ที่นางเผชิญอยู่ก็คือสายตาที่โศกเศร้าลึกซึ้งคู่หนึ่ง
เขาดูราวกับคนที่ปีนออกมาจากขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาทั้งสองมีแต่เส้นเลือด ใต้ตาเขียวช้ำเบ้าตาลึก ไม่ได้โกนหนวดเครามาหลายวันแล้ว ทั่วทั้งร่างแฝงความเจ็บช้ำ
เนิ่นนาน เจียงเย่วค่อยเอ่ยเรียกเขาขึ้นมา “อาจ้าน”
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็หายตัวไป นางเคยไปตามหาเขาแต่กลับไม่พบ ราวกับว่าหายวับไปจากโลกนี้เสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าพอได้พบกัน ก็เป็นวันมงคลสมรสของนาง
“ข้านึกว่าเจ้าจากไปเสียแล้ว” เจียงเย่วมองดูเขา รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยเอาไว้
ช่างห่างเหิน
เขามองดูนาง ในสายตามีแต่นางเท่านั้น
เขาเคยคิดเอาไว้อยู่แล้วว่ายามที่เจียงเย่วสวมใส่ชุดเจ้าสาวจะต้องงดงามอย่างยิ่ง
“วันนี้เจ้าสวยมาก” เขายื่นมือออกไปปักปิ่นดอกไห่ถางลงไปบนมุ่นผมของนาง
“ปิ่นนี้ข้าทำเองกับมือ ขอมอบให้เจ้า”
เจียงเย่วไม่ทันได้มองเห็นชัดว่าปิ่นหน้าตาเป็นอย่างไร นางได้แต่ผงกศีรษะตามมารยาท “ขอบคุณ”
เสียงดนตรีดั่งแว่วมาจากด้านนอก นางกำนัลผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงาน “องค์หญิงเพคะ ขบวนรับตัวมาถึงหน้าประตูวังแล้ว ลุกขึ้นเถอะเพคะ”
เจียงเย่วมองออกไปด้านนอก
สายตาที่เฝ้าคอยของนางเหมือนดั่งคมดาบปลายแหลมที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขา
“คุณชาย ขอท่านโปรดหลีกทาง ท่านกำลังขวางทางองค์หญิงอยู่” เห็นเขายังยืนขวางอยู่เบื้องหน้าขององค์หญิง นางกำนัลอดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า
“หากช่วงเวลามงคลผ่านพ้นไปก็จะไม่เป็นมงคลแล้ว”
“ใช่ ไม่เป็นมงคล” เขาเก็บมือที่อยู่เหนือศีรษะของเจียงเย่วกลับมา ยิ้มจางๆ
พลางหมุนตัวกลับ ถอยไปด้านข้างก้าวหนึ่ง เปิดทางให้กับเจียงเย่ว
เจียงเย่วพึ่งจะก้าวเท้าออกไปได้ก้าวหนึ่งก็ได้ยินเสียงของเขาพูดขึ้นมาว่า “เจ้าปักใจจะแต่งงานกับเขาจริงๆ?”
เจียงเย่วมิได้หยุดเท้า นางพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว”
“แล้วข้าล่ะ?” เขาถาม “เจ้าจะไม่ยอมให้โอกาสใดๆ กับข้าเลยสักนิดหรือ?”
“อาจ้าน ยามที่เจ้าบาดเจ็บสาหัสมา ข้าช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้” เจียงเย่วหยุดเท้าลง หับกลับมามองดูเขา “เพื่อช่วยเจ้า ข้านำสมบัติลับออกมาใช้ ฝ่าฝืนข้อห้าม ตอนนั้นฟ่านอิงได้ช่วยรับไว้แทน เขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของเจ้าเช่นกัน”
“ดังนั้นเจ้าโปรดอวยพรให้กับพวกเรา”
ตอนนั้นเจียงเย่วปฏิเสธออกไปอย่างเด็ดขาด ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เขาไม่ตอบอะไร เพียงแต่มองดูนางก้าวเดินออกไปทีละก้าว ขณะที่นางกำลังก้าวเท้าออกไปจากห้องส่วนตัว ดาบสั้นในมือของเขาก็แทงเข้าไปในร่างของนางกำนัลที่ทำหน้าที่นำทาง
หนึ่งดาบที่แทงลงไป นางกำนัลผู้นั้นยังไม่ทันได้ส่งเสียงคร่ำครวญออกมา ก็เห็นเขาชักดาบสั้นออกมาตวัดผ่านลำคอของนางกำนัลผู้นั้นจนราบเรียบไปในดาบเดียว
นางกำนัลล้มลงไปบนกองเลือด
กลิ่นคาวของเลือดสดฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง เจียงเย่วเองก็ตกตะลึงไปแล้ว
นางกำนัลที่เหลือ พากันตื่นตระหนกจนแตกตื่นไปทั่วทุกทิศทุกทาง
เขากลับไม่ยอมหยุดมือ คว้านางกำนัลที่อยู่ใกล้ที่สุดเอาไว้ เชือดคอนางส่งขึ้นสวรรค์ไปในดาบเดียว
“อาจ้าน เจ้าทำอะไรลงไป?” นางถลาเข้ามาก้าวหนึ่ง คว้าข้อมือของเขาเอาไว้ และเพราะนางใช้แรงมากเกินไปมงกุฏหงส์ที่อยู่บนศีรษะโยกคลอนจนส่องประกาย
“เจ้าฆ่าคน!” นางแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง!
ในวันมงคลสมรสของนาง บุรุษที่นางช่วยชีวิตเอาไว้ด้วยตนเอง กลับสังหารนางกำนัลของนาง
“อาเย่ว ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งงานกับคนอื่น” เขาพลิกมือมาเกาะกุมมือนางเอาไว้ “ใครที่กล้าขัดขวางข้า ข้าก็จะให้มันตายเสีย”
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” เจียงเย่วขัดขืน นางพลิกมือจะตบหน้าเขา คนผู้นี้กำลังไม่ปกติ นางจะต้องเรียกสติเขากลับมา!
“ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว หากไม่ได้เจ้าก็ต้องเป็นบ้า!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา องครักษ์ลับมากมายก็โผล่ออกมาจากด้านหลัง ทันทีที่เขาขยับมือ องครักษ์ลับเหล่านั้นก็สังหารนางกำนัลที่มีอยู่เต็มเรือนจนหมดสิ้น
เลือดสดไหลนองทั่วเรือน เหล่านางกำนัลล้วนตาไม่หลับ กลิ่นคาวคละคลุ้งไปในอากาศ
งานอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ กลับถูกชโลมไปด้วยเลือด
เจียงเย่วไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้
นางพยายามต่อสู้ขัดขืน ถึงได้พบว่าที่แท้เขามีพละกำลังมากมาย
ข้อมือของนางถูกจับเอาไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาทั้งคู่ของเขาเสมือนหนึ่งพันธนการที่หนาแน่นที่สุด ที่กักขังนางเอาไว้ ไม่ยอมให้นางได้ขัดขืนแม้แต่น้อย
ใต้ฝ่าเท้ามีแต่กองเลือดของนางกำนัล ย้อมรองเท้าแต่งงานของนางจนชุ่มโชก ความหนาวเย็นเกาะกุมแก่นกระดูกจนสั่นสะท้านราวกับว่านางได้กลืนเอาน้ำแข็งในขุมนรกลงไป
“เจียงเย่ว เจ้าต้องแต่งงานกับข้าเท่านั้น” เขาจดจ้องมองนางอย่างดุดัน ท่ามกลางกลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง ฝ่ามือของเขาก็ฉีกกระชากชุดแต่งงานของนางออกมา
แขนเสื้อของนางขาดวิ่น เปิดเผยท่อนแขนขาวผ่องราวหิมะ
“เจ้ามันบ้าไปแล้วจริง!” เจียงเย่วเกรี้ยวกราด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองทำอะไรลงไป?”
“ข้ารู้ดี” สายตาของเขาอึมครึมอย่างที่สุด ขณะที่ฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางออก
เหล่าองครักษ์ลับทิ้งทั้งสองไว้เพียงลำพัง พอจัดการกับซากศพของเหล่านางกำนัลจบก็พากันจากไป
ก่อนจากไปยังไม่ลืมปิดประตูลง
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นออกจากกัน และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาว
อาจ้านที่คลุ่มคลั่ง ไร้ความปราณี
ท่ามกลางกองเลือดท่วมห้อง เขาบังคับครอบครองนาง
เจียงเย่วกรีดร้องและร่ำไห้ด้วยความโกรธเกรี้ยวจนเสียงขาดหาย แล้วสูญเสียสติ
ในสายตาของนางมีแต่สีแดงของเลือด พร่าเลือนเต็มไปหมด
เห็นเพียงมุมหนึ่งในรอยแยกของผ้าม่าน ที่แหวกให้เห็นภายนอก…..
ด้านนอก……เลือดไหลเป็นท้องธาร ซากศพกระจัดกระจายอยู่ทุกที่
โคมไฟและผ้าแดงที่แขวนเอาไว้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด พรมสีแดงใต้ต้นไม้กลาดเกลื่อนไปด้วยร่างไร้วิญญาณ
แต่ว่าบุรุษผู้นั้นกลับไม่ยอมหยุด น้ำเสียงที่ทั้งเย็นยะเยือกและคลุ้มคลั่งกระซิบอยู่ที่ริมหูของนาง “อาเย่ว ในที่สุดเจ้าก็เป็นของข้าแล้ว”
“ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง นับจากวันนี้ไป ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังต้าโจว เจ้าจะเป็นสตรีที่เราโปรดปรานที่สุด”
“อาเย่ว……อาเย่ว…..”
ในดวงตาของเจียงเย่วมีแต่สีของโลหิต หูได้ยินแต่คำว่า ‘เรา’
นางไม่เลยคิดเคยฝันมาก่อนว่า บุรุษผู้นี้ก็คือฮ่องเต้แห่งต้าโจว
“นับจากวันนี้ไป จะไม่มีแคว้นกู่เย่วอีกแล้ว ฟ่านอิงไม่อาจคุ้มครองเจ้าได้ เขาจะต้องตายอย่างอนาถกว่าใครทั้งหมด”
“มีเพียงแต่เรา เราจึงจะเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเจ้า”
“อาเย่ว เรารักเจ้า รักเจ้าจากใจจริง”
“อาเย่ว เราจะมีลูกกับเจ้า”
บนร่างของเจียงเย่วมีแต่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น มงกุฏหงส์ตกลงมาหล่นลงไปบนกองเลือดบนพื้น ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งอยู่ในกองเลือด
ที่ด้านนอกหน้าต่าง นอกจากซากศพมากมายก่ายกองแล้ว ก็คือองครักษ์ของเขา
นางหันศีรษะออกไป เห็นคู่หมั้นของตนเองสวมชุดสีแดงถือกระบี่อยู่ในมือ พุ่งเข้ามาตามพรมแดง เขากำลังบุกเข้ามา เข่นฆ่าจนดวงตาเป็นสีโลหิตมาตลอดทาง
กว๊านรัดผมของเขาหลุดกระเด็นไปแล้ว เส้นผมสีดำรุ่ยร่ายลงมา แต่ไม่อาจเห็นหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เห็นแต่ดวงตาคู่นั้น ที่เปี่ยมไปด้วยความคับแค้นและโกรธเกรี้ยว
“อาเย่ว!” ฟ่านอิงตะโกนร้องอย่างคลุ้มคลั่ง รำกระบี่ในมือบุกเข้ามา
เจียงเย่วอ้าปาก กำลังจะส่งเสียงออกไป ริมฝีปากของนางก็ถูกจีจ้านตะครุบเอาไว้ เขายิ่งกล่าวดุดันโหดเ**้ยม “อาเย่ว เจ้าดูให้ดี ดูให้ดีสิว่าเขามันไร้ความสามารถเพียงไร แค่จะปกป้องเจ้าก็ยังทำไม่ได้! บุรุษเช่นนี้จะเหมาะสมกับเจ้าได้อย่างไร!”
เขาจูบนางพลางหันศีรษะของนางออกไป ให้นางได้มองเห็นสภานการณ์ที่นอกหน้าต่างอย่างชัดเจน
“เจ้าชอมมันมากไม่ใช่หรือ? เราจะให้เจ้าได้เห็นกับตาว่ามันตายลงตรงหน้าเจ้า ชายผู้นี้เดิมทีไม่จำเป็นต้องตายอย่างอนาถถึงเพียงนี้!”
——
ตอนต่อไป “จีจ้านก็คือจอมมาร!”