เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 17 สัญญาผดุงคุณธรรม

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 17 สัญญาผดุงคุณธรรม

จี้หยวนหาหลักการเท็จข้อหนึ่งได้แล้ว แต่ก่อนอื่นต้องคล้อยตามคำพูดเจ้าภูเขาลู่ ศิษย์เคารพอาจารย์ย่อมชอบฟังอาจารย์ชม

“สรุปจากเรื่องหนึ่งอนุมานถึงเรื่องอื่น ฟังคำแล้วหยุดสังหาร แสดงว่าการหยั่งรู้ของเจ้าภูเขาล้ำเลิศทั้งสามารถปฏิบัติตัวตามได้อย่างดี แต่ถึงอย่างไรเจ้าภูเขาก็ฝึกปราณจนตื่นรู้มีปัญญามาจากการเป็นเสือร้าย ต่อให้เรียนรู้มารยาทของคนบนโลกจากผีชางแต่ไม่เข้าใจเรื่องราวบนโลก หึๆ…”

จี้หยวนพูดถึงตรงนี้แล้วหัวเราะเล็กน้อย

“แม้ว่าบัณฑิตลู่ไม่ใช่หนอนหนังสือ แต่ก็แค่เก่งกว่าบัณฑิตทั่วไปเท่านั้น”

จี้หยวนพูดถึงตรงนี้แล้วชี้พวกจอมยุทธ์น้อยที่ห่างออกไป

“เหตุใดคนพวกนี้ถึงมาล่าเสือกลางป่า แน่นอนว่าเพราะเมื่อก่อนเจ้าภูเขาลู่กินคนไม่น้อย ต่างจากพรานล่าหนังเสือ หมอยาค้ากระดูกเสือ เข้าป่าล่าเสือแค่เพื่อความผาสุกของปวงชน ใช่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว กล่าวกันถึงที่สุดแล้ว เจ้าภูเขากินคนมาก่อน จอมยุทธ์เข้าป่าภายหลัง”

แต่กล่าวถึงตรงนี้จี้หยวนกลับเปลี่ยนประเด็น

“แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นคำพูดไร้สาระ คนจะฆ่าข้า ข้าย่อมฆ่าคนได้ หากยื่นคอให้คนอื่นฆ่า ไม่ใช่ว่าเป็นคนโง่หรือ”

คำพูดนี้เจ้าภูเขาลู่ฟังแล้วสบายใจยิ่ง ถึงขั้นผงกศีรษะพยัคฆ์เล็กน้อย

“แต่เหมือนอย่างที่ข้ากล่าวก่อนหน้านี้ พวกเขาเข้าป่ามาใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อผดุงคุณธรรม รู้อยู่ว่าในป่ามีเสือแต่ยังเข้าป่าไปหาเสือ เจ้าภูเขาคิดว่าบนโลกคนประเภทนี้มีมากหรือไม่”

เสือร้ายนอกอารามขมวดคิ้วใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนตอบอย่างนอบน้อม

“เรียนนายท่าน น่าจะไม่มาก!”

จี้หยวนยิ้มแล้ว

“เหล่าคนอย่างเยี่ยนเฟย ลั่วหนิงซวง ลู่เฉิงเฟิงล้วนเป็นจอมยุทธ์น้อยแห่งยุทธภพ ทั้งมีใจผดุงคุณธรรม แม้บ้าระห่ำด้วยอายุน้อย แต่ขอแค่ยึดมั่นเจตนารมณ์ วันหน้าถ้าจะท่องยุทธภพใช่ว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เจ้าภูเขาอยากฆ่าพวกเขาไม่นับว่ามีความผิด แต่บนโลกอาจมีผู้ผดุงคุณธรรมน้อยลงเก้าคน”

“พื้นฐานวิชายุทธ์ของจอมยุทธ์น้อยเก้าคนมั่นคงนัก แต่สำหรับเจ้าภูเขาอาจเป็นแค่เด็กเล่นขายของ สร้างภัยคุกคามอะไรไม่ได้ จึงเอ่ยปากหวังว่าเจ้าภูเขาจะยั้งมือไว้ไมตรี”

ภูตเสือร้ายไม่พูดจา จี้หยวนกลัวมันคิดมาก รีบพูดเสริมแต่เสียงกลับไม่เร่งไม่ช้าถึงขั้นเจืออารมณ์ขัน

“ข้าคนแซ่จี้ขอเสนอสัญญาน่าสนใจหนึ่งกับเจ้าภูเขา ไม่ทราบว่าเจ้าภูเขาน้อมรับหรือไม่”

“เชิญท่านว่ามาเถิด!”

ครั้งนี้เจ้าภูเขาลู่ตอบเร็วมาก

“การผดุงคุณธรรมของเก้าคนครั้งนี้ ไม่ได้สื่อว่าวันหน้าจะประพฤติเหมาะสม ต่อให้ตอนนี้ตั้งใจสร้างชื่อ แน่นอนว่าความปรารถนาชื่อเสียงของจอมยุทธ์น้อยไม่มีอะไรให้วิจารณ์รุนแรงได้ เจ้าภูเขามิสู้มาเป็นพยาน วันหน้าหากเก้าคนนี้มีใครทำชั่วก่อกวนจนสิ่งมีชีวิตจมสู่ความทุกข์ ท่านจงตัดสินโทษพวกเขาใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะกลืนหรือเฉือนตัดล้วนไม่ฝืนมรรคสวรรค์ แต่หากพวกเขามีใครสร้างชื่อเป็นจอมยุทธ์เปี่ยมคุณธรรม การกระทำในวันนี้ของเจ้าภูเขาย่อมหักล้างวิถีชั่วในอดีตทั้งสร้างบุญใหญ่! สิ่งนี้คือจิตมั่นรู้แจ้งแทงตลอด”

โฮก…

เจ้าภูเขาลู่ฟังแล้วนัยน์ตาส่องประกายไออสูรพวยพุ่ง รู้สึกเพียงข้อสงสัยและความกังวลบางอย่างก่อนหน้านี้ล้วนถูกคลี่คลาย ยินดีจนคำรามเสียงเบาอย่างอดไม่ได้

หลักการของท่านจี้มันฟังเข้าใจแล้ว ความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้นยิ่งชัดเจนมาก มันเจ้าภูเขาลู่ภูตเสือร้ายมีหวังว่าจะแปลงร่างได้!

ไม่อย่างนั้นจะทำตามสัญญาท่องไปในโลกมนุษย์ได้อย่างไร

เจ้าภูเขาลู่นึกถึงนัยลึกซึ้ง ‘ฝึกปราณเหมือนเป็นคน กายตั้งจิตมั่นมรรคเป็นหลัก’ ที่จี้หยวนพูดถึงทันที ทั้งพอหยั่งรู้ความหมายของ ‘มรรคสวรรค์เสื่อมสูญมากล้นเพิ่มเสริมไม่พอ มรรคมนุษย์เสื่อมสูญไม่พอยังคอยประจบเอาใจผู้มั่งคั่ง’ เป็นความรู้แจ้งแทงตลอดจริงๆ

แทนที่จะพูดว่าท่านช่วยทั้งเก้าคน สู้บอกว่าท่านถือโอกาสมอบวาสนาใหญ่ให้ตนผ่านเก้าคนนี้ยังดีกว่า ช่วยตนหยั่งรู้อย่างหมดจด!

“ได้ฟังคำสอนท่านอีกครั้ง เจ้าภูเขาลู่ขอขอบคุณ!”

เสือร้ายพุ่งเข้าอารามเพื่อกล่าวตอบอย่างตื่นเต้นและนอบน้อม จากนั้นค่อยหันหน้ามองพวกลู่เฉิงเฟิง ทำเอาพวกเขาที่อึ้งงันอยู่บ้างตกใจจนได้สติทันที

“คำสั่งของท่านเจ้าภูเขาลู่ย่อมทำตาม ไม่ทราบว่าต้องการให้ข้าส่งพวกเขาลงเขาหรือไม่”

“ไม่ต้องๆๆ พวกเราลงเขาได้ พวกเราลงเขาเองได้!”

ลู่เฉิงเฟิงกับคนอื่นรีบปฏิเสธ ต่อให้รู้ว่าตอนนี้ภูตเสือร้ายไม่กินพวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ร่วมกับอสูรจริงๆ

จี้หยวนรีบหาทางลงเช่นกัน

“ให้พวกเขาเดินทางกลับเองก็ดี คนบนโลกมีอคติต่ออสูรมาก เจ้าภูเขาลู่กลับเข้าป่าไปฝึกตนเถอะ!”

ยามนี้ความรู้แจ้งแทงตลอด เจ้าภูเขาลู่แทบอยากจะห้อตะบึงไปทันที แต่เห็นแก่หน้าจี้หยวนจึงกล่าวประโยคเมื่อครู่เพิ่มเติม ตอนนี้เมื่อเห็นว่าจี้หยวนให้ตนรีบกลับไปฝึกตน มันรู้สึกว่าท่านประดุจเทพจริงๆ

เจ้าภูเขาลู่ซึ่งคิดจะโค้งคำนับแล้วจากไปพลันนึกได้กะทันหัน เข้าอารามเทพภูเขาไปกล่าวอีกครั้ง

“วันนี้ได้รับคำชี้แนะจากท่านอีกครั้ง เจ้าภูเขาลู่ยังไม่มีสิ่งใดตอบแทน แต่กลับมอบของรักษาหน้าแก่พวกรนหาที่… พวกจอมยุทธ์น้อยได้…”

เสือร้ายพูดถึงตรงนี้ก่อนหันหลังเดินเข้าไปใกล้พวกคนรุ่นเยาว์ หลังจากมองพวกเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นพวกเขาตกใจจนไม่กล้าขยับแล้ว เสือร้ายเผยรอยยิ้มคล้ายคนพลางเอ่ยปาก

“วันนี้พอพวกเจ้าลงเขา จงป่าวประกาศว่าเสือร้ายกินคนในป่าถูกสังหารแล้ว จากนี้คนเดินเขาไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นอาหารของเสือร้ายบนเขาโคเทพอีก”

เมื่อพูดจบเจ้าภูเขาลู่พลันร้อง ‘โฮก’ คายหนังเสือสีขาวผืนหนึ่งออกมาจากปาก บนขนผิวเปื้อนเลือด เหมือนเพิ่งถูกถลกมามาก

จากนั้นนัยน์ตาเจ้าภูเขาลู่วาววาบเล็กน้อย หันหลังประสานมือไปทางอารามเทพภูเขาอีกครั้ง

“ท่านจี้ ศิษย์ขอลา!”

เมื่อเห็นว่าจี้หยวนไม่กล่าวโต้แย้งอะไร นอกจากยินดีแล้วภูตเสือร้ายยังรีบกระโจนจากไปเหมือนวิ่งหนี ความเร็วนั้นเหมือนเงาลอยตามลมจริงๆ ต่อให้พูดมาข้าก็ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินแล้ว!

กระทั่งเจ้าภูเขาลู่จากไปครู่ใหญ่ คนในอารามและคนนอกอารามจึงอ่อนแรงเหมือนเพิ่งอาบน้ำ

ฝ่ายหนึ่งถอนใจด้วยหลอกสำเร็จอีกครั้ง อีกฝ่ายกลับรู้สึกดีใจมากที่รอดพ้นเคราะห์ร้าย

แต่หลังจากจี้หยวนผ่อนคลาย เขาพลันรู้สึกว่าตัวชาเหมือนถูกไฟดูด เมื่อยกมือดูถึงขั้นมองเห็นรัศมีสายฟ้าแล่นปราดเล็กน้อย ขณะกำลังงุนงงระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางมีมายาหมากตัวหนึ่งควบรวมออกมา จากนั้นก็ผลุบหายเข้าไปในนิ้ว ร่างกายของจี้หยวนพลันสั่นสะท้าน

รอเมื่อจี้หยวนได้สติกลับมาอีกครั้ง ราวกับทุกอย่างก่อนหน้านี้ล้วนเป็นภาพหลอน ยื่นมือซ้ายขวาดูแล้วไม่เห็นเหมือนเมื่อครู่

คนนอกอารามพักครู่หนึ่งแล้วรู้สึกตัว รีบเข้าอารามเทพภูเขามาขอบคุณผู้สูงส่งเหมือนขอทานคนนั้น ทั้งดึงจี้หยวนซึ่งกำลังแคลงใจกลับมาสู่ความจริง

กองไฟในอารามเทพภูเขาใกล้ดับแล้ว เหลือแค่ฟืนแดงกองหนึ่ง ห้าคนที่ยืนได้ล้วนประสานหมัดค้อมตัว อีกสี่คนที่บาดเจ็บหนักอย่างพวกเยี่ยนเฟยพยายามกล่าวขอบคุณ

แต่พวกเขาต้องรีบลงเขาไปหาหมอ ดังนั้นลู่เฉิงเฟิงที่อยู่ข้างหน้าสุดจึงถามหยั่งเชิง

“ขอบคุณท่านจี้ที่ช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้เสียดายที่ไม่ฟังท่านโน้มน้าว บุญคุณวันนี้พวกเราจดจำชั่วกาล! แต่พวกพ้องของพวกเราบาดเจ็บสาหัส ไม่สะดวกอยู่บนเขานานนัก ท่านอยากลงเขาพร้อมพวกเราหรือไม่”

ยังดีไม่ลืมเรื่องที่รับปากก่อนหน้านี้ จี้หยวนจะได้ไม่กล่าวเตือน แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอนี้

“ข้าบกพร่องทางกาย ถ้าสะดวกย่อมตามพวกเจ้าลงเขาเป็นธรรมดา”

คนพวกนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจี้หยวนจะไปด้วย มีอะไรไม่สะดวกได้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นพวกจอมยุทธ์น้อยที่รอดตายมาได้หรือยอดฝีมือจี้หยวน ใครต่างก็ไม่กล้าจะอยู่บนเขาอีก พวกเขาดับไฟในอารามแล้วเดินทางทันที

ถึงอย่างไรพวกเขานอกจากจี้หยวนก็ฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ไม่กลัวผลกระทบจากทางลื่นฟ้ามืดแค่นี้

เรื่องคืนนี้ทำให้พวกลู่เฉิงเฟิงกับเยี่ยนเฟยจำฝังลึก รู้ว่าบนโลกมีภูตผีปีศาจจริง มียอดฝีมือต่างแดนด้วย ในใจรู้สึกยำเกรงเพิ่มขึ้น แน่นอน สัญญานั้นก็มีแรงกดดันมากเช่นกัน

เมื่อก่อนถือว่าจอมยุทธ์ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นความใฝ่ฝัน ภายหน้าเหมือนต้องคิดเรื่องชีวิตบ้างแล้ว!

สี่คนแบกผู้บาดเจ็บ ลู่เฉิงเฟิงแบกจี้หยวน พวกเขาฝีเท้าว่องไว ตะบึงลงเขาไปตำบลสุ่ยเซียนด้วยความเร็วสูงสุด

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท