เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 65 เหล้าชั้นดีจวนเซียนย่อมได้ สลักบุปผาบนโลกก็เมามาย

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 65 เหล้าชั้นดีจวนเซียนย่อมได้ สลักบุปผาบนโลกก็เมามาย

มังกรมีความหมายกับชนชาติจีน ต่อให้ความสูงส่งของมังกรบนโลกนี้อาจด้อยกว่าประเทศจีนเมื่อชาติก่อน แต่ราชันอาณาจักรหนึ่งยังสวมชุดคลุมมังกร ความหมายของคำว่ามังกรคงสำคัญเช่นกัน

ตอนนี้ถ้าจี้หยวนบอกว่าไม่ประหม่าคงโกหก แต่เรื่องผิดแปลกคือในใจประหม่าตื่นเต้นจนทนไม่ไหว การตอบสนองทางกายกลับราบเรียบ อาจเป็นเพราะการพูดคุยก่อนหน้านี้ จี้หยวนเตรียมใจมาระดับหนึ่ง ทั้งอาจเป็นเพราะปัจจุบันคำถามนี้ส่งผลต่อความคิดของจี้หยวน

ความจริงคัมภีร์นอกรีตไม่ได้บันทึกเรื่องราวนี้ ไม่มีเรื่องราวบอกว่ามังกรบันดาลฝนให้รัฐจีมาสองร้อยปี จี้หยวนก็ไม่รู้ว่าชายชราคนนี้เคยอ่านคัมภีร์นอกรีตจนจบหรือไม่ แต่คำถามนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์นอกรีตนัก ถึงขั้นไม่เกี่ยวกับความคิดเอนเอียงของผู้แต่งคัมภีร์นอกรีตมาก

‘เสาะหาการยอมรับอย่างหนึ่งอยู่กระมัง’

รับรองว่ารัฐจีจะฝนตกต้องตามฤดูกาล คาดว่าคงไม่ยากนัก ถึงอย่างไรการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ขอแค่ไม่มีสถานการณ์ผิดปกติอะไร เมื่อฤดูกาลมาถึงฟ้าย่อมประทานฝนชุ่มฉ่ำ เรื่องหายากคือทำมาสองร้อยปีต่อเนื่อง รับรองว่าจะไม่มีความแห้งแล้งหรือตัวแปรเหนือความคาดหมายอื่น จี้หยวนพอรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่มีความสามารถบันดาลฝนธรรมดา

คำชมใครพูดไม่เป็นบ้าง แต่คนข้างกายมีหรือจะฟังมาน้อย เขาอยากฟังแค่คำชมประโยคหนึ่งจริงหรือ จี้หยวนแอบรู้สึกว่านี่เป็นปมในใจอย่างหนึ่ง ปมในใจของมังกรเจียว

แต่อาจเป็นเพราะชายชราสุภาพทั้งมีเหตุผล หรืออาจเป็นเพราะได้เจอ ‘มังกร’ ที่คนจีนให้ความสำคัญ หลังจากผ่านความตื่นเต้นตอนนี้จี้หยวนมีกำลังใจขึ้นมา

ดวงตาสีเทาราบเรียบไร้แววของจี้หยวนจ้องมองชายชราข้างกาย ตอบไม่ตรงคำถามอยู่บ้าง

“โดยส่วนตัวสำหรับข้าคนแซ่จี้ ชื่นชมมังกรตัวนี้ที่คอยปกป้องดินแดนหนึ่งให้มีฝนอุดมมาสองร้อยปีมาก ยิ่งยินดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำดี แต่หากสามร้อยปีก่อนข้าเจอเจียวบาปนั่น ถ้าข้ามีความสามารถคงสังหารมันแน่!”

ชายชราขมวดคิ้วหรี่ตา มุมปากมีปราณขาวเอ่อท้นออกมาเล็กน้อย

“เช่นนั้นท่านคิดว่าผลงานสองร้อยปีของมังกรตัวนี้หักล้างบาปอุทกภัยเมื่อปีนั้นได้หรือไม่”

น้ำเสียงและท่าทางนี้ทำให้จี้หยวนใจเต้น แม้ว่าไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไรแต่มีความกดดันหาใดเปรียบ ดูท่าว่ามังกรแค่เหมือนพูดด้วยง่าย แต่ไม่แน่ว่าจะพูดด้วยง่ายจริงๆ…

ใช่แล้ว ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้สงสัยว่าเขาไม่ใช่มังกรก็เป็นเจียวซึ่งเกี่ยวข้องกับชือเจียวท่องวารีนั่น ตอนนี้จี้หยวนแน่ใจแล้วว่าชายชราก็คือมังกรตัวนั้น

เมื่อครู่กล่าวความในใจออกมา แต่จี้หยวนไม่คิดเยินยอเปลี่ยนจุดยืนเพราะในใจรู้สึกหวาดหวั่นทันที หากเปลี่ยนเป็นตนนั่งอยู่ตรงหน้า ย่อมไม่ชอบท่าทางเปลี่ยนสีหน้าตามอารมณ์เช่นนี้แน่

ต่อให้ไหวหวั่นในใจ แต่จี้หยวนทำเหมือนไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของชายชรา แค่เก็บคัมภีร์นอกรีตเข้าห่อผ้าอย่างแผ่วเบา อาศัยช่วงหลบสายตานี้คลายสภาพซึ่งเกือบยืนหยัดไม่อยู่ของตนเต็มที่

หลังจากวางตำราเสร็จ จี้หยวนจึงเคลื่อนสายตากลับมามองอีกฝ่ายใหม่อีกครั้ง

“ต้องขอถามผู้อาวุโสก่อน หากทุกคนล้วนคิดว่าผลงานสองร้อยปีมานี้ของท่านหักล้างบาปเมื่อปีนั้นได้ สร้างบุญใหญ่ไร้ขอบเขตแล้ว เช่นนั้นท่านยังบันดาลเมฆฝนให้รัฐจีต่อหรือไม่”

ประโยคนี้ระบุชัดว่าอีกฝ่ายเป็นมังกร ทั้งยังเปิดประเด็นอย่างผ่อนคลาย แต่พอถึงตอนท้ายกลับเหมือนใช้การถามต้านความหวาดกลัว

ว้าวุ่นใจถึงขั้นนึกเสียใจอยู่บ้าง แต่ภายนอกกลับเคร่งขรึมกัดฟันทน

เมื่อกล่าวคำถามนี้ออกมา ชายชราถูกถามจนอึ้งงันไปทั้งอย่างนั้น

ขมวดคิ้วมองไปนอกถ้ำหิน มองเมฆดำซึ่งฝนหยุดนานแล้วแต่ยังไม่ซ่านสลาย ถึงกับตอบไม่ถูก

“จากมุมมองข้าคนแซ่จี้ ความชอบคือความชอบ ความผิดคือความผิด มีแค่ทำความดีชดเชยความผิด ไม่มีความชอบลบล้างความผิด ผู้ที่ข้าคนแซ่จี้เกลียดคือเจียวบาปในอดีต ผู้ที่ชื่นชมคือเจินหลงในปัจจุบัน ไม่ขัดแย้งเช่นเดียวกัน!”

ในที่สุดก็รักษาท่าทีกล่าวประโยคนี้จบ จี้หยวนสงบใจอย่างหนัก ภายนอกยังไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร

เมื่อเอ่ยปากออกมา ชายชราซึ่งเดิมหน้านิ่วคิ้วขมวดใจสะท้านเล็กน้อย หันกลับมามองจี้หยวน

“กล่าวได้ดีๆ!”

หลังจากผ่านการยืนยันสองประโยค ชายชราคล้ายคิดอะไรตกทั้งเหมือนใจไม่อยู่กับร่องกับรอยอยู่บ้าง พิงผนังหินลูบเครายิ้มพลางส่ายหัวอยู่ตลอด คิดเชื่อมโยงในใจพลางยิ้มเยาะตนเอง

‘ฮู่ว…’

จี้หยวนซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งเป่าปากโล่งอกในใจ ถึงขั้นคิดไปเองว่าลมหายใจตนตอนนี้สั่นสะท้าน ได้ยินคำว่าดีสองครั้ง เขาเข้าใจว่าเคราะห์ครานี้ผ่านไปแล้ว

เมื่อในใจผ่อนคลาย เขาทรงตัวไม่อยู่เล็กน้อย เลื่อนตัวพิงห่อผ้าโดยตรง ยังดีว่าการเคลื่อนไหวไม่มาก

คิดดูครู่หนึ่งแล้วเห็นว่ามอบน้ำใจหน่อยดีกว่า เขาถือโอกาสหยิบพุทราสี่ผลที่เหลือออกมาจากห่อผ้า เฉลี่ยมาสองผลพลางยื่นมือส่งให้ชายชรา

“อยากชิมพุทราสดนี้หรือไม่ นี่เป็นผลจากต้นพุทราในเรือนเล็กของข้าน้อย ไม่ถึงขั้นอัศจรรย์ แต่สดหวาน!”

ชายชราหันกลับมามอง รับพุทราสองผลไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที

“ฤดูกาลนี้มีพุทราถือว่าหายาก ยังมีอีกมากหรือไม่ สำหรับข้าสองผลคงไม่พอนัก!”

เรื่องนี้จี้หยวนเชื่อ แต่ข้อเรียกร้องเช่นนี้ยามกลัวเมื่อครู่อาจยกให้ ตอนนี้เขาไม่ยินยอมแล้ว

“ข้ามีทั้งหมดสี่ผล มอบให้ท่านครึ่งหนึ่งแล้ว กินเถอะ!”

ขณะกล่าวเขาโยนพุทราสองผลเข้าปาก เคี้ยวเสียงดังไม่หยุด กลิ่นหอมสดชื่นลอยออกมาจากปาก พฤติกรรมเหมือนเด็กหวงขนม

ชายชราได้กลิ่นหอมยิ้มเล็กน้อย กินทีเดียวสองผลเลียนแบบจี้หยวน เมื่อเคี้ยวแล้วกลิ่นหอมอบอวล

“ผลไม้ดีๆ แม้ว่าปราณวิญญาณเลือนรางแต่รสชาติล้ำเลิศ ไม่ทราบว่าเรือนเล็กของท่านตั้งอยู่แห่งใด ขอข้าไปเก็บมาชิมมากหน่อยได้หรือไม่”

จี้หยวนอดยิ้มไม่ได้ มังกรเฒ่าตัวนี้ตะกละนัก!

“ตอนนี้คงหมดแล้ว ก่อนข้าคนแซ่จี้ออกเดินทางได้บอกกล่าวล่วงหน้า ฝากสหายสนิทคนหนึ่งในอำเภอเก็บผลพุทราทั้งหมดหลังข้าจากไป แจกจ่ายร่วมกินกับเพื่อนบ้าน คำนวณวันเวลาแล้วไม่ถือว่าสั้น”

ชายชรารู้สึกเสียดายทันที แต่เหมือนว่ายังไม่ยอมแพ้

“บ้านสหายสนิทของท่านมีโรงเก็บผลไม้ที่เหลือหรือไม่ บอกเขาแบ่งให้ข้าหน่อยก็พอ”

“เฮ้อ สหายสนิทของข้าน้อยเป็นแค่อาจารย์สำนักศึกษาอำเภอหนึ่ง ไร้พลังไร้วิชา กอปรกับทางบ้านยังมีเด็กตะกละคนหนึ่ง เก็บผลพุทราไม่ได้ทั้งเก็บผลพุทราไม่อยู่!”

ดูท่าว่าผลพุทราคงหมดแล้วจริงๆ แต่ความหมายในคำพูดของจี้หยวนกลับทำให้ชายชราสงสัยเรื่องอื่น

“สหายสนิทของท่านเป็นคนธรรมดาหรือ”

จี้หยวนอึ้งงันเล็กน้อยก่อนพยักหน้ากล่าว

“ไม่ผิด”

“แต่ชื่อเสียงขจรไกลมากสามารถมีคุณธรรม”

จี้หยวนนึกถึงจดหมายฉบับนั้นพลางเผยรอยยิ้ม

“ยังไม่สร้างชื่อเสียงด้วยคุณธรรมดีงาม”

ชายชราขมวดคิ้วแล้ว

“อาจารย์บ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง มีดีอะไรถึงกลายเป็นสหายสนิทของท่าน”

จี้หยวนคายเมล็ดพุทราที่อมไว้ในปากครู่หนึ่งออกมา กล่าวตอบอย่างเป็นธรรมชาติ

“มีดีอะไร ข้าคนแซ่จี้คบสหายคนนี้ยังไม่พอหรือ”

นี่เป็นการตกตะลึงครั้งที่สองของชายชราในวันนี้ ถึงขั้นเป็นไปได้ว่าอึ้งงันนานกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆๆๆ… ฮ่าๆๆๆๆๆ… ประเสริฐๆ พูดถูกแล้ว กล่าวได้ดี! ท่านจี้คบใครเป็นสหาย แน่นอนว่าตัวท่านมีอำนาจตัดสินใจ ฮ่าๆๆๆๆ…”

เสียงหัวเราะกึกก้องกะทันหันทำให้จี้หยวนตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย ถึงกับวางมาดไม่อยู่ ชายชราจัดเสื้อเปียกชุ่มพลางลุกขึ้นมา

“ไม่ทราบว่าข้าเผ่าปีศาจมีสิทธิ์เป็นสหายของท่านจี้หรือไม่”

ประโยคนี้เจือความคาดหวังชัดเจนซึ่งไม่อาจละเลย

เขากลืนน้ำลายตรงลำคอดังอึก จี้หยวนลุกขึ้นมาเช่นกัน ปรับสภาพจิตใจเล็กน้อย ดันคำเห็นชอบซึ่งอยากกล่าวจนทนไม่ไหวกลับเข้าลำคอ เปลี่ยนเป็นอีกประโยคหนึ่ง

“เช่นนั้นต้องดูว่าครั้งหน้าผู้อาวุโสเชิญข้าคนแซ่จี้ดื่มสุราหรือไม่”

“ท่านจี้อยากดื่มสุราอะไรขอแค่ว่ามา!”

“หึๆ สนใจแค่คนไม่ใช่สุรา เหล้าชั้นดีจวนเซียนย่อมได้ สลักบุปผาบนโลกก็เมามาย!”

“ฮ่าๆๆ สลักบุปผาบนโลกก็เมามายกล่าวได้ดี!”

ชายชราประสานมือคารวะกล่าวเสียงดัง

“ข้าอิงหงแห่งแม่น้ำเทียมฟ้า!”

จี้หยวนไม่กล้าละเลย คารวะตอบเช่นกัน

“ข้าน้อยจี้หยวน ถือว่าเป็นคนอำเภอหนิงอัน!”

ใบหน้าแดงฝาดยิ้มแย้มเบิกบานคือลักษณะของชายชราตอนนี้ หลังจากคารวะกัน ตัวเขาก้าวออกจากรัศมีถ้ำผาหินเนิบช้า หันหน้ากลับมามองจี้หยวน

“ข้ายังต้องบันดาลฝนช่วงเก็บเกี่ยวทุกจังหวัดทั่วรัฐจี เจอกันครั้งหน้าย่อมเชิญท่านจี้มาดื่มกันให้หนำใจ!”

เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ เขากลายร่างเป็นมังกรเปล่งแสงเลือนราง ทะลวงเมฆไปชั่วพริบตา

โฮก…

เสียงมังกรคำรามตรงขอบฟ้าเหมือนเสียงอสนีดังกังวาน

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท