ซุนย่วนซื่ออธิบายให้นางฟังอย่างละเอียดว่าเป็นความต้านทานต่อความใกล้ชิดผิดปกติแต่กำเนิด
นางเองได้เปิดหูเปิดตาแล้ว กลับมีโรคเช่นนี้อยู่ด้วย
จากคำพูดของซุนย่วนซื่อ คนที่มีอาการป่วยเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพราะว่าเคยผ่านประสบการณ์ที่หนักหนาในเรื่องความรู้สึกมาก่อน เมื่อไม่อาจคลี่คลายความเจ็บปวดในจิตใจได้ ร่างกายจึงเกิดปฏิกริยาปกป้องตนเองอย่างสูงขึ้นมาแทน
ตู๋กูซิงหลันลองคิดๆ ดู ดูเหมือนว่าตนเองไม่เคยมีความรักสักหน่อยนี่?
แล้วจะไปบาดเจ็บมาจากไหนกัน?
ดังนั้นคำพูดนี้ของซุนย่วนซื่อจึงไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร เขาเป็นหมอรักษาร่างกาย อยู่ๆ จะเปลี่ยนเป็นหมอจิตเวทได้อย่างไร?
“ไทเฮาไม่จำเป็นต้องกังวลพระทัยมากไป หากว่าใต้หล้านี้สามารถเจอคนที่รักท่านมากกว่าตัวของเขาเอง และยินดีอุทิศชีวิตของตนเองให้กับท่าน ไม่แน่ว่าอาการนี้ของท่านก็อาจจะหายขาดได้”
เรื่องการพูดไปเรื่อยเปื่อย ดูท่าซุนย่วนซื่อจะได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากฮ่องเต้จนหมดสิ้น
ต่อมาตู๋กูซิงหลันก็ไม่ได้สนใจว่าอาการเจ็บหัวใจนี้จะเป็นเรื่องสำคัญอะไรอีก
อยากเจ็บก็เจ็บไป แยกสมองกับหัวใจออกจากกันก็สิ้นเรื่อง
……………..
แคว้นต้าเหยียน ยามนี้มีดาราสุกสกาวเต็มท้องฟ้า
จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูดาวเกลื่อนฟ้า สายพระเนตรก็เปลี่ยนเป็นนุ่มนวล
การกำราบแคว้นเหยียนล้วนเป็นไปโดยราบรื่น….คาดว่าอีกไม่ถึงสองเดือนเขาก็คงจะสามารถกลับไปได้แล้ว
เขาวาดแผนการอยู่ใจ
ทันใดนั้นก็ทรงได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากกระโจมในค่าย
เสียงโหยหวนนั้นทำลายความสงบสุขทั้งหมดในค่ำคืนนี้ไปจนสิ้น
ตู๋กูจุนมาถึงข้างกายพระองค์เป็นคนแรก …..ในอากาศมีกลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านหลังยังมีเสียงกรีดร้องตะโกนอย่างน่าหวาดผวาออกมาอีก ทั้งยังรุนแรงอย่างโหยหวนกว่าเดิม
เหล่าแม่ทัพทั้งหมดต่างพากันมาเข้าเฝ้าที่เบื้องหน้ากระโจมของฝ่าบาท แต่ละคนมีสีหน้าหนักอึ้งและตื่นตัว
“ตรวจสอบให้ชัดเจน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” สีพระพักตร์ของฝ่าบาทเย็นชาและสงบนิ่ง
ทันทีที่ตรัสจบ ก็เห็นทหารนายหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับเลือดท่วมตัว ใบหน้าของเขาถูกกัดไปกว่าครึ่ง ลำคอเหวอะหวะเนื้อขาดหายไป
เขากุมลำคอของตนเองเอาไว้อย่างแน่นหนา สูดลมหายใจทูลด้วยความหวาดผวาว่า “ฝ่าบาท…..ฝ่าบาท…..มีศพคืนชีพ!”
พูดแล้ว ก็เห็นนายทหารผู้นั้นล้มลงไปบนพื้น คนเริ่มบิดเบี้ยวไปทั้งร่าง เพียงแค่ครู่เดียว เขาประคองร่างที่บิดเบี้ยวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ดวงตาทั้งสองแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า
เล็บที่แหลมคมของเขางอกยาวออกมา
ข้างกายของเขามีแม่ทัพผู้หนึ่งที่ไม่ทันได้ระวังตัว ถูกนายทหารผู้นั้นคว้าข้อเท้าเอาไว้ กัดกินอย่างคลุ้มคลั่งขึ้นมา
ถึงแม้ว่าปฏิกริยาของแม่ทัพผู้นั้นจะรวดเร็ว แต่ก็ยังถูกเขากัดกินเนื้อไปแล้วคำใหญ่
แม่ทัพผู้นั้นได้รับความเจ็บปวด ส่งเสียงร้องออกมา ก็สะบัดเท้าออกไปเตะนายทหารผู้นั้นกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร
“แม่งเอ้ย เล่นบ้าอะไร กัดคนได้เจ็บโคตร” แม่ทัพผู้นั้นมองดูข้อเท้าของตนเองที่ถูกกัดเนื้อออกไปคำโต เจ็บแผลนั้นก็แล้วไปเถอะ ที่สำคัญก็คือเจ็บใจเกินทน เขาสงสัยว่านั่นจะเป็นไส้ศึกที่ศัตรูส่งเข้ามา
เนื่องเพราะถึงแม้คนผู้นั้นจะเป็นบุรุษหนุ่มที่แข็งแรงบึกบึนผู้หนึ่ง แต่ถูกเขาถีบออกไปเช่นนี้ ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเหลือชีวิตเพียงครึ่งเดียว
แต่นายทหารผู้นั้นกลับลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ด้วยร่างกายที่บิดเบี้ยวไปทั้งร่าง
ที่ด้านหลังของเขา ก็ปรากฏเหล่าทหารที่มีร่างกายบิดเบี้ยวเหมือนกับเขาขึ้นมามากมาย…..
พวกเขากางเล็บแยกเขี้ยว พุ่งเข้ามาอย่างคลุ้มคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
ทั้งหมดบุกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ด้วยความรวดเร็ว!
“คุ้มครองฝ่าบาท!” เหล่าแม่ทัพและนายทหารต่างก็มิได้หวั่นเกรง แยกย้ายกันถือโล่ คุ้มครองจีเฉวียนเอาไว้ด้านหลัง
ตู๋กูจุนยืนอยู่ข้างกายจีเฉวียน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นย่ำแย่อย่างที่สุด
ในสมองของเขาเกิดภาพที่เขาฆ่าราชบุตรเขยกับมือซ้อนทับขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
ศึกที่ริวกิวตอนนั้น ตระกูลตู๋กูต้องสูญเสียกองทัพไปนับหมื่น!
นี่เป็นเงามืดในใจที่เขาไม่อาจลืมได้ลงไปชั่วชีวิต
ยามนี้พอเห็นพวกมันพากันบุกเข้ามา ดาบใหญ่ของเขาก็โบยบินออกไปในทันที
“ฝ่าบาท พวกเราเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเข้าแล้ว” ตู๋กูจุนกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา “แคว้นเหยียนตระเตรียมจะใช้วิธีมัจฉาตายตาข่ายขาด [1] ”
จีเฉวียนหรี่พระเนตรลง ด้วยสถานการณ์เบื้องหน้านี้ ต่อให้ตู๋กูจุนไม่ได้บอกอะไร พระองค์ก็พอจะเดาได้
การศึกที่เมืองริวกิว ในตอนนั้น พระองค์ก็ทรงทราบความเป็นไปอย่างถ่องแท้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอกับสถานการณ์เช่นเดียวกันในแคว้นต้าเหยียน
“กองทัพของแคว้นเหยียนในยามนี้ไม่อาจต้านทานการบุกของพวกเราได้ ถึงได้ใช้ฝีมือต่ำช้าเช่นนี้ออกมา” ดวงตาของตู๋กูจุนปรากฏเส้นเลือดสีแดงกระจายขึ้นมา
เป็นศพคืนชีพนั่นก็แล้วไปเถอะ ตัวประหลาดพวกนั้นจะอย่างไรก็ยังมีความคิดเป็นของตนเอง ยังพอจะควบคุมได้
แต่ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ก็คือผีดิบ!
พวกมันปราศจากชีวิตและจิตใจ ทันทีที่ติดพิษแห่งความตายจากศพเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นผีดิบไปในทันที
หนึ่งแพร่ไปสิบ สิบกลายเป็นร้อย ร้อยกลายเป็นพัน เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด
พวกมันไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดๆ ทั้งสิ้น รู้จักแต่กัดคน กินคน ถึงแม้เป็นเพียงชาวบ้านทั่วไปก็ไม่ละเว้น
ตอนนั้นเขาต้องสูญเสียกองทัพตระกูลตู๋กูไป….เรียกว่าเกือบจะสิ้นกองทัพไปภายใต้พิษชนิดนี้
เขาคิดไม่ถึงว่าราชวงศ์ต้าเหยียน จะยอมเปลี่ยนแคว้นต้าเหยียนทั้งหมดเป็นนรก เพียงเพื่อลากพวกเขาลงไปด้วย
ตู๋กูจุนพึ่งพูดขาดคำ ก็เห็นว่าแม่ทัพที่เมื่อครู่ถูกกัดมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป หันไปตะครุบคนข้างตัวมากัดกินอย่างคลุ้มคลั่ง
ทันใดนั้น ทั่วทั้งกองทัพก็ตกอยู่ในความอลหม่าน
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน ผู้คนจำนวนมากตั้งตัวไม่ทัน พิษแห่งความตายแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งคืน กว่าครึ่งหนึ่งของกองทัพก็ติดเชื้อกันไปหมดแล้ว
เหล่าทหารที่ติดเชื้อพากันบุกเข้าไปในเมืองจิงหวา พอพบเห็นผู้คนก็บุกเข้าไปกัดกินอย่างคลุ้มคลั่ง
เพียงแค่เวลาสั้นๆ คืนเดียว เมืองจิงหวาที่ใหญ่เป็นอันดับสามของแคว้นเหยียนก็กลายเป็นขุมนรกบนดิน
ความสิ้นหวังปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
กองทัพต้าโจวที่หลงเหลือเพียงครึ่งเดียว ถอนกำลังออกจากเมืองจิงหวาอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดายว่าในกองกำลังของกองทัพที่ถอนออกมานั้นก็มีคนที่ถูกกัดอยู่ด้วย พิษนี้จึงไม่จบสิ้น เกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วขึ้นอีก
“ขอฝ่าบาททรงมีพระบัญชา ให้เผาเหล่าผู้ที่ติดเชื้อทิ้งให้หมด” ตู๋กูจุนคือแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์จากศึกเมืองริวกิวมาแล้ว ตอนนั้นเขาก็ใช้วิธีเผาเหล่าผู้ติดเชื้อทั้งหมดในครั้งเดียว…..จึงสามารถรักษาขุมกำลังสุดท้ายเอาไว้ได้
ฮ่องเต้มิทรงแสดงสีพระพักตร์ใดๆ ใครเลยจะคิดว่าเมืองจิงหวาที่เมื่อวานยังคงรุ่งเรืองอยู่แท้ๆ จะแปรเปลี่ยนเป็นนรกไปในคืนเดียว
ตอนที่พวกเขาถอยทัพออกมานั้นก็ได้ปิดประตูเมืองเอาไว้ด้วย ผีดิบเหล่านั้นจึงออกมาไม่ได้
บนกำแพงเมืองมีทหารที่กลายเป็นผีดิบอยู่มากมาย ล้วนเป็นเหล่าทหารที่พวกเขานำพามาจากเมืองหลวง
จีเฉวียนกำหมัดแนบแน่น สายพระเนตรทอประกายสังหารออกมาอย่างลึกล้ำ
พระองค์ทรงนำพวกเขามา แต่ว่ากลับไม่อาจพากลับไป…..พวกเขาล้วนเป็นสามี เป็นบุตร เป็นที่พึ่งหลักของครอบครัว
เพื่อเส้นทางการเป็นจักรพรรดิของเขา ทั้งหมดล้วนต้องเสียสละอยู่ที่นี่
“ขอฝ่าบาททรงมีพระบัญชาโดยเร็ว!” ตู๋กูจุนกวาดดาบยักษ์ในมือ ตวัดเข้าใส่เหล่าคนที่ติดเชื้อไปแล้ว
เขาเข้าใจความรู้สึกในพระทัยของจีเฉวียนเป็นอย่างดี ตอนนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับกองทัพตระกูลตู๋กู…..เขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ต่างก็เป็นเหล่าพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน …… แล้วจะให้ลงมือไปได้อย่างไร?
“หากฝ่าบาทยังทรงลังเล ก็จะต้องมีคนตายอีกจำนวนมาก” ตู๋กูจุนแทบจะอยากออกคำสั่งแทนเขาอยู่แล้ว
พอหันหน้ากลับไปก็เห็นว่ามีกองทัพผีดิบพุ่งเข้ามาหาจีเฉวียน
…………………….
[1] 鱼死网破: ต่อสู้กันจนบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย