ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 335 ความทรงจำของเจียงเย่ว

ตอนที่ 335 ความทรงจำของเจียงเย่ว

ใต้ภูเขาฝูซางซาน รอบด้านล้วนมีแต่หมอกสีแดงอบอวล

 

 

พิธีฝังเริ่มขึ้นในยามเช้า ขณะที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นมา เชิงเขาฝูงซางซานก็มีผู้คนรออยู่มากมายแล้ว

 

 

ที่นี่คือลานประหัตประหารที่ทหารต้าโจวเข่นฆ่าชาวเมืองกู่เย่ว แรงแค้นเข้มข้น พลังต่อต้านมากล้น

 

 

คนเป็นที่พลัดหลงเข้ามาในเขาฝูงซาง โดยมากมาได้แต่กลับไปไม่ได้

 

 

สถานที่ฝังร่างของเหลียงจวิ้นอ๋องอยู่ลึกเข้าไปข้างใน ทำให้คนรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง

 

 

ยังดีที่เป็นเพียงแค่เชิงเขาฝูซางซาน ไม่ถือว่าอันตรายเท่าใด

 

 

เพียงแต่บรรยากาศอึดอัด ทึมทึบ ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายตัว

 

 

ตู๋กูซิงหลันติดตามจีเฉวียนมาด้วยกัน นั่งอยู่ภายในรถม้า ไม่ได้เปิดเผยโฉมหน้าออกมา

 

 

ทุกผู้คนต่างก็รู้ว่า ฝ่าบาททรงถูกนางมารผู้หนึ่งล่อลวงจนหลงใหล ตลอดหลายวันนี้เป็นต้องให้นางมารน้อยผู้นั้นติดตามอยู่ข้างพระวรกายอยู่เสมอ ไม่เคยห่างแม้ชั่วครู่ชั่วยาม

 

 

เหล่าองครักษ์ลับจากต้าโจวล้วนรู้ดีว่านางมารน้อยผู้นี้ก็คือไทเฮาผู้ไร้เทียมทาน

 

 

แต่ชาวเมืองกู่เย่วกลับไม่ทราบเรื่องราวใดๆ

 

 

เมื่อมาถึงเชิงเขาฝูซางซาน ทั้งไอหยินและแรงแค้นที่อัดแน่นจนเข้มข้น ทำเอาแม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็ยังต้องตื่นตะลึงไป

 

 

ก่อนที่เหลียงจวิ้นอ๋องจะตายได้มอบลูกแก้วลูกหนึ่งให้กับนาง นางรับมาแล้วก็เก็บเอาไว้ในกระเป๋า

 

 

แต่พอมาถึงเชิงเขาแห่งนี้ ลูกแก้วลูกนั้นก็เรืองแสงขึ้นมา เป็นแสงสว่างจ้าจนทำให้คนต้องแสบตา

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ในรถม้าเพียงลำพัง ทันทีที่เกิดประกายแสงว่างขึ้น บรรยากาศรอบกายของนางก็พลันเปลี่ยนไป

 

 

สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือป่าลึกผืนหนึ่ง

 

 

สกุณากาเหว่าส่งเสียงร้อง แม้แต่ในอากาศก็ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้

 

 

แสงอาทิตย์ลอดผ่านใบไม้ลงมา ส่องลงบนลำต้นของต้นไฮ่ถางขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง

 

 

ใต้ต้นไม้ต้นนั้นเอง มีบุรุษผู้หนึ่งหลั่งเลือดชโลมกาย

 

 

เขาสวมใส่เสื้อผ้าสีทองทั่วทั้งร่าง แผ่นหลังพิงอยู่กับลำต้น เส้นผมรุ่ยร่ายเห็นใบหน้าเพียงครึ่งเดียว

 

 

ใบหน้านั้น…..คล้ายคลึงกับจีเฉวียน

 

 

แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

 

 

มิได้เย็นชาเช่นจีเฉวียน ทั้งไม่ได้ยโสเท่า หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่น ดูท่าทางกำลังอ่อนแอออย่างยิ่ง

 

 

เสื้อผ้าสีทองขาดวิ่นจนมีแต่รูโหว่ ทั่วทั้งร่างของเขามีแต่บาดแผลที่หนักหนา

 

 

ริมฝีปากแห้งผาดจนหลุดลอก คล้ายกับว่าไม่ได้รับน้ำสักหยดมาหลายวันแล้ว

 

 

แสงอาทิตย์จับลงบนใบหน้าของเขา ที่ปราศจากสีเลือดอย่างสิ้นเชิง

 

 

ในป่าทึบที่มีแสงสว่างรำไรดวงตาลึกลับหลายคู่กำลังจดจ้องอยู่ แต่ละตัวจับจ้องไปที่เขา แต่ก็ไม่กล้าผลีผลามเข้าไป

 

 

ก็แค่มนุษย์ที่แข็งแกร่งมากกว่าธรรมดาเพียงคนเดียว สำหรับพวกมันแล้วย่อมเป็นแรงดึงดูดใจอย่างมหาศาล

 

 

ในที่สุดย่อมต้องมีตัวที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป

 

 

สุนัขป่าตัวใหญ่กว่าสองเมตรตัวหนึ่ง มันค่อยๆ กางเล็บบนอุ้งเท้าออกมา คำรามแผ่วเบาก็กระโจนเข้าไปหาคนในวูบเดียว

 

 

ขณะที่มันกระโจนเข้าไปนั้น ในป่าทึบกลับมีอสรพิษสีแดงขนาดใหญ่พุ่งออกมา อสรพิษฉกใส่ร่างของหมาป่าเลื้อยรัดมันไว้ด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็บีบจนกระดูกแตกแหลกเหลวหมด

 

 

จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลื้อยเข้ามาหาบุรษผู้นั้น

 

 

มันอ้าปากที่ภายในเป็นสีแดงออกกว้าง แต่ด้านหลังกลับมีนกแร้งขนาดใหญ่กระพือปีกโฉบลงมา

 

 

นกแร้งตัวนั้นวาดปีกออกกว้างมีความยาวห้าถึงหกเมตร ทันทีที่มันโผลงมาก็ตระครุบลงไปบนจุดเจ็ดนิ้วของอสรพิษตัวนั้น จากนั้นก็ฉีกงูเป็นสองท่อนในทันที

 

 

พอเจ้างูนั่นตัวเย็นเฉียบไปแล้ว ดวงตาของนกแร้งก็สาดประกายเย็นยะเยียบ กรงเล็บที่แหลมคมตวัดขึ้นมาเตรียมจะแทงลงไปในเนื้อของชายหนุ่ม

 

 

ชั่วขณะนั้นเอง ลูกศรที่เย็นเฉียบดอกหนึ่งพุ่งออกมาจากในป่า พุงเข้าใส่ลำคอของนกแร้ง

 

 

นกแร้งขยับปีกหลบออกไป มันโกรธเกรี้ยวขึ้นมา หันหัวกลับไปทางยังทิศทางที่ลูกศรพุ่งออกมา

 

 

มันกระพือปีกขึ้นโกงคอร้อง กรงเล็บที่แหลมคมกรีดลงไปบนพื้น

 

 

ขณะเดียวกัน สายลมหอบหนึ่งพัดมา สาวน้อยในชุดกระโปรงสีดำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นใต้ต้นไม้

 

 

นางมีผ้าโปรงคลุมหน้า เปิดเผยเพียงดวงตาอบอุ่นอ่อนโยนที่น่ามอง

 

 

บนหลังของนางมีคันธนูสีทองขนาดใหญ่ รูปร่างที่เล็กและบอบบางถึงเพียงนี้กลับสามารถน้าวคันธนูนั้นได้จนสุด ทั้งยังยิงลูกศรติดต่อกันสามดอกใส่นกแร้ง

 

 

ลูกศรแหวกอากาศออกมา ส่งเสียงเฟี้ยวๆๆ ติดกัน

 

 

ครั้งนี้พลังยังรุนแรงกว่าครั้งก่อน ศรสามดอกพุ่งออกไป ก็แทงเข้าไปในหัวของนกแร้งตัวนั้นทันที

 

 

ขนสีขาวบนหัวนกแร้งร่วงลงมา นางขยับร่างเพียงวูบเดียวก็มาถึงข้างกายนกแร้ง ในมือเพิ่มกริชที่ล้วงออกมาจากอกเสื้อเล่มหนึ่ง สะบัดออกไปเพียงสองที่ก็ตัดกรงเล็บของนกแร้งออกมา

 

 

จากนั้นก็ไปที่อสรพิษที่ขาดเป็นสองท่อน ล้วงเอาดีงูของมันออกมา

 

 

สุดท้ายค่อยหันไปหาหมาป่าตัวใหญ่ ถอนเขี้ยวของมันออกมา

 

 

ทุกขั้นตอนรวดเร็วลื่นไหล สำเร็จลงไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาอันสั้น

 

 

บนหลังของนางสะพายธนูคันใหญ่ ในมือถือเขี้ยวหมาป่า ดีงูและกรงเล็บนกแร้งเอาไว้ พลางเดินเข้ามาหาบุรุษหนึ่งทั้งๆ ที่มีเลือดหยดเป็นทาง

 

 

 

 

พอมาถึงข้างกายเขา ก็หยุดมองอยู่ครู่หนึ่งค่อยคุกเข่าลง มือข้างหนึ่งคว้าลำคอของเขาเอาไว้ พลางแนบจมูกลงมาสูดดม

 

 

ดมดูซิว่าตายหรือยัง

 

 

พอถูกคนสัมผัส บุรุษผู้นั้นค่อยลืมตาขึ้นมา

 

 

สมองของเขางุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จมูกของตนเองแทบจะชนกับจมูกหญิงสาวผู้นั้น

 

 

ดวงตาทั้งสี่ตาประสานกัน ในดวงตาของเขาเห็นแต่เพียงนางเท่านั้น

 

 

สาวน้อยชะงักไปชั่วครู่ “เจ้ายังไม่ตาย?”

 

 

พูดแล้วนางก็ยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าจะมีผ้าปิดหน้าแต่ก็ยังสามารถมองเห็นดวงตาที่ยิ้มอย่างดีใจจนโค้งมนของนางได้

 

 

นายคลายมือจากบุรุษผู้นั้น สะบัดของรางวัลจากการล่าที่อยู่ในมือ “เจ้าน่าอร่อยมากหรือ? พวกมันล้วนอยากจะกินเจ้า”

 

 

บุรุษผู้นั้นชะงักไปเล็กน้อย เขาหลุบตาลงมองดูบาดแผลบนร่าง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เนื้อมนุษย์ไม่อร่อย”

 

 

สาวน้อยได้ยินแล้ว ก็กัดลงไปบนหัวไหล่ของเขาครั้งหนึ่งทันที ในปากของนางได้รสเข้มข้นของคาวเลือด ทำให้รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่

 

 

นางขมวดคิ้วส่ายศีรษะ “ไม่อร่อยจริงๆ ด้วย”

 

 

“ในเมื่อเจ้าไม่อร่อย ก็จะปล่อยเจ้าไป” พูดแล้ว นางก็ลุกขึ้นยืน

 

 

เดินไปได้สองก้าวก็หันหลังกลับมา ถอดเสื้อผ้าครึ่งบนออกจนหมดสิ้น

 

 

“เจ้าจะทำอะไร?” บุรุษหนุ่มสีหน้าเย็นชา เขาบาดเจ็บหนักจนไม่อาจต่อต้าน

 

 

“จัดการกับเจ้า” สาวน้อยพูดแล้วก็จับคางของเขาขึ้นมา ง้างปากออก ยัดเม็ดยาเม็ดหนึ่งลงไป

 

 

จากนั้นค่อยล้วงเอาแถบผ้าและยาทาแผลออกมาจากถุงสะพายหลัง

 

 

“ข้ามักจะมาล่าสัตว์บนภูเขาฝูซางซาน แต่ไม่ค่อยได้เจอคนเป็นบนภูเขานี้สักเท่าไหร่ ในเมื่อเจ้าไม่ตายแสดงว่าชะตาแข็ง ได้พบเจอข้าก็ยิ่งถือว่ามีโชค”

 

 

นางพูดพลางก็เทเหล้าลงไปบนร่างของเขา ถอนพิษและใส่ยาลงบนบาดแผลกระทั่งพันแผลให้จนเสร็จเรียบร้อย

 

 

“เจ้าชื่ออะไร? เป็นคนแคว้นใด มาที่เขาฝูงซางซานเพื่ออะไร?”

 

 

บุรุษผู้นั้นมิได้ตอบคำถามนาง สาวน้อยที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมาเพียงลำพังบนภูเขาฝูซางซาน ……บางที่อาจจะไม่ใช่มนุษย์ก็เป็นได้

 

 

พักใหญ่ต่อมา เขาก็ส่ายศีรษะ “จำไม่ได้แล้ว”

 

 

“ขนาดตนเองเป็นใครก็จำไม่ได้?” สาวน้อยออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง นางยื่นมือเข้าไปในเส้นผมของเขา ตรวจดูศีรษะอย่างละเอียดละออ “หัวก็ใหญ่ถึงขนาดนี้ คงไม่ได้ปัญญาอ่อนไปแล้วละมั้ง…..?”

 

 

“ไม่ได้ปัญญาอ่อน แค่จำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร” บุรุษผู้นั้นกล่าวเบาๆ นิสัยเย็นชาเช่นนี้เหมือนกับจีเฉวียนไม่มีผิด

 

 

เขาขมวดคิ้ว ไม่ชอบความรู้สึกที่ศีรษะของตนเองถูกคนลูบคลำเท่าใดนัก

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง: ว่าด้วยเรื่องการล้างแผล

 

 

ไรท์: เรามักจะได้เห็นนิยาย/หนังจีนชอบใช้เหล้าแรงๆ ล้างแผล นัยว่าสะอาด หาง่าย ใกล้มือ ฆ่าเชื้อโรคได้ ไรท์ขออนุญาตขยายความนิดหนึ่งว่า เหล้าของชาวจีนนั้นหมักจากข้าว หรือธัญพืช และผลไม้ แอลกอฮอลล์ที่ได้จึงเป็นแบบที่กินก็ได้ ฆ่าเชื้อโรคก็ดี แต่ไม่ควรเทใส่แผลโดยตรงเพราะจะทำลายโปรตีนในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเนื้อตาย และแผลหายช้า แสบร้อน ระคายเคือง ควรใช้เช็ดรอบๆ แผลเพื่อฆ่าเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ปากแผลเท่านั้นจ้า

 

 

*เวลาล้างแผล =น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือพอ (#แม่พลาดมาเยอะ)

 

 

ตอนต่อไป “เจ้าไม่อาจแต่งกับเขา”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท