ตอนที่ 72 เจ้าต้องอิจฉาแน่
จี้หยวนไม่ใช่คนป่าเถื่อน ตอนนี้ก็ไม่มีความมั่นใจมาทำกร่าง แต่เขากลับเข้าใจความคิดของฉิวเฟิง
ปลาโพรงเงินซึ่งควบรวมจากแก่นวารีแน่นอนว่าล้ำค่า อย่างน้อยสำหรับจี้หยวนตอนนี้ถือว่าเป็นสมบัติ ในเมื่อไม่รู้ว่าใช้อย่างไรเหมาะสมที่สุด นำมาตุ๋นน้ำแกงแปดส่วนย่อมบำรุงแน่
แต่การทำเช่นนี้สิ้นเปลืองอยู่บ้างจริงๆ คนที่รู้ว่าควรใช้ปลาตัวนี้อย่างไรกำลังทำหน้าระวังตัวอยู่กลางป่าเขาซึ่งห่างออกไปไม่กี่สิบก้าว
“ท่านฉิวไม่ต้องกังวล แค่คำพูดเท่านั้น ข้าคนแซ่จี้ไม่มีทางทำตัวเหมือนเด็ก อีกอย่างเด็กพูดจาจาบจ้วงควรมีผู้อาวุโสในบ้านสั่งสอนถึงจะถูก”
เสียงจี้หยวนราบเรียบ ถือห่อผ้าสอดร่มกันฝน พาดคันเบ็ดไม้ไผ่เขียวขจีบนบ่า หลบกิ่งไม้และเถาวัลย์กลางป่าอย่างชำนาญ ก้าวเดินเนิบช้าเหมือนคนทั่วไปซึ่งไม่เป็นแม้แต่วิชามวยวิชายุทธ์
สิ่งน่าสนใจคือปลายคันเบ็ดไผ่เขียว ลูกโป่งน้ำซึ่งติดกับสายน้ำละเอียด เด้งไปมาอยู่ด้านหลังจี้หยวน ทุกครั้งมักหลบกิ่งไม้โดยห่างไปนิดเดียว เห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลายนัก
นี่คือการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติของจี้หยวน ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกนิ่งสงบอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ จี้หยวนซึ่งรอยยิ้มบนใบหน้าไม่เสื่อมถอยขยิบตาให้เด็กชายนามว่า ‘เหอเอ๋อร์’ ตอนนี้เจ้าหนูนี่ไม่กล้าส่งเสียงแล้ว ทั้งยังไม่รู้ว่าคำพูดซึ่งดูเหมือนใจกว้างเมื่อครู่ของจี้หยวนร้ายกาจแค่ไหน กลับไปต้องถูกสั่งสอนแน่
ความมีอารมณ์ขันของจี้หยวนถูกฉิวเฟิงสัมผัสได้ กลับกลายเป็นว่าสงบใจลงไม่น้อย ลอบตัดสินใจว่าหลังจากกลับไปต้องทำให้เด็กชายทุกข์ระทมบ้าง ถ้าศิษย์พี่ทำไม่ลงศิษย์น้องอย่างเขาจะจัดการแทน!
ฉิวเฟิงไม่ได้เปิดเผยทั้งไม่กล่าวสั่งสอนเด็กชายโดยตรง หากแต่เอ่ยปากถามจี้หยวนก่อน
“ไม่ทราบว่าท่านจี้ตามมามีเรื่องใดชี้แนะ!”
“หึๆ ไม่กล้าให้คำชี้แนะ จริงอยู่ว่าข้าคนแซ่จี้การเงินฝืดเคือง แต่เห็นว่าพวกเจ้าถูกใจปลาโพรงเงินเช่นนี้ ข้านำมาตุ๋นน้ำแกงคงน่าเสียดายและสิ้นเปลืองเกินไป ไม่สู้แลกของกับพวกเจ้าดีกว่ากระมัง”
ถ้าเมื่อครู่ได้ยินข้อเรียกร้องของจี้หยวน ฉิวเฟิงคงคิดก่อนว่ายอดฝีมือปริศนาคนนี้กำลังคุกคามอะไรอยู่ แต่ตอนนี้กลับไม่มีความคิดเช่นนี้อย่างน่าประหลาด
“ไม่ทราบว่าท่านต้องการสิ่งใด หากข้าน้อยสะดวกย่อมมอบให้ แน่นอนว่าไม่มีทางหวง!”
ฉิวเฟิงคิดว่าความปรารถนาดีของอีกฝ่ายย่อมมีมูลค่า
ตั้งแต่ต้นจนจบจี้หยวนแทบไม่พูดโกหก การเงินเขาฝืดเคืองจริงๆ ถึงขั้นมีความคิดตุ๋นน้ำแกงปลาแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ย่อมดียิ่งกว่า
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าปลาโพรงเงินนี้มีมูลค่าแค่ไหนกันแน่ ได้แต่พยายามเอ่ยปากขอสิ่งที่ต้องการ
“ข้าคนแซ่จี้เป็นแค่ชาวบ้าน ความรู้ตื้นเขินไม่ต้องการของล้ำค่าเกินไป แค่อยากรู้เรื่องโลกบำเพ็ญเซียนในปัจจุบันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นวิชายุทธ์ต่างๆ ตำราอัศจรรย์ บันทึกประหลาด วิชาอัศจรรย์เล็กน้อยหรือของเล่นน่าสนใจ ล้วนนำมาแลกปลาโพรงเงินตัวนี้ได้ อืม แม้แต่วิชาฝึกปราณซึ่งผิวเผินที่สุดก็สนใจยิ่ง!”
ตามความเข้าใจกลยุทธ์เจิดจรัสกับคัมภีร์นอกรีต วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานไม่มีสูงต่ำ ไม่แยกห้าธาตุทั้งไม่แบ่งหยินหยาง แม้ว่าทุกจวนเซียนล้วนมีวิชาฝึกปราณที่เรียกว่าไม่เหมือนใคร แต่ความจริงมีลักษณะไม่ต่างกัน ไม่มีความแตกต่างอะไร พูดตามตรงก็คือสินค้าหลักยอดนิยมในหมู่เคล็ดวิชาฝึกเซียน
พอดีสิ่งที่จี้หยวนมุ่งหวังมากก็คือสินค้าหลักยอดนิยมนี้
ครั้งนี้ต่างจากความเข้าใจผิดของเทพหลักเมืองซ่งครั้งก่อน จี้หยวนรู้ดีว่าฉิวเฟิงมองตนเป็นผู้สูงส่งแล้ว แต่เขากลับไม่เปิดเผย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ สำหรับตนตอนนี้ปล่อยให้เขารักษาความยำเกรงต่อจะเหมาะกว่า โดยเฉพาะยามนี้ซึ่งถือว่ามีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง
“อ๊ะๆๆ! ข้ามีวิชาฝึกปราณบำเพ็ญเซียนพื้นฐาน ข้ามี อาจารย์อาพวกเราใช้สิ่งนั้นมาแลกเถอะ!”
เด็กสาวดีใจจนแทบกระโดด
“อีอี!”
ฉิวเฟิงแค่นเสียงคราหนึ่ง ทำเอาเด็กสาวเก็บเสียงทันที ถ้านำวิชาฝึกปราณพื้นฐานมาแลกจริงอีกฝ่ายจะต่างอะไรกับการให้เปล่า
นึกถึงกลยุทธ์เจิดจรัสซึ่งเห็นเมื่อครู่ ทั้งหวนนึกถึงคัมภีร์นอกรีตที่จี้หยวนเคยกล่าว ตำรารวมเก่าแก่เมื่อร้อยปีก่อนเช่นนี้ฉิวเฟิงเองเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ดูท่าว่าท่านจี้คนนี้คงสนใจเรื่องแปลกจริงๆ
คิดเชื่อมโยงถึงตรงนี้ ฉิวเฟิงตัดสินใจว่าต้องผูกวาสนากับผู้สูงส่งลึกล้ำยากหยั่งถึงคนนี้หน่อย!
“ความสนใจของท่านฉิวเฟิงหวังมอบให้เช่นกัน น่าเสียดายว่าบนตัวไม่มีสมบัติแปลกประหลาดอะไร แต่มีบทความโบราณหนึ่งท่านต้องสนใจแน่!”
ฉิวเฟิงพูดถึงตรงนี้แล้วสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง แท่งหยกขาวเรียวบางแท่งหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อ เปล่งประกายพร่างพราวยาวประมาณนิ้วกลาง
“นี่คือเศษบทความกักเทพ ข้าคนแซ่ฉิวค้นคว้ามาสิบกว่าปี แม้ว่าไม่ใช่วิชาอัศจรรย์ แต่กลับมีส่วนช่วยเรื่องการเข้าใจวิชาและการควบรวมจิตอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าเข้าตาท่านหรือไม่”
ฉิวเฟิงกล่าวแนะนำสองสามประโยค ซัดแท่งหยกขาวไปทางจี้หยวน ถูกฝ่ายหลังยื่นมือรับไว้
กักเทพ? วิชาอัศจรรย์ซึ่งตำราฝึกเซียนเล่มนั้นกล่าวถึง!
ต่อให้เป็นเศษบทความ แต่จี้หยวนรู้ดีว่าของแบบนี้ไม่ใช่ของทั่วไป ปลาโพรงเงินตัวหนึ่งไม่คู่ควรกระมัง แต่ถ้าส่งกลับไปจี้หยวนก็เสียดาย ตัวฉิวเฟิงเองยังไม่สนใจเลย
ถึงแม้ดีใจมาก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จี้หยวนยังอยากได้วิชาฝึกปราณอยู่…
“ปลาโพรงเงินตัวหนึ่งคงไม่มีค่ามากเช่นนั้น ขอบคุณความหวังดีของท่านฉิว ข้าคนแซ่จี้รับไมตรีแล้ว”
ขณะกล่าวจี้หยวนขยับบ่าเล็กน้อย คันเบ็ดแกว่งไกว ลูกโป่งน้ำวาดสายเหมือนคนตกปลาเหวี่ยงคันเบ็ด ภายใต้ทักษะการส่งแรงและสมดุลยอดเยี่ยมของจี้หยวน ลูกโป่งเกลี้ยงกลมลอยไปทางฉิวเฟิงอย่างมั่นคง
ฝ่ายหลังรีบสำแดงวิชาควบคุมลูกโป่งน้ำ แต่กลับทำให้ลูกโป่งน้ำเกิดการกระเพื่อมไหวอย่างเลี่ยงไม่ได้ คราวนี้แม้แต่เด็กชายเด็กสาวก็ตัดสินความเหนือชั้นได้แล้ว
ฉิวเฟิงทอดถอนใจภายในใจเล็กน้อย นอกจากการควบคุมวารีแล้ว อีกฝ่ายยังไม่เปิดเผยวิชาแม้แต่น้อย ส่วนตนสำแดงวิชารับลูกโป่งน้ำแต่กลับก่อให้เกิดคลื่นระลอก
เขาคิดไม่ถึงว่าอย่างมากจี้หยวนทำได้แค่สำแดงวิชาคงสภาพลูกโป่งน้ำ สิ่งอื่นที่ใช้ล้วนเป็นทักษะการควบคุมแรงอย่างชำนาญ ไม่เกี่ยวข้องกับวิชา
“ท่านจี้ ในเมื่อจบเรื่องแล้ว พวกเราแยกกันตรงนี้เถอะ วันหน้าหากมีโอกาส ยินดีต้อนรับท่านมาเป็นแขกที่เขาล้อมหยก!”
“ได้ มีโอกาสย่อมไปเยือน!”
ถือว่าทั้งสองฝ่ายต่างพอใจ พากันประสานมือบอกลา
ลูกโป่งน้ำห่อหุ้มปลาโพรงเงินนั้นตกสู่มือของเด็กสาว เด็กคนนี้ใช้ทักษะการควบคุมวารีเช่นเดียวกัน ม้วนตลบไปมาหยอกเย้าปลาน้อย ภายใต้การเร่งเร้าของฉิวเฟิง เด็กสองคนจึงตามเขาจากไป
แต่เดินไปประมาณสิบกว่าก้าว เด็กสาวเหมือนพูดอะไรกับฉิวเฟิง ก่อนหันหลังกลับวิ่งมาทางจี้หยวน เมื่อเดินเข้ามาใกล้จึงล้วงแท่งหยกขาวค่อนข้างใหญ่ออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อพลางมอบให้
“ผู้อาวุโสจี้ นี่คือวิชาฝึกปราณพื้นฐานของข้า เมื่อครู่ท่านบอกว่าอยากได้ ข้ามีแค่สิ่งนี้เท่านั้น!”
พูดจบยังไม่รอจี้หยวนผู้ค่อนข้างงงงวยตอบสนอง เด็กสาวตัวน้อยเหวี่ยงแท่งหยกขาว รีบวิ่งกลับไปอยู่ข้างกายฉิวเฟิง ฝ่ายหลังประสานมือเจือรอยยิ้มมาทางจี้หยวน
ตอนนี้ในใจจี้หยวนเต็มไปด้วยความยินดียิ่ง ไม่สนว่าฉิวเฟิงชี้แนะหรือเด็กสาวตัวน้อยอยู่เป็นเอง สำหรับจี้หยวนถือว่ามีความหมายยิ่งใหญ่นัก เขารับแท่งหยกขาวมาพลางหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆๆ… ดียิ่งนักๆ แม่นางน้อยชื่ออีอีใช่หรือไม่ อนาคตหากเจอเรื่องลำบาก ข้าคนแซ่จี้จะพยายามช่วยเจ้าครั้งหนึ่ง วันหน้าพวกเราค่อยพบกันอีก ฮ่าๆๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะนี้เปี่ยมพลังและความยินดี ทั้งเต็มไปด้วยบุคลิกกับความมั่นใจของจี้หยวน ต่อให้ตอนนี้ยังเป็นแค่เจ้าตัวจ้อย แต่เขามีความมั่นใจในตัวเองอยู่
หลังจากเห็นจี้หยวนหัวเราะร่าประสานมือคารวะตอบ ฉิวเฟิงเผยรอยยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่พลางจูงเด็กสองคนก้าวจากไป หลังจากผ่านไปนับร้อยก้าวเงาร่างจึงห่างออกไปเรื่อยๆ
…
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉิวเฟิงจูงเด็กสองคนขี่ลมอยู่ตรงขอบฟ้า ยังคงเผยรอยยิ้มน้อยๆ
“อาจารย์อา แค่แลกเปลี่ยนปลาไม่ต้องดีใจเช่นนี้กระมัง!”
เมื่อเห็นเด็กชายเอ่ยปาก ฉิวเฟิงส่ายหัวเล็กน้อยพลางมองเด็กสาวที่ยังเล่นลูกโป่งน้ำอยู่ เขายิ้มกล่าวตอบไม่ตรงคำถาม
“หึๆ บนโลกมีผู้สูงส่งมรรคอัศจรรย์เปี่ยมอิสระ ใสซื่อบริสุทธิ์กลับคืนสู่สามัญ การได้รู้จักก็คือวาสนา เจ้าไม่เข้าใจ อนาคตเจ้าต้องอิจฉาแน่”