ตอนที่ 68 คำทำนายหักชะตา
“อาจารย์!!! อาจารย์!!!”
นักพรตเด็กฉีเหวินลนลานทันที จับบ่านักพรตคิดเขย่าแต่ไม่กล้าเขย่า
“อาจารย์!! อาจารย์ท่านอย่าตายนะ อาจารย์! อาจารย์ท่านอย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว! ฮือๆๆ… ฮือ… อาจารย์!”
“อ๊าก! มีคนกระอักเลือด!!”
“ตรงไหนๆ”
“ตรงนั้น!”
“จริงด้วย เลือดเต็มโต๊ะเลย!”
“แม่เจ้าโว้ย อาหารของหอสุรานี้คงไม่มีปัญหากระมัง”
“หา!?”
“เฮือก…”
“อย่าทำให้ข้าตกใจสิ!”
ทั่วโถงใหญ่ของหอสุราโกลาหลขึ้นมา เสี่ยวเอ้อร์สองสามคนกับหลงจู๊รีบวิ่งมาทางนี้เช่นกัน
สุดท้ายยังเป็นจี้หยวนตอบสนองเร็วสุด เมื่อเห็นสถานการณ์เขาไม่สนความตกตะลึงภายในใจชั่วคราว รีบไปหาหมอคือสิ่งสำคัญที่สุด
“นักพรตน้อยฉีเหวิน อาจารย์เจ้ายังไม่ตาย! รีบช่วยกัน ข้าแบกอาจารย์เจ้าไปหาหมอเอง!”
“อ้อๆๆ ใช่ๆๆ หาหมอๆ!”
จี้หยวนเตะเก้าอี้ยาวข้างกายตนออกไป บอกให้นักพรตน้อยช่วย ความจริงตนกลับใช้สองมือประคองตัวอ่อนยวบของนักพรตชิงซงขึ้นมา ลงมือกดจุดบนตัวนักพรตชิงซงสองสามครั้ง จากนั้นค่อยย่อตัวจับเขานอนคว่ำบนหลังอย่างรวดเร็ว
“โธ่เอ๊ย ลูกค้าทุกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนๆ! อาหารของพวกเราปลอดภัยแน่นอน ไม่มีทางมีปัญหา!”
หลงจู๊ลนลานจนเหงื่อกาฬท่วมศีรษะ ปลอบลูกค้าคนอื่นพลางเข้าใกล้ตรงมุม
“ลูกค้าท่านนี้เป็นอะไร เขา…”
“หลงจู๊! ชีวิตคนมีค่า รีบบอกข้ามาว่าบริเวณใกล้เคียงมีโรงหมอตรงไหนบ้าง”
หลงจู๊มองโต๊ะซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงนั่นด้วยความกังวล ใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดเหงื่อพลางกล่าวตอบ
“ออกไปเลี้ยวซ้าย ถึงทางแยกค่อยเลี้ยวขวา สุดถนนการค้ามีโถงยาเมตตาอยู่แห่งหนึ่ง!”
“ขอบคุณมาก ทุกท่านภายในโถงอย่าตื่นตระหนก นักพรตท่านนี้หิวโหยมานานจึงรีบกินเกินไปทำให้โรคเก่ากำเริบ ไม่เกี่ยวกับอาหารของหอรวมแขกแห่งนี้! หลงจู๊ รบกวนมามาก เงินทอนโต๊ะนี้ไม่ต้องแล้ว!”
เมื่อพูดเรื่องพวกนี้จบอย่างรวดเร็ว จี้หยวนหันกลับไปกล่าวกับนักพรตน้อยฉีเหวิน
“นักพรตน้อยตามมาด้วย!”
ไม่รอนักพรตน้อยเข้าใจความหมายของประโยคนี้ จี้หยวนก้าวออกไปแล้ว ปลีกตัวจากลูกค้าสองสามคนโดยรอบ ผ่านประตูร้านมาถึงถนน
“อ๊ะๆๆ! รอข้าด้วย!”
นักพรตเด็กฉีเหวินรีบตามไป แต่พอออกจากประตูร้านแล้วมองอีกครั้ง จี้หยวนกับอาจารย์ของตนไปถึงทางแยกแล้ว เขาตกใจจนรีบตามไปสุดชีวิต
จี้หยวนไม่ได้ใช้ท่าร่างอะไร แต่ยังคงคล่องแคล่วดุจเหาะเหิน วิ่งแบกคนรวดเร็วเหมือนไม่มีน้ำหนัก ความคิดในใจไม่หยุดพัก
นักพรตชิงซงคนนี้ทำนายแม่นนัก เมื่อทำนายเสร็จก็กระอักเลือด เห็นชัดว่าตัวเขาแบกรับผลจากการดูดวงนั้นไม่อยู่โดยสิ้นเชิง ถ้าพูดให้ถูกคือแบกรับผลจากการทำนายโชคชะตาไม่ไหว แสดงความสามารถในการทำนายของคนผู้นี้ให้เห็นจากอีกด้านหนึ่ง
‘แพร่งพรายความลับสวรรค์’ ความคิดนี้วาบผ่านสมองจี้หยวน
แต่เห็นชัดว่านักพรตชิงซงคนนี้อย่างมากแค่ทำนายสุขภาพ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เป็นแค่คนธรรมดา ถึงขั้นไม่มีแม้แต่วิชายุทธ์ บนโลกนี้หมอดูมีทักษะล้วนมีความสามารถ หรือนักพรตชิงซงเก่งเป็นพิเศษกันแน่
แม้แต่จี้หยวนเมื่อชาติก่อน เรื่องดูดวงบางครั้งน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ หมอดูมีความสามารถมักทำนายหลายเรื่องได้แม่นยำ คิดว่าบนโลกนี้คงไม่ต่างกันนัก
จี้หยวนไม่คิดมากอีก ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนคือช่วยชีวิตคน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากดูดวงให้เขากระทั่งอีกฝ่ายกระอักเลือดหมดสติ หนึ่งชีวิตแลกข้าวหนึ่งมื้อไม่คุ้มค่าเกินไปแล้ว!
ต่อให้ถ่ายทอดปราณวิญญาณ แต่นักพรตชิงซงบนหลังยังลมหายใจรวยรินมุมปากหลั่งเลือด
‘อย่าตายจริงเสียล่ะ!’
…
การหาหมอช่วยคนครั้งนี้ราบรื่นกว่าการขอหมอช่วยจิ้งจอกครั้งก่อนมาก เมื่อจี้หยวนพุ่งเข้าโถงยาเมตตาตะโกนว่าท่านหมอช่วยด้วย หมอชราข้างในรีบมาตรวจอาการ
กอปรกับลูกจ้างภายในร้านร่วมด้วยช่วยกัน วางนักพรตชิงซงฉีเซวียนลงบนเตียงของห้องด้านใน สำหรับนักพรตน้อยฉีเหวินก็กระหืดกระหอบมาถึงโถงยาหลังจากนั้นไม่นาน
ห้องด้านในโถงยาเมตตา หมอชราหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งตรวจชีพจรทั้งเปิดหนังตาดูนัยน์ตา
“ท่านหมอ อาจารย์ข้า…”
“ชู่ว! นักพรตน้อยอย่ารบกวนข้าตรวจอาการ!”
หมอชรามองฉีเหวิน ค่อยมองจี้หยวน
“นักพรตท่านนี้เลือดลมติดขัดพลังชีวิตอ่อนแอ มียอดฝีมือแห่งยุทธภพใช้วิชากดจุดสกัดปราณของเขา ทั้งเหมือนกินยาบำรุงของยุทธภพต่อชีวิตจึงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้ ข้าเตรียมใช้ยารมควันก่อนค่อยฝังเข็ม พวกเจ้าใครรู้วิชายุทธ์กับจุดปราณมาช่วยข้า!”
“ท่านหมอโปรดรักษา ข้าช่วยท่านเอง!”
จี้หยวนรีบก้าวออกมา
“อืม ถอดเสื้อเขาออก คนทั่วไปออกไป มู่เอ๋อร์เตรียมรมโกฐจุฬาลัมพา รั่วเอ๋อร์หยิบเข็มเงินของข้ามาสองสามชุด!”
…
ไม่นานห้องด้านในโถงยาเมตตาก็เหลือแค่คนทำการรักษา ฉีเหวินถูกลูกจ้างร้านคนหนึ่งของหมอชราพามาอยู่โถงด้านนอก
หมอวัยเจ็ดแปดสิบคว้าเข็มเงินด้วยแววตาดุดันเสี้ยวหนึ่ง ทั้งไม่มองจี้หยวน เสียงสั่งความเปี่ยมพลังยิ่ง
“กดจุดปราณเขา สกัดจุดซานเจียว[1] อย่าปล่อยให้เขาผ่อนลมหายใจเด็ดขาด! ข้าจะลงเข็มแล้ว!”
“ได้!”
จี้หยวนเหงื่อเต็มหน้าผากเช่นกัน ระดับความตื่นเต้นไม่ด้อยกว่าตอนเผชิญหน้ากับงูยักษ์เมื่อครั้งก่อน นิ้วมือกดจุดบนตัวนักพรตชิงซงเหมือนภาพมายา
หมอชราลงเข็มกระตุ้นตามจุดปราณซึ่งจี้หยวนกดผ่านไปอีกครั้ง ทุกขั้นตอนลูกศิษย์ข้างกายจะเข้ามารมโกฐจุฬาลัมพา
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม นักพรตชิงซงถูกเข็มเงินแทงจนเหมือนเม่นตัวหนึ่ง
“คุณชายท่านนี้ รอข้าถอนเข็มเงินออก รบกวนท่านส่งปราณดั้งเดิมปกป้องเส้นปราณหัวใจให้ข้า!”
“อืม!”
ตอนนี้จี้หยวนไม่มีเวลาเช็ดเหงื่อ ฉวยโอกาสตอนหมอชรากับลูกศิษย์ของเขามัวแต่สนใจนักพรตชิงซง สำแดงวิชาเลี่ยงวารี หยาดเหงื่อบนกายและใบหน้าล้วนไหลไปด้านหลัง รวมตัวกันแล้วขับออกใต้ฝ่าเท้า
ถอนเข็มเงินส่งปราณผ่านไปอีกครึ่งเค่อ ตอนนี้หมอชราใช้สองมือกดแผ่นหลังของนักพรตชิงซงไม่หยุด ตัวเขาวัยเจ็ดแปดสิบเหงื่อเต็มกายแต่มือกลับไม่หยุดแม้เพียงครู่
‘หมอคนนี้ร้ายกาจกว่าหมอถงแห่งหนิงอัน!’
นี่คือคำวิจารณ์ในใจที่มีต่อเขาของจี้หยวน
…
ขั้นตอนช่วยชีวิตเบ็ดเสร็จต่อเนื่องรวมหนึ่งชั่วยาม ลำบากและซับซ้อนกว่าช่วยจิ้งจอกแดงครั้งก่อนมาก จี้หยวนรู้สึกเหมือนผ่านการผ่าตัดใหญ่ในยุคหลังด้วยตัวเอง
ตอนนี้นักพรตชิงซงนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าลมหายใจยังอ่อนกำลัง แต่อย่างน้อยก็มองออกว่าลมหายใจเสถียรแล้ว
“ฮู่… ข้าผู้ชรายังคิดว่าช่วยไม่ได้แล้ว ดูท่าว่ากำลังภายในปราณดั้งเดิมของยอดฝีมือแห่งยุทธภพคงอัศจรรย์จริงๆ ผู้เป็นหมอควรฝึกหน่อยแล้ว!”
หมอชราเหนื่อยจนนั่งพิงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง เช็ดเหงื่อพลางทอดถอนใจ
จี้หยวนไม่แก้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนของหมอชรา ถึงอย่างไรหากผู้เป็นหมอเรียนรู้กำลังภายในจริง แม้ว่าเทียบปราณวิญญาณไม่ได้ แต่ก็มีส่วนช่วยด้านการรักษา ถึงขั้นว่าเดิมยุทธภพก็ไม่ขาดผู้ปราดเปรื่องด้านวิชาแพทย์และวิชายุทธ์
“ท่านหมอ อีกนานหรือไม่กว่าเขาจะตื่น”
“ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ยังโดนลมไม่ได้ชั่วคราว ไม่อาจปล่อยให้เขาโดนลมภายนอก มิฉะนั้นย่อมเสียเปล่า รอต่ออีกหน่อยเถอะ”
“อืม!”
…
พลบค่ำแล้ว ห้องด้านในโถงยาเมตตา บนตัวนักพรตชิงซงซึ่งหมดสติอยู่คลุมด้วยผ้าห่มผืนบางชั้นหนึ่ง ข้างกายจุดจันทน์หอม
จี้หยวนกับฉีเหวินรวมถึงลูกจ้างโถงยาคนหนึ่งคอยอยู่ด้านข้าง หลังจากหมอชรางีบหลับพักหนึ่งจึงออกมาดูร้านข้างนอกต่อ
เมื่อนักพรตชิงซงตื่นขึ้นมาช้าๆ สิ่งที่เห็นอย่างแรกก็คือขื่อของห้องด้านใน
“ฮ่า… นะ… น้ำ…”
นักพรตชิงซงส่งเสียงแหบพร่าจากลำคอ ทำให้ทั้งสามคนที่เฝ้ารอใจสะท้าน
“ข้าไปเอามาให้!”
ลูกจ้างร้านลุกขึ้นไปหยิบชาบำรุงปราณซึ่งต้มเสร็จแล้วยังอุ่นมาทันที ฉีเหวินน้ำตาร่วงเกาะขอบเตียง
“อาจารย์… ฮือ… บอกแล้วว่าอย่าพูดส่งเดช… ฮือๆ…”
ลูกจ้างร้านรีบยกน้ำชาถ้วยหนึ่งมา พิงขอบเตียงประคองศีรษะนักพรตชิงซงขึ้น
“น้ำมาแล้วๆ!”
“มา ระวัง ดื่มช้าหน่อย!”
น้ำอุ่นถ้วยหนึ่งลงท้อง นักพรตชิงซงรู้สึกว่าตนสบายขึ้นมาก นับว่าคืนชีพแล้ว ปลอบศิษย์ที่ยังร้องไห้อยู่ หันหน้ามองจี้หยวนซึ่งยังไม่เอ่ยคำด้านข้าง
“เฮ้อ… ถือว่าข้ารับรู้แล้ว… อะไรเรียกว่าทำนายเรื่องฟ้าลิขิตไม่ประมาณตน… ข้าว่าข้าไม่ได้ทำนายความตายของท่าน หากแต่เป็นความตายของตัวเอง…”
จี้หยวนประสานมือขออภัย
“ขออภัยที่ทำให้ท่านพบจุดจบเช่นนี้…”
ยังเอ่ยปากพูดได้ พิสูจน์ว่ารักษาชีวิตได้แล้ว จี้หยวนพูดถึงตรงนี้ก่อนกล่าวหยอกล้อประโยคหนึ่ง
“คาดว่านักพรตคงไม่อยากดูโหงวเฮ้งกับลายมือของข้าคนแซ่จี้โดยละเอียดอีก”
นักพรตชิงซงยกแขนซ้ายขึ้นอย่างสั่นเทาอยู่บ้าง มองฝ่ามือของตน บนลายมือเส้นชีวิตขาดไปช่วงหนึ่ง
“ไม่… เมื่อครู่ตอนข้าตื่นขึ้นมาได้ดูโหงวเฮ้งของท่านโดยละเอียดแล้ว…”
เมื่อเอ่ยปากออกมา แม้แต่จี้หยวนยังอึ้งสักพัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักพรตน้อย ถึงตายก็ไม่เข็ดจริงๆ!
“ท่านหมอน้อย ข้ายังอยากดื่มน้ำอยู่ รบกวนท่านนำมาให้ข้าอีกถ้วย!”
“ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้!”
ลูกจ้างโถงยาที่เมื่อครู่ฟังแล้วสับสนมึนงงอยู่บ้างคว้าถ้วยดินเผาวิ่งตึงตังออกไป
รอเมื่อเขาจากไป สายตานักพรตชิงซงหันมองจี้หยวนใหม่อีกครั้ง
“ฮะ… ฮู่… โหงวเฮ้งของท่านมองไม่ออกโดยสิ้นเชิง ยิ่งมองในใจยิ่งสับสน คาดว่าลายมือก็เป็นเช่นนี้… ทะ… ท่านไม่ใช่คนธรรมดากระมัง”
นักพรตน้อยฉีเหวินมองจี้หยวนอย่างตกตะลึง ส่วนฝ่ายหลังกลับเลิกคิ้ว
[1] ซานเจียว คือ ทางผ่านของเหลวในร่างกาย ส่วนบน (ปอด หัวใจ หัว) ส่วนกลาง (กระเพาะอาหาร ม้าม) ส่วนล่าง (ตับ ไต อวัยวะเพศ)