บทที่ 186 ท่านทำเสี่ยวเป่าตกใจจนซาลาเปาติดคอ
บทที่ 186 ท่านทำเสี่ยวเป่าตกใจจนซาลาเปาติดคอ
“หลี่หนานจูผู้นี้ทำสิ่งใดไม่ยั้งคิดซ้ำยังโง่เขลา การผลักองค์หญิงเจาเสวี่ยลงไปในทะเลสาบทั้งที่ยังอยู่ในงานเลี้ยงวังจึงดูเหมือนเป็นฝีมือนางอย่างไม่ผิดวิสัย แต่ด้วยนิสัยของนาง เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี แล้วยามที่ถูกจับได้นางมีท่าทีเช่นไรเล่า?”
เซี่ยหลานซูเล่าตามที่ตนจำได้ “ไม่ว่าจะสีหน้าหรือท่าทางล้วนดูไม่เหมือนกำลังเสแสร้งเลยเจ้าค่ะ”
“แล้วนางแสร้งทำสำเร็จหรือไม่?”
เซี่ยหลานซูส่ายหัว บางทีบุรุษก็ไม่สามารถเข้าใจการกระทำของหลี่หนานจูได้อย่างถ่องแท้ ทว่าสตรีด้วยกันย่อมดูออก
หากหลี่หนานจูเจ้าแผนการเพียงนั้น ป่านนี้ชื่อเสียงของนางก็คงไม่เลวร้ายเช่นนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เซี่ยหลานซูพลันรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็มิใช่ฝีมือของหลี่หนานจู แต่มีผู้อยู่เบื้องหลัง และตั้งใจใช้นางเป็นแพะหลังจากถูกเปิดโปง เพียงแต่… องค์หญิงไท่จ่างเองก็ยอมรับผิดเช่นกัน…”
นางกล่าวถึงเพียงเท่านี้ เพราะนึกได้อีกหนึ่งเหตุผล
คนฉลาดอย่างองค์หญิงไท่จ่างมีหรือจะไม่รู้จักหลานสาวของตนเองดี? แต่สิ่งที่นางพูดในยามนั้นคือการแสร้งยอมรับผิด
ยามนั้นคิดไม่ถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เมื่อได้วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว การกระทำขององค์หญิงไท่จ่างมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
กั๋วกงผู้เฒ่ามองหลานสาวของตนเองด้วยสายตาชื่นชม
ในบรรดาสตรีตระกูลเซี่ย มีหลานสาวคนนี้ที่เฉลียวฉลาดมากกว่าผู้อื่น
“คิดออกแล้วหรือ?”
เซี่ยหลานซูพยักหน้า “องค์หญิงไท่จ่างรู้ดีว่าคนอย่างหลี่หนานจูคงไม่กล้าผลักองค์หญิงตกทะเลสาบ แต่ก็ยังตำหนินาง ชัดแล้วว่าองค์หญิงไท่จ่างกำลังปกป้องผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และผู้ที่สามารถทำให้นางละทิ้งหลานสาวเพื่อปกป้องคนผู้นั้นแทนก็คือ… คนในวังหลังผู้นั้น”
ไม่จำเป็นพูดให้ชัดไปมากกว่านี้ คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนฉลาดพอที่จะเดาได้ไม่ยากว่าผู้ที่นางกำลังกล่าวถึงคือผู้ใด
ทว่าเมื่อรู้แล้วก็ยิ่งประหลาดใจ
บิดาของเซี่ยหลานซูกล่าวเหมือนไม่อยากเชื่อ “พระสนมผู้นั้นเสียสติไปแล้วหรือ? องค์หญิงเจาเสวี่ยเป็นเพียงองค์หญิงผู้หนึ่ง การมีอยู่ของนางเดิมทีก็ไม่ได้เป็นภัยต่อคนในวังหลังแต่อย่างใด”
“ข้าได้ยินข่าวลือมาว่า องค์ชายรองมีใจออกห่างอี๋กุ้ยเฟยก่อนจะจากเมืองหลวงไป ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงเจาเสวี่ยด้วย”
“หลานสาวของข้าพอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง”
ทุกคนในตระกูลเซี่ยอดไม่ได้ที่จะหันมองนางเป็นสายตาเดียว
เซี่ยหลานซู “เป็นความจริงเจ้าค่ะ ก่อนกลับเสด็จอาเรียกข้าเข้าพบแล้วเล่าเรื่องบางอย่างให้ข้าฟัง ความจริงแล้ว หลี่หนานจูเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้าง งานเลี้ยงต้อนรับองค์หญิงคราวก่อน หลี่หนานจูกล่าววาจาล่วงเกินองค์หญิง แต่พอถูกจับได้นางไม่เพียงไม่สำนึกผิดเท่านั้น แต่ยังดูถูกองค์หญิงต่อ นางได้รับบทเรียนจากเหล่าองค์ชาย และถูกองค์ชายรองตบหน้า พออี๋กุ้ยเฟยรู้เรื่องเข้าก็ลงโทษองค์ชายรอง และสั่งให้เขาไปขอโทษคนตระกูลหลี่ จากนั้นองค์ชายรองก็ทูลขออนุญาตฝ่าบาทไปเมืองหน้าด่าน”
องค์ชายรองเอ่ยปากขอไปเมืองหน้าด่านด้วยตนเอง อี๋กุ้ยเฟยทราบข่าวก็โวยวายทำลายข้าวของจนถูกกักบริเวณ ทุกคนในวังรู้เรื่องนี้ดี
เซี่ยกุ้ยเฟยย่อมต้องรู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน
หลังจากได้ยินคำบอกเล่าจากเซี่ยหลานซูแล้ว กั๋วกงผู้เฒ่าถึงกับพูดไม่ออก
“จริงเลยเชียว ทั้ง ๆ ที่กำลังถือไพ่เหนือกว่าแท้ ๆ แต่นางกลับทำในสิ่งที่เป็นภัยต่อตัวนางเอง นางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่? สั่งให้องค์ชายไปขอโทษคนตระกูลหลี่? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องอุกอาจเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุของเรื่องนี้ก็คือตระกูลหลี่ลำพองตนมากเกินไป แม้แต่องค์หญิงหนึ่งเดียวในราชวงศ์ก็ยังไม่ไว้หน้า มีลูกหลานทำตัวเช่นนี้รังแต่จะทำให้ตระกูลเสื่อมเสียและนำภัยมาสู่ตระกูล ยังจะเก็บไว้เพื่อสิ่งใดกัน? พวกเจ้าทุกคนจำคำข้าไว้ให้ดี หากวันข้างหน้าตระกูลเซี่ยของเรามีลูกหลานเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานี!”
บรรดาผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา แม้คนในตระกูลเซี่ยส่วนใหญ่จะทำตัวติดดิน ไม่โอ้อวด ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนประเภทลูกผู้ดีมีเงิน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเสียหน่อย
เห็นทีนับจากนี้ต้องระวังให้มากขึ้น หรือควรจับคนประเภทนั้นไปฝึกฝน อบรมบ่มนิสัยที่ค่ายทหารสักหน่อยดีหรือไม่?
แม้ตระกูลเซี่ยจะมีคนประเภทนั้นอยู่น้อยนิด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย ถ้าเช่นนั้น พวกเขาขอรอดูว่าฝ่าบาทจัดการกับจวนเซวียนผิงโหวอย่างไรก่อนก็แล้ว
ด้านเสี่ยวเป่าที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เข้านอนแต่หัวค่ำ
หนานกงสือเยวียนรอจนนางหลับสนิท ก่อนจะออกไปที่ศาลต้าหลี่พร้อมคนสนิท
ศาลต้าหลี่มีการคุ้มกันเข้มงวด อีกทั้งผู้ตรวจการศาลต้าหลี่ยังเป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาท แม้ว่าจวนเซวียนผิงโหวอยากจะทำการปิดปากหงฉินแต่ก็ไม่มีทางทำได้
เข้าไปได้ไม่นาน เขาก็กลับออกมาพร้อมคราบโลหิตสีแดงสดบนมือและใบหน้า
บุรุษผู้หนึ่งเนื้อตัวเปื้อนเลือด ทว่าสีหน้ายังเรียบเฉยกำลังล้างมือด้วยน้ำอุ่นที่ข้ารับใช้นำมาให้
“ตามหาครอบครัวนาง แล้วเอาตัวมาที่นี่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อกลับมาถึงตำหนัก เขาก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินเข้าห้องบรรทมด้วยท่าทางสบาย ๆ
ก่อนเขาออกไป เสี่ยวเป่ายังอยู่บนเตียง ทว่าบัดนี้นางกลิ้งลงไปกองกับพื้นแล้ว ร่างเล็ก ๆ นอนหงายกางแขนกางขาออกจนสุดความยาว ชุดนอนร่นขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นท้องสีขาวราวหิมะ ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด
หนานกงสือเยวียนเดินหน้านิ่งเข้าไปอุ้มเด็กเล็กขึ้นมาวางบนเตียง และยืนครุ่นคิดอยู่ข้างเตียงว่าควรจะทำราวกั้นเพิ่มดีหรือไม่
ฮ่องเต้องค์ก่อน ๆ ไม่เคยต้องเพิ่มราวกั้นข้างเตียงมังกรมากเท่าเขามาก่อน หากทำเพิ่มอีกมีแต่จะถูกหัวเราะเยาะจนตายเมื่อถูกบันทึกในตำราประวัติศาสตร์
พอหนานกงสือเยวียนล้มตัวลงนอน เสี่ยวเป่าก็ขยับเข้าหาท่านพ่อของนางตามความเคยชิน เท้าขาวอวบอ้วนยกขึ้นพาดหน้าท้องผู้เป็นพ่อ พ่นลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
ก็แค่สิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ ที่แสนบอบบาง ถึงกระนั้นในวังนี้ก็ยังมีคนรนหาที่ตายคิดทำร้ายนาง
หากไม่ใช่ว่าเขาเห็นแก่บุตรชายคนรอง หลี่เซียงอี๋ผู้นั้นคงตายตกไปนานแล้ว!
รอให้ได้หลักฐานเพียงพอก่อนเถิด เขาจะส่งสตรีนางนั้นไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในตำหนักเย็น
ค่ำคืนผ่านพ้นไป เสี่ยวเป่าลืมตาตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น
ยามนี้ท่านพ่อออกไปแล้ว ทว่ามีเหล่าพี่ชายมาหา
เพราะเห็นแก่เหล่าองค์ชายที่กล้าโดดเรียนมาหา ชุนสี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจำใจปลุกเสี่ยวเป่าที่กำลังหลับสนิท
คนตัวเล็กงัวเงียตื่นเมื่อได้ยินว่าเหล่าพี่ชายมาหา นางค่อย ๆ เปิดดวงตาใสอย่างงุนงง เกาใบหน้าเล็ก ๆ ในขณะที่ยังตื่นไม่เต็มตา
“ท่านพี่?”
มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านพี่!”
พี่ ๆ มาหานาง!
เริ่มได้สติบ้างแล้ว แต่ไม่มาก
เสี่ยวเป่าหาวหนึ่งครั้งก่อนจะถีบผ้าห่มออก กางแขนเล็กที่ห่อหุ้มด้วยเนื้อนุ่มออกกลางอากาศ
“ชุนสี่รีบแต่งตัวให้เสี่ยวเป่าเร็วเข้า~”
ลุกขึ้นแต่งตัวในขณะที่เส้นผมบนหัวเล็ก ๆ ยังชี้ฟูยุ่งเหยิง จากนั้นก็ล้างหน้าและบ้วนปาก
อีกพักหนึ่งชุนสี่ก็ทำผมให้นางเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวเป่ามองภาพตนเองที่สะท้อนในกระจกทองแดงอย่างอารมณ์ดี
เทพธิดาตัวน้อยงดงามมาก!
เป็นวันที่ดีอีกหนึ่งวัน เสี่ยวเป่ารับรู้ได้ถึงความสดชื่น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเป่าก็เดินเชิดหน้าออกไปพบพี่ ๆ พร้อมกับซาลาเปาไส้เนื้อแสนอร่อยเต็มสองแก้ม และในมืออีกสองข้าง เดินมุ่งหน้าไปหาเหล่าพี่ชาย ทุกย่างก้าวมีเสียงดังกรุ๊งกริ๊งลอยไปมาในอากาศ
ทว่าทันทีที่มาถึงประตูห้องโถงด้านข้าง จู่ ๆ ก็มีคนกระโดดลงมาจากต้นไม้ คนตัวเล็กตกใจพร้อมเบิกตากว้าง ก่อนจะสำลักซาลาเปาในปากที่ยังไม่ทันได้กลืน
องค์ชายห้าตกตะลึง “น้องหญิง น้องหญิง! เจ้าเป็นอันใดไป!”
เสียงร้องเรียกดังพอ ๆ กับเสียงสุนัขเห่าหอน ส่วนเสี่ยวเป่าก็สำลักจนตาเหลือก
ชุนสี่ “น้ำ ๆ เอาน้ำมาเร็วเข้า องค์หญิงน้อยสำลัก!”
เป็นการเริ่มต้นวันที่ไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เสี่ยวเป่าสำลักซาลาเปาที่หน้าประตูบ้านตนเอง ต้องนั่งพักอยู่นานสองนาน พี่ชายทั้งหลายก็ห้อมล้อมเฝ้ามองนางด้วยสายตาเป็นห่วง คนตัวเล็กลูบหน้าอกป้อย ๆ พร้อมเอ่ยตัดพ้อเสียงแผ่ว
“พี่ห้า ท่านทำเสี่ยวเป่าตกใจจนซาลาเป่าติดคอ!”
ตกใจจนซาลาเปาเกือบติดคอตายแล้ว
หนานกงฉีเฉิน “ข้าเคยบอกแล้วว่าพี่ห้าจะสร้างปัญหาไม่ช้าก็เร็ว!”