าด้วย ความรู้สึกนี้เจ้าเก็บเอาไว้ให้ผู้อื่นเถอะ กับเจ้า ข้าไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันท์ชายหญิงด้วย”
——
ไรท์: ท่านย่าก็ปฏิเสธเด็ดขาด ตัดบัวไม่เหลือใยเลยนะ
จีจ้าน: “…….”
ตอนต่อไป “ต้นแบบของผู้นำแต่โบราณ”