ตอนที่ 47 ยุทธภพอันตราย
ชายร่างท้วมในรถม้าดูเหมือนฝืนบังคับตัวเองเล็กน้อย มุดออกจากรถม้าอย่างระมัดระวัง
สิบสามโจรแดนเยี่ยนเว่ยอู๋เว่ยเคยได้ยินมาก่อน รู้ว่าเป็นพวกเหี้ยมโหดป่าเถื่อนฝีมือแกร่งกล้ากลุ่มหนึ่ง ยุ่งเกี่ยวกับคนชั่วเช่นนี้ คนทั่วไปอย่าแข็งกร้าวเกินไปดีกว่า
“ซะ จอมยุทธ์เซี่ยง! ความจริงหยกฟ้านั่นเป็นแค่หยกประดับตกทอดชิ้นหนึ่ง มีความอัศจรรย์อะไรเล่า พวกเจ้าต้องการเงินหรือของล้ำค่า ข้าล้วนให้พวกเจ้าได้ รับรองว่าจะทำให้พวกเจ้าพอใจเป็นอย่างไร”
ยามเว่ยอู๋เว่ยกล่าวยังหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก ต่อให้ท้องฟ้ามืดสลัวก็ยังมองสีหน้าเปี่ยมความตื่นตระหนกออก เมื่อลองมองผู้คุ้มกันสองคนซึ่งหลังจากหลั่งเลือดบาดเจ็บแล้วถูกดาบจ่อลำคอ สีหน้าพวกเขายิ่งแย่กว่านัก
พวกร้ายกาจเจ็ดคนล้อมรถม้า เซี่ยงเฟิงมองชายไม่มีหนวดเครารูปร่างสมบูรณ์ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“เงินแน่นอนว่าดี เอาอย่างนี้ ห้าพันตำลึงซื้อชีวิตพวกเจ้าสามคนเป็นอย่างไร หยกฟ้านั่นไม่ว่าอัศจรรย์จริงหรือมีดีแค่ชื่อ ข้าต้องการทั้งหมด!”
ขณะกล่าวเซี่ยงเฟิงเดินไปทางเว่ยอู๋เว่ยทีละก้าวแล้ว
“จะ จอมยุทธ์เซี่ยง จริงอยู่ว่าข้า… แม้ว่าข้าเป็นผู้นำตระกูลเว่ยแล้ว แต่เพิ่งถูกผู้อาวุโสแต่งตั้งเท่านั้น หยกฟ้านั่นต้องรอหลังจัดงานเลี้ยงในตระกูลวันที่สิบห้าเดือนหน้าจึงส่งต่อให้ข้า… ไม่ได้อยู่กับข้าจริงๆ!”
เซี่ยงเฟิงยิ้มหยันเล็กน้อย
“หึ เจ้าอยากตายหรือ”
ความจริงไม่ว่าหยกฟ้าอยู่บนตัวเว่ยอู๋เว่ยหรือไม่ สามคนนี้ล้วนไม่รอดแล้ว แต่คนอย่างเว่ยอู๋เว่ยยังมีประโยชน์บ้างชั่วคราว เกี่ยวข้องกับของอีกชิ้น
เมื่อเห็นพวกร้ายกาจเข้ามาใกล้ เว่ยอู๋เว่ยตกใจจนตัวสั่น ลนลานจับคอเสื้อตัวเอง
“อย่าๆๆๆ! มีอะไรพูดกันดีๆ หยกฟ้าอยู่กับข้า อยู่กับข้า!”
ขณะกล่าวมืออวบอ้วนนั้นลนลานดึงเชือกแดงตรงคอ คว้าหยกประดับสีน้ำเงินเข้มออกมาจากคอเสื้อ
“อะ เอ้า นี่อย่างไรเล่า…”
เดิมหยกประดับสีฟ้าพบเห็นได้น้อยนัก ชิ้นนี้แค่พริบตาก็รู้สึกว่าไม่ธรรมดา ในความมืดสลัวหลังแสงยามตะวันรอนดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
เซี่ยงเฟิงอดเผยสีหน้ายินดีเสี้ยวหนึ่งไม่ได้ มองมือท้วมค่อนข้างสั่นเทาส่งมา ยื่นมือไปรับหยกประดับตามจิตใต้สำนึก
แต่ตอนที่เพิ่งสัมผัสหยกประดับ เว่ยอู๋เว่ยซึ่งเดิมเหงื่อโชกกลัวแทบตายพลันดีดเข็มเงินสามเล่มออกจากปลายนิ้วมือขวา ลงมือปานสายฟ้าแลบ ทั้งสามเข็มแทงใส่หน้าอกเซี่ยงเฟิงเป็นตัวอักษรผิ่น (品) ดังฟุ่บๆๆ
ต่อมามือซ้ายโคจรพลังตบฝ่ามือเต็มแรงพร้อมกัน ซัดตรงหน้าอกเซี่ยงเฟิง ระเบิดปราณคลื่นชั้นหนึ่ง
ปึง!
แม้แต่ดาบขนห่านยังกุมไม่อยู่ เซี่ยงเฟิงถูกซัดลอยไปไกลสองจั้ง ตัวแข็งทื่อร่วงลงกับพื้น
“พี่ใหญ่!”
“พี่ใหญ่!”
ยามโจรที่เหลืออุทานเสียงหลง ตอนนี้เว่ยอู๋เว่ยซึ่งเมื่อครู่ขี้ขลาด ดุดันจนเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ยามทุกคนโดยรอบยังอึ้งงันเขาพุ่งตัวไปอยู่หน้าโจรที่จ่อคอผู้คุ้มกันสองคนเหมือนม้าพยศห้อตะบึงแล้ว
“ไสหัวไป!”
เขาหลบสองดาบซึ่งโจรฟันมาตามจิตใต้สำนึก พลังฝ่ามือดุดันซ้ายขวาพุ่งซัดออกไป
ปึง!
ปึง!
ยามโจรสองคนตัวงอลอยออกไป เจ้าอ้วนร่างสมบูรณ์คนนี้ห้อตะบึงตามไปด้วยความเร็วชวนประหวั่น ซัดฝ่ามือใส่โจรสองคนซึ่งยังไม่ร่วงลงพื้นกลางอากาศอีกสองครา
ปึง!
ปึง!
พรูด…
พรูด…
โจรแกร่งสองคนซึ่งวิชายุทธ์ไม่ธรรมดาลอยห่างไปสามจั้ง ตกลงไปในป่าด้านข้างสิ้นชีพโดยสมบูรณ์
“พี่เจ็ด พี่แปด!”
“ระยำ!”
“เจ้าเดรัจฉานโฉดชั่ว!”
คราวนี้ความแคล่วคล่องเปลี่ยนเป็นรวดเร็วยิ่ง ยามคนอื่นยังไม่ตอบสนองก็ทำให้ผู้นำสิบสามโจรบาดเจ็บหนักทั้งสังหารโจรสองคนแล้ว
“หน๊อย… อึก…”
เซี่ยงเฟิงดิ้นรนอยากลุกขึ้นมาอยู่ตรงนั้น แต่กลับออกแรงไม่ได้สักนิด ยังรู้สึกวิงเวียนและชาหนึบด้วย เห็นชัดว่าโดนพิษร้ายแรงบนเข็มสามเล่มนั้นแล้ว
“เว่ย เว่ยอู๋เว่ย… จะ เจ้าถึงกับ… เฮือก…”
พิษร้ายแรงออกฤทธิ์รวดเร็ว กอปรกับพลังฝ่ามือนั่นซัดอวัยวะภายใน ต่อให้เซี่ยงเฟิงคงปราณดั้งเดิมไว้แต่คำพูดก็ยังไม่สมบูรณ์
“มีวิชายุทธ์หรือ”
เว่ยอู๋เว่ยหันหลังกลับมามองเขา
“ตกใจมาก? เสียใจมาก? ไม่ยินยอมมาก? หึๆๆๆ ข้าแม่งชอบเห็นท่าทางอย่างเจ้านัก!”
เว่ยอู๋เว่ยยิ้มจนถึงขั้นชั่วร้ายอยู่บ้าง ดูเหมือนเหิมเกริมจนโจรที่เหลือรวมตัวกันมาอยู่ข้างกายเซี่ยงเฟิงทั้งป้อนยาลูกกลอนให้เขากิน ความจริงตัวเขาเองกำลังโคจรลมปราณ ขณะเดียวกันยังเขยิบเข้าใกล้พวกโจรซึ่งเหมือนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งช้าๆ
แม้ว่าผู้คุ้มกันบาดเจ็บสองคนนั้นตกตะลึงเช่นกัน แต่กลับมารวมตัวอยู่ข้างกายเว่ยอู๋เว่ยแล้ว
“เมื่อไม่มีเจ้าเซี่ยงเฟิงแล้ว สี่โจรที่เหลือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าสักนิด ตอนนี้ข้าให้โอกาสรอดชีวิตกับพวกเจ้า พูดมาว่าใครบอกพวกเจ้าเรื่องตระกูลเว่ยของข้ามีหยกฟ้าตกทอด ใช่คนเดียวกับที่ก่อนหน้านี้บอกพวกเจ้าว่าตระกูลฝานมีเทียบเจตกระบี่หรือไม่”
“หึๆ… แค่ก… บอกแล้วเจ้าจะปล่อยพวกเราไปหรือ”
เซี่ยงเฟิงปรับลมปราณเพิ่มฤทธิ์ยาพลางตอบอย่างเย้ยหยันนัก
“ข้าเว่ยอู๋เว่ยต่างจากอันธพาลแห่งยุทธภพอย่างพวกเจ้า การกระทำเปิดเผยโปร่งใส รักษาคำพูดเสมอ!”
เมื่อเห็นว่าเว่ยอู๋เว่ยเพิ่งแสร้งอ่อนแอ ใช้เข็มพิษ ตามซัดฝ่ามือปลิดชีพ ทำทุกทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย เมื่อคำพูดตอนนี้กล่าวออกมาจากปากเขา ถ้าเซี่ยงเฟิงกับโจรคนอื่นยอมเชื่อก็แปลกแล้ว
การเปลี่ยนแปลงตรงหน้านี้จี้หยวนเห็นแล้วตกตะลึงตาค้างอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าคนแซ่เว่ยผู้นี้เป็นหมาป่าห่มหนังแกะ ยุทธภพอันตรายจริงๆ!
ยามนี้เว่ยอู๋เว่ยรู้สึกพอใจยิ่ง แสร้งเป็นคนธรรมดามาตลอด ยิ่งกดดันยามระเบิดออกมายิ่งปลอดโปร่ง เมื่อเห็นว่าเซี่ยงเฟิงเหมือนคิดถ่วงเวลา เขาไม่พูดมากความอีก ร่างกายจากนิ่งเป็นขยับ สองมือก่อลมฝ่ามือ
“ช่วยข้ากำจัดอีกสี่โจรก่อน ค่อยเค้นถามเซี่ยงเฟิง!!”
“ขอรับ!”
“ขอรับ!”
ยามรับคำผู้คุ้มกันสองคนโจมตีไปทางพวกโจรแดนเยี่ยนพร้อมเว่ยอู๋เว่ย
เวลานี้เสียงทลายอากาศดังฟุ่บๆๆ
ยามบีบให้พวกเว่ยอู๋เว่ยหลีกไปด้วยอาวุธลับ มีผู้สวมชุดรัตติกาลสีฟ้าเข้มสองคนกระโดดออกมาจากในป่าอีกด้านหนึ่ง ระหว่างทางยังเหยียบพุ่มไม้ โรยตัวลงตรงหน้าพวกเว่ยอู๋เว่ยอย่างแผ่วเบา
เมื่อเห็นวิชาตัวเบาระดับนี้ นัยน์ตาเว่ยอู๋เว่ยหดรัด ตึงเครียดขึ้นมาทันที ไม่นึกเลยว่ายังมียอดฝีมือไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอีกสองคน ทั้งเหตุใดถึงไม่ออกมาล้อมโจมตีตั้งแต่ต้น
“ครั้งก่อนสูญเสียเทียบเจตกระบี่ ครั้งนี้ยังตกอยู่บนมือเว่ยอู๋เว่ย สิบสามโจรแดนเยี่ยนสู้สวะไม่ได้จริงๆ หากไม่ใช่ว่าพวกเราตามมา เกรงว่าคงถูกเว่ยอู๋เว่ยจับเค้าอะไรเข้าจริง!”
“รีบจัดการโดยเร็ว พวกเรายังมีธุระของตน!”
เมื่อคนหนึ่งในนั้นกล่าวประโยคนี้จบ เขาก้าวเดินเหมือนผีก่อนเริ่มลงมือ ใช้วิชาดรรชนีแทงใส่เว่ยอู๋เว่ย ส่วนอีกคนก็โจมตีไปทางผู้คุ้มกันสองคน
เว่ยอู๋เว่ยถอยไม่หยุด แต่กลับไม่อาจหลบคมประกาย ได้แต่สะบัดมือตั้งรับทันที ดรรชนีฝ่ามือปะทะกัน
เสียงคล้ายเจาะถุงน้ำดังฟุ่บ
เขาสะกดข่มความเจ็บปวด ช่วงขาออกแรงฉับพลัน ร่างท้วมของเว่ยอู๋เว่ยตีลังกากลับหลังหนีห่างไป เหลือบเห็นฝ่ามือขวาของตนถูกเจาะทะลุ
‘เกรงว่าวันนี้คงหนีไม่พ้นแล้ว!’
ความคิดนี้เพิ่งปรากฏ เว่ยอู๋เว่ยที่โรยตัวสู่พื้นเมื่อครู่พลันพบว่าคนผู้นั้นก้าวประหลาดมาถึงตรงหน้าแล้ว เขาอาศัยแรงดีดจากการกระโดดถอยหลังซอยเท้าถอยร่นอย่างต่อเนื่อง แต่คนผู้นั้นกลับเหมือนเงาตามตัว แทงนิ้วมาทางดวงตาเขา ไม่อาจหนีพ้นโดยสิ้นเชิง!