ตอนที่ 50 สมชื่อขวงถู
จี้หยวนใช้วิชาตัวเบากระโดดตะบึงไม่หยุด หลังพ้นสายตาพวกเว่ยอู๋เว่ยแล้วอ้อมกลับอำเภอหนิงอัน
เสียงลมคลั่งพัดผ่านหูตลอดทางทั้งรู้สึกว่าไพเราะยิ่ง จี้หยวนถือโอกาสคลายเชือกมัดผมบนศีรษะ ปล่อยผมยาวพลิ้วไหวรับลม
สมัยนี้ต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อชาติก่อน เต็มไปด้วยป่าไม้แทบไม่มีมลพิษ ภายในทุ่งนานกกลางคืนส่งเสียงขับขาน กลางป่าและทางราบทิวทัศน์ต่างกัน กลางคืนและกลางวันยิ่งแตกต่าง
นอกเมืองกลางป่าตรงแม่น้ำสายเล็ก จี้หยวนกระโดดหมุนตัวยามห้อตะบึง ยืมแรงส่งจากกิ่งไม้ริมธาร กระโดดเหมือนปลาอย่างสง่างาม กระโจนลงแม่น้ำยามรัตติกาลจนน้ำกระเซ็นดังตู้ม
ไม่นานท่ามกลางเสียงแหวกว่ายดังสนั่น จี้หยวนโผล่ออกมาจากพื้นน้ำอีกครั้ง รอเมื่อว่ายถึงอีกฟากฝั่ง สองขาใต้น้ำพลันออกแรงเตะ มือขวาโคจรปราณฟาดน้ำเต็มแรง
ปึง!
ท่ามกลางละอองน้ำสาดกระเซ็น ทั้งตัวจี้หยวนโผล่พ้นน้ำกระโดดขึ้นฝั่ง
“ฮ่าๆๆๆ สะใจ!”
ร่างกายออกวิ่งอีกครั้ง พุ่งตัวกระโดดสูง หมุนตัวกลางอากาศหลายรอบ หยดน้ำนับไม่ถ้วนลอยกระเด็น เมื่อโรยตัวลงค่อยมุ่งหน้าต่อ ใช้วิชายุทธ์เล่นสนุกเต็มที่เหมือนเด็กคนหนึ่ง
กระทั่งวิ่งออกมาสองลี้ คราวนี้จึงโคจรวิชาเลี่ยงวารี ไล่หยดน้ำหยาดน้ำที่เหลือบนตัวและเสื้อผ้าออกไป ถือว่าอาบน้ำด้วยวิธีนี้ ล้างเหงื่อจากการต่อสู้และความตื่นเต้นเมื่อครู่รวมถึงความเหนื่อยล้าออกไปด้วยกัน คล้ายลอกคราบสกปรกชั้นหนึ่งในสภาวะจิต กายใจปลอดโปร่งจริงๆ
เมื่อกลับมาถึงอำเภอหนิงอัน ดึกสงัดเงียบสงบนานแล้ว
อำเภอหนิงอันสงบปลอดภัยเสมอ ไม่เคยห้ามออกนอกบ้านตอนกลางคืน แต่ถึงอย่างไรอำเภอหนิงอันก็เป็นสถานที่เล็กๆ นอกจากบางครั้งจัดงานศาลเจ้าแล้ว โดยทั่วไปยามราตรีไม่มีกิจกรรมนันทนาการอะไร แน่นอนว่ากลางคืนย่อมเงียบสงบนัก
หลังจากจี้หยวนเข้าเมืองก็ไม่มีใครตกใจ กลับสู่เรือนสันติอย่างแผ่วเบา มองเทียบเจตกระบี่ที่แขวนอยู่หน้าโต๊ะหนังสือตรงเรือนหลัก ทิ้งความคิดค้นคว้าตอนนี้ เปลี่ยนชุดนอนแล้วผล็อยหลับไป
วันที่สองแสงแดดสาดส่อง เมื่อสวมเสื้อบ้วนปากล้างหน้าเสร็จ จี้หยวนนั่งหน้าโต๊ะหนังสือในห้องตนเหมือนศิษย์มีจิตใจแห่งความยำเกรงคนหนึ่ง พิจารณาเทียบเจตกระบี่โดยละเอียดอีกครั้ง
บนโต๊ะหนังสือมีเครื่องเขียนเรียบง่าย ล้วนเป็นสิ่งที่อิ๋นจ้าวเซียนมอบให้ ไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่ใช้แล้วถนัดมือ เห็นชัดว่าคัดเลือกมาอย่างดี
ในสายตาเทียบเจตกระบี่ยังเปี่ยมศิลปะอักษรน่าอัศจรรย์ แต่สิ่งนี้ถูกจี้หยวนมองทะลุปรุโปร่งนานแล้ว แต่กลับไม่พบเบาะแสอะไร
‘หรือต้องแช่น้ำผิงไฟ’
จี้หยวนปลดเทียบเจตกระบี่ลงมาจากกำแพงแล้ววางบนโต๊ะ สัมผัสกระดาษของเทียบเจตกระบี่เล่มนี้ เป็นกระดาษเซวียนจื่อ[1]ธรรมดา ยากจะทำอย่างนั้นได้
‘หรือว่าอยู่ตรงแกน’
นิ้วมือกวาดทั่วเบาๆ ท่อนไม้เล็กสองด้านตรงส่วนแกนของม้วนอักษรถูกตนถอดออก จี้หยวนหยิบขึ้นมาดูโดยละเอียด แต่ไม่มีบันทึกอะไร
“หรือว่าอยู่ด้านใน”
จี้หยวนโคจรพลังดรรชนี ออกแรงดีดตรงยอดแกนไม้หนึ่งในนั้น
กร๊อบ!
ท่อนไม้แยกออกเป็นสองซีกตามแนวตั้ง เหลือบมองสัมผัสดมแล้วไม่แปลกอะไร ดูท่าว่าต้องตีความจากเนื้อหาบนเทียบอักษร
พูดตามตรงว่าอาศัยการมองเห็นของจี้หยวน ย่อมมองตัวอักษรบนตำรากระดาษธรรมดาไม่ชัดนัก เทียบเจตกระบี่นี้พิเศษตรงเจตกระบี่หนักแน่น จึงมองเห็นทะลุปรุโปร่ง
“ตั้งแต่เด็กข้าชื่นชอบอาวุธ หลงใหลกระบี่เป็นพิเศษ หกขวบได้รับกระบี่ไม้ สิบสองปีได้รับกระบี่เหล็ก วัยยี่สิบจิตใจฮึกเหิม แม้ไร้กระบี่ใหม่แต่เฉียบคมหาใดเปรียบ ปลายเยียบเย็นสามฉื่อสาดส่องทั่วจังหวัด… วัยแปดสิบเส้นทางชีวิตยาวนานไร้สิ้นสุด ปลายทางวิถียุทธ์อยู่แห่งใด บนสรวงสวรรค์มีเซียนอยู่หรือไม่ กระบี่จรดหน้ากระดาษใจไม่ยินยอม ไม่ยินยอม ไม่ยินยอม…”
จี้หยวนอ่านเทียบเจตกระบี่นับร้อยอักษรนี้เบาๆ แล้วถอนใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าอัจฉริยะวิถียุทธ์ผู้เขียนเทียบเจตกระบี่นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตอนนี้เห็นชัดว่าเขาเสียชีวิตไปหลายสิบปีแล้ว
“เฮ้อ น่าเสียดาย… แต่เจ้าพูดจาให้รู้เรื่องได้ไหม!”
ขณะถอนหายใจจี้หยวนวาดนิ้วมือแทนกระบี่อย่างอดไม่ได้ ร่ายรำท่ามังกรเหินอยู่หน้าเทียบเจตกระบี่ แต่การเคลื่อนไหวผ่อนคลายอารมณ์โดยไม่ตั้งใจนี้พลันทำให้เขาครุ่นคิดในใจ
อานุภาพกระบี่หมุนวน ต่างจากการกวัดแกว่งตามใจตนก่อนหน้านี้ แต่กวัดแกว่งเจตกระบี่ตามลำดับตัวอักษรระหว่างบรรทัด
ถึงแม้ว่าขาดความเข้าขั้นและความเป็นธรรมชาติไปส่วนหนึ่ง แต่กลับเพิ่มไอสังหารเฉียบคมขึ้นมามาก ยึดตามวงโคจรชีวิตของจอมยุทธ์จั่วท่านนี้ร่วมกับเจตกระบี่ซึ่งเผยออกมา ถึงกับรู้สึกว่าแปลกประหลาด
จี้หยวนซึ่งเป็นคนตาบอดพยายามอาศัยความทรงจำรวบรวมวงโคจรเจตกระบี่และเวลาสถานที่ในหัว
‘บ้าเอ๊ย นี่คือแผนที่หรือ’
จี้หยวนซึ่งทำความเข้าใจเนิ่นนานสุดท้ายก็ยืนยันจุดนี้ทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง
ตีความยากขนาดนี้ ไม่แปลกว่าจอมยุทธ์จั่วจากโลกไปหลายปีแล้วยังคงไม่มีใครสืบทอดมรดกวิชาต่อ เจ้าคิดว่ามีแค่อัจฉริยะอย่างเจ้าจึงมีสิทธิ์สืบทอดมรรคกระบี่ของเจ้าหรือ
ได้ เขี้ยวมาก!
จี้หยวนคิดเองว่าหากตนไม่มี ‘พรสวรรค์ไร้ใดเปรียบ’ เกรงว่าความลับของเทียบเจตกระบี่นี้คงเสียหายจนไม่มีใครตีความได้ บางทีวิชากระบี่แห่งยุคนั่นคงรอคนโชคดีค้นพบโดยไม่ตั้งใจจึงเจอแสงตะวันอีกครั้ง คาดว่าโชคนั้นคงไม่ต่างจากการกระโดดหน้าผาเจอตำราลับนัก
“สมชื่อจั่วขวงถู (ขวงถูแปลว่าคนคลั่ง) จริงๆ!”
มีความเข้าใจระดับนี้ จี้หยวนถือว่าวางใจโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกันยังคาดหวังกับวิชากระบี่แห่งยุคของจั่วขวงถูมาก เทียบเจตกระบี่หนึ่งทำให้เขาหยั่งรู้นัยเร้นลับมังกรเหิน คาดว่าวิชากระบี่นั่นคงยอดยิ่งกว่า!
ก๊อกๆๆ…
“ท่านจี้ อิ๋นจ้าวเซียนมาหา ไม่ทราบว่าท่านอยู่หรือไม่”
เสียงอาจารย์อิ๋นที่คุ้นเคยดังขึ้นนอกเรือน จี้หยวนมองไปนอกประตู ไม่นึกเลยว่าเที่ยงแล้ว
อิ๋นจ้าวเซียนที่อยู่ข้างนอกถือของมาสองอย่าง อย่างหนึ่งคือกล่องข้าว อีกอย่างคือถุงผ้าใบหนึ่ง เขารู้ดีว่าจี้หยวนกินข้าวตรงเวลา รีบมาก่อนช่วงอาหารกลางวันโดยเฉพาะ ให้ภรรยาทำอาหารจานเด็ดสองสามจาน รวมถึงนำสุราสลักบุปผาไหหนึ่งมาเรือนสันติ
ปัจจุบันอิ๋นจ้าวเซียนชอบวิ่งมาที่นี่จนไม่ยำเกรงเหมือนตอนแรกนานแล้ว ถือว่ามีสหายร่วมพิจารณาการศึกษาอย่างสบายใจ
ไม่นานประตูเรือนก็ถูกจี้หยวนเปิดออกด้วยตัวเอง
“อาจารย์อิ๋น นี่ท่าน?”
“ฮ่าๆ วันนี้พักงานว่างทั้งวัน มาเยี่ยมท่านจี้ รบกวนหรือไม่”
จี้หยวนยิ้มรับ เขาได้กลิ่นหอมภายในกล่องข้าวนานแล้ว ทั้งยังอุ่นอยู่ด้วย คาดว่ารสชาติต้องไม่เลวแน่ เขาผายมือมาด้านใน
“อาจารย์อิ๋นเชิญเข้ามาเถอะ!”
ทั้งสองคนนั่งลงข้างโต๊ะหินกลางลาน อิ๋นจ้าวเซียนวางถุงผ้าใบนั้นลงบนโต๊ะราวมอบสมบัติก่อน จากนั้นค่อยเปิดเผยกระดานหมากไม้กับตัวหมากสองกล่องด้านในให้เห็น
“ข้าเห็นท่านจี้ศึกษาคัมภีร์หมากวิถีหมากตลอด แต่กลับไม่เคยเห็นท่านเล่นหมาก เกรงว่าคงไม่มีคนประลองหมาก? ข้าคนแซ่อิ๋นหากระดานหมากไม้จันทน์นี้มาเป็นพิเศษ ขอแลกเปลี่ยนกับท่านสองสามตา!”
‘เฮ้ยๆๆๆ… ข้ารู้แค่ทฤษฎีในตำรา ใช่ว่าหาคนเล่นด้วยไม่ได้แต่เดินหมากไม่เป็นจริงๆ…’
จี้หยวนทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าวันนี้คงขายหน้าแล้ว
…
อีกด้านหนึ่งเว่ยอู๋เว่ยพาคนกลับมาอำเภอหนิงอัน
ถึงอย่างไรตัวก็บาดเจ็บ ยังจับคนร้ายมามากขนาดนี้ เพื่อลดตัวแปรลง ด้านหนึ่งเว่ยอู๋เว่ยคุมตัวพวกเขาไปอำเภอหนิงอันซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ด้านหนึ่งให้ผู้คุมรถขี่ม้าไปจังหวัดเต๋อเซิ่ง บอกทางการกับตระกูลเว่ยให้พากำลังคนมามากพอเพื่อคุมตัวนักโทษอุกฉกรรจ์
ตอนนี้ผู้นำตระกูลเว่ยกำลังพักอยู่ในโรงเตี๊ยม ห่มหนังเสือขาวซึ่งซื้อมาจากที่ว่าการอำเภอหนิงอันหนึ่งพันตำลึงจนหลับสนิท
[1] กระดาษเซวียนจื่อ เป็นกระดาษคุณภาพสูง เนื้อกระดาษนิ่มเหนียวไม่ขาดง่ายดูดซึมหมึกสม่ำเสมอ