ตอนที่ 78 ขอร้องเต่าและขอร้องคน
‘เฮ้อ สิ้นเปลืองหนหนึ่งแล้ว!’
จี้หยวนนำวสันต์พันวันราคาแพงหนึ่งกาเดินเตร่อยู่ในจังหวัดชุนฮุ่ย ทั้งจังหวัดชุนฮุ่ยมีตรอกใหญ่ทั้งหมดสี่สิบสองตรอก ขนาดของแต่ละตรอกก็มากยิ่งกว่าตรอกเล็กยี่สิบตรอกในอำเภอหนิงอัน มีประชากรประมาณสองแสนกว่าคน ถนนเชื่อมต่อกันเป็นอย่างดี มีรถม้าวิ่งไม่ขาดสาย
แต่ไหนแต่ไรจี้หยวนมีความมั่นใจในการจับทิศทางของตัวเองอยู่บ้าง แต่พออยู่ในสถานที่แบบนี้ก็มีความรู้สึกงุนงงชนิดที่ไม่รู้ว่าควรไปไหน
ตัวเลือกสุดท้ายอยู่ที่ปากท้อง หาที่ถูกๆ จัดการปัญหาปากท้องได้แล้ว
โชคดีที่ถึงแม้จังหวัดชุยฮุ่ยจะใหญ่ แต่กลับไม่ใช่ว่าทุกที่จะแพงหูฉี่ ยังพอหาร้านค้าแผงลอยที่ใช้เงินไม่กี่อีแปะก็กินข้าวมื้อหนึ่งอิ่มได้
…
ตอนนี้และเวลานี้ ภายในตรอกจันทร์หอมหมื่นลี้ที่อยู่ทางใต้ของกำแพงเมืองจังหวัดชุนฮุ่ย กลางลานบ้านหรูหราของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เว่ยอู๋เว่ยมุ่นคิ้ววาดภาพบางอย่างอยู่ภายในห้อง
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โรงเตี๊ยมชั้นดีหลายแห่งนอกจากอาคารหลังใหญ่ที่เป็นจุดขายของตัวเองแล้ว ก็จะมีลานบ้านส่วนตัวเช่นที่อู๋เว่ยอู๋พักอยู่ ราคาย่อมแพงกว่าอยู่บ้าง
ก๊อกๆๆ…
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เว่ยอู๋เว่ยเงยหน้ามองไปยังประตูทางเข้าที่เดิมทีเปิดอยู่
“เข้ามา!”
คนที่ท่าทางเหมือนกับพ่อบ้านหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในห้อง
“นายท่าน สุราเมาคืนนี้และสุราตู้คัง[1]ที่สั่งซื้อจากจังหวัดติ้งหยวนและจังหวัดตู้หมิงล้วนมาถึงแล้ว ไม้ข้อสีชมพูจากรัฐจิ้นน่าจะอยู่ระหว่างทาง คำนวณวันเวลาดูน่าจะใกล้ถึงแล้ว ส่วนสุราหยกทองจากจังหวัดจิงจีแม้จะใช้ม้าเร็วแล้ว แต่เกรงว่าจะมาไม่ทันขอรับ”
“อืม ไม่ทันก็ไม่ทัน สุราพวกนี้เพียงพอแล้ว พวกลุงใหญ่และอาสามชิมรสหมดแล้วหรือยัง สุราใดรสเลิศที่สุด”
พ่อบ้านคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจะตอบความ
“ตามที่บ่าวรู้ ในบรรดาสุราทั้งหมด วสันต์พันวันของพื้นเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยดีกว่าเล็กน้อยขอรับ!”
“ดี เจ้าออกไปเถอะ”
“ขอรับ บ่าวขอตัวลา!”
เมื่อเสียงฝีเท้าของพ่อบ้านเดินพ้นออกจากห้องไปแล้ว เว่ยอู๋เว่ยถึงหยิบพู่กันขึ้นขีดฆ่าชื่อสุราเมาคืนนี้และสุราตู้คังบนกระดาษทิ้งไป
เพื่อเรื่องวันที่สิบห้าเดือนห้าในครั้งนี้ ตระกูลเว่ยเตรียมสุราดีไว้สามสิบกว่าชนิดแล้ว ในนั้นไม่ขาดสุรามีชื่อเสียงเลื่องลืออย่างวสันต์พันวัน บ้างนำมาจากจังหวัดเต๋อเซิ่ง บ้างสั่งซื้อโดยตรงจากจังหวัดชุยฮุ่ย บ้างซื้อและขนส่งมาจากที่อื่นด้วยม้าเร็ว
“เฮอะ เจิ้งเชียนชิวผู้นั้นทุกปีเตรียมสุราดีแค่สามชนิด ตัวละครเอกยังคงเป็นวสันต์พันวัน ตระกูลเว่ยของข้าชนะเหนือกว่าเจ้าสิบเท่า ข้าไม่เชื่อว่าเต่าเฒ่านั่นจะไม่มา!”
ครั้นบ่นจบแล้ว เว่ยอู๋เว่ยหยิบหยกฟ้าจากในอกเสื้อออกมาเล่นในมืออวบ เล็งมันใส่แสงจากหน้าต่างพลางมองดู ทว่ามองไม่เห็นตัวอักษรเล็กสี่ตัวที่เคยเห็น
‘หากขึ้นภูเขาเซียนแล้ว เงินครั้งก่อนพอใช้หรือไม่ ถ้าหากไม่พอใช้แล้วจะจัดการเรื่องอาหารและเสื้อผ้าอย่างไร อนุหลายคนในบ้านจะอยู่รอดหรือ ช่วงใกล้ปีใหม่ลงเขากลับบ้านได้หรือไม่ หรือมอบโอกาสให้คนอื่นไป ทว่าข้ายังไม่มีลูกชายเลย…’
ความคิดของเว่ยอู๋เว่ยเริ่มฟุ้งซ่านอีกครั้ง
…
วันที่สิบห้าเดือนห้า ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
จี้หยวนที่รออยู่นอกกำแพงเมืองทางใต้นานแล้ว ในที่สุดก็ได้ยินเสียงของเว่ยอู๋เว่ยอีกครั้ง
ตั้งแต่ช่วงบ่าย ขบวนตระกูลเว่ยแบ่งเป็นเจ็ดหรือแปดกลุ่ม ใช้รถเข็นขนาดเล็กขนสุราชั้นดีที่เสาะหามาได้ออกจากประตูเมืองทางใต้ พอตกเย็นเว่ยอู๋เว่ยถึงเดินออกจากประตูเมืองทางใต้อย่างเชื่องช้าพร้อมกับคนที่ท่าทางเหมือนกับพ่อบ้าน ในมือถือวสันต์พันวันเดินไปพลาง จิบไปพลาง
“จิ๊ๆๆ…จังหวัดชุนฮุ่ยช่างเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมจริงๆ มิน่าถึงหมักสุราดีเช่นนี้ออกมาได้!”
เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของเว่ยอู๋เว่ย พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มขึ้น
“ได้ยินมาว่าปีนั้นร้านสวนดอกไม้เป็นเพียงร้านสุราขนาดเล็กเพียงร้านเดียว วสันต์พันวันก็เป็นเพียงสุราท้องถิ่นที่หมักเอง อร่อยแต่กลับไม่มีชื่อเสียง นายอำเภอในเวลานั้นดื่มมันเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจก็ประหลาดใจมาก จึงส่งไปให้จังหวัดจิงจี ฮ่องเต้ลิ้มรสแล้วพอพระทัยมาก พระราชทานชื่อวสันต์พันวันให้”
“โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
จี้หยวนที่นั่งอยู่บนต้นไม้นอกกำแพงเมืองก็ลอบพยักหน้าเช่นกัน ได้ยินเพียงสียงสั่นไหวของสุราครึ่งหนึ่งในไหสุราของเว่ยอู๋เว่ย จากนั้นเหลือบมองกาสุราขนาดเล็กที่พอดื่มได้มากที่สุดสองคำในมือตัวเอง ทำได้เพียงถอนหายใจแล้ว
ดวงอาทิตย์ใกล้เส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ประตูใหญ่ทั้งสี่ทิศของกำแพงเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยทยอยปิดลง
จนถึงเวลานี้แล้ว คนที่อยู่ข้างนอกกำแพงเมืองจังหวัดชุนฮุ่นพลันลดน้อยลง นอกจากเรือลำใหญ่จำนวนน้อยนิดบนผิวแม่น้ำ ตรงท่าเรือทางตะวันออกของกำแพงเมืองอาจจะยังมีคนอยู่บ้าง ส่วนทางใต้ของกำแพงเมืองเหลือแค่คนของตระกูลเว่ยที่ออกจากกำแพงเมืองแล้วซ่อนตัวในความมืด
เว่ยอู๋เว่ยและพ่อบ้านเดินเลียบริมแม่น้ำไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ตลอดทางมีต้นหลิวมากมาย หลังจากนั้นประมาณห้าลี้ถึงมองเห็นต้นหลิวแข็งแรงเป็นพิเศษหลายต้นหักโค่นขวางไปทางกลางแม่น้ำ
เวลานี้ฟ้ากระจ่าง ดวงจันทร์ลอยคว้าง เหนือผิวแม่น้ำมีลมยามราตรีพัดเอื่อย ห่างออกไปร้อยจั้งมีเรือลำใหญ่อยู่บนผิวแม่น้ำ รอบข้างไร้เงาผู้คน
แปะๆๆ…
พ่อบ้านยกฝ่ามือสองข้าง ลมจากฝ่ามือหวีดหวิวประสานกัน เกิดเป็นเสียงปรบมือดังกังวานสามเสียง
สิ้นเสียงได้ไม่นานก็มีคนเข็นรถเข็นขนาดเล็กออกาจากป่าเล็กรอบๆ ด้านหลังอย่างต่อเนื่อง สิริรวมมีคนประมาณยี่สิบกว่าคน รถเข็นขนาดเล็กทั้งหมดแปดคัน บนรถเข็นบางคันบรรทุกไหสุราขนาดห้าชั่งไว้จนเต็มแน่น ส่วนบางคันเป็นไหสุราขนาดใหญ่สูงเท่าครึ่งตัวคนสองไหเพียงอย่างเดียว
“ผู้นำตระกูล!”
“ผู้นำตระกูล!”
“คารวะผู้นำตระกูล!”
เสียงทักทายเบาๆ ดังขึ้นไม่ขาดสาย เว่ยอู๋เว่ยจะไม่ตอบรับคนอื่นก็ได้ ทว่าไม่กล้าละเลยผู้อาวุโสสองคนในนั้น
“ลุงใหญ่ อาสาม พวกท่านเห็นข้าตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เรียกข้าว่าเจ้าตระกูลฟังดูแล้วปวดใจนัก!”
“ฮ่าๆ กฎเกณฑ์ไม่อาจบกพร่อง”
“ใช่แล้ว ผู้นำตระกูล คืนนี้เตรียมการอย่างดีสุดความสามารถ จะเปิดไหเทสุราลงแม่น้ำหรือเลยไม่”
เว่ยอู๋เว่ยมองท้องฟ้า จากนั้นมองไปยังผิวแม่น้ำที่กว้างขวาง
“เอาล่ะ เทวสันต์พันวันและตู้คังอย่างละหนึ่งไหที่กลางแม่น้ำก่อน!”
“ได้!”
ผู้อาวุโสทั้งสองท่านของเว่ยอู๋เว่ยคว้าสุราไหหนึ่งจากบนรถเข็นเล็กสองคันด้วยตนเอง ก่อนใช้ฝ่ามือตบบนจุกปิดเบาๆ จุกดินลอยหวือไป จากนั้นจับก้นไหไปยืนที่ข้างแม่น้ำแล้วเทสุราลง
จี้หยวนซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งใต้ลมซึ่งห่างออกมาสามสิบกว่าจั้ง ได้กลิ่นสุราโชยมา เกิดความรู้สึกเสียดายอันเกิดจากการสิ้นเปลืองของดี
ถึงจะดูเหมือนอยู่ห่างกันไม่ไกล แต่จี้หยวนก็ไม่กลัวว่าจะถูกเต่าเฒ่าและคนตระกูลเว่ยจับได้ ฝ่ายหลังไม่จำเป็นต้องพูด ฝ่ายแรกต่อให้มีฝีมืออยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็ยังไม่แปลงกาย หากแช่อยู่ในน้ำ เผ่าวารีที่มีพรสวรรค์บางตัวอาจพบตัวจี้หยวน ทว่าอยู่บนบกก็ไม่ได้เก่งกาจเช่นนั้นแล้ว
หลังกจากเทสุราสองไหหมดไปได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลงบนผิวแม่น้ำ
ครืน…ซ่า…
บนผิวแม่น้ำไกลออกไปเกิดคลื่นน้ำ พาให้ตระกูลเว่ยทั้งหมดใจสั่นสะท้าน จี้หยวนเองก็จับตามองไปทางผิวแม่น้ำใกล้ฝั่งเช่นกัน
เห็นเพียงริ้วน้ำสายหนึ่งกระเพื่อมเข้ามาใกล้ คนอื่นใช้ตาเนื้อมองเห็นเพียงคลื่นน้ำ ทว่ามองไม่เห็นใต้น้ำท่ามกลางความมืด กระนั้นในสายตาของจี้หยวนมองเห็นเต่าเฒ่าใต้น้ำ กำลังว่ายน้ำมาอย่างชัดแจ้ง
ครืน…
เต่าตัวยักษ์ยื่นลำตัวครึ่งหนึ่งขึ้นบนฝั่ง ทำเอาคนตระกูลเว่ยทั้งหมดวิ่งป่าราบ
ภายใต้แสงจันทร์ กระดองครึ่งหนึ่งของเต่าเฒ่ากว้างหนึ่งจั้ง ใหญ่พอๆ กับเรือลำเล็กลำหนึ่ง
“โอ้? เจ้าหนุ่มตระกูลเจิ้งไม่มาหรือ ดูท่าเคราะห์ของเขาจะยังไม่สิ้นสุด..”
อีกครึ่งตัวของเต่าเฒ่ายังคงอยู่ในน้ำ เท้าทั้งสองข้างที่วางอยู่บนฝั่งกดหญ้าตรงริมฝั่งลงชั้นหนึ่ง พลางมองสุราดีรอบๆ แล้วค่อยกล่าวต่อ
“จากมุมมองนี้ เขาตกอยู่ในกำมือของพวกเจ้าแล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรถึงข้า อาจจะกลายเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป”
ซู่…
กระแสน้ำบิดเป็นเกลียวพุ่งขึ้นจากริมฝั่งและผิวแม่น้ำลอยไปทางรถเข็นหลายคันบนฝั่ง หลังจากม้วนรถเข็นคันเล็กได้แล้วก็กระจายหายไป ส่งเสียงซู่ซ่า ก่อนจะก่อตัวเป็นคลื่นเล็กๆ ผลักรถเข็นไปทางแม่น้ำ
ตูม…
ตูม…
ตูม…
…
รถเข็นแปดคันต่างก็ตกน้ำ ขณะนี้คนตระกูลเว่ยไม่มีใครพูดจา ต่างมองจ้องทุกอย่างนี้อย่างตื่นตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นปีศาจและวิชาคุมวารี
“เป็นอะไรไป ไม่ต้องการอะไรรึ หรือเพียงส่งสุราเท่านั้น ฮ่าๆๆ…พูดมาเถอะ!”
เต่าเฒ่าม้วนสุราลงแม่น้ำ ไม่ได้จากไปทันที ทว่าคอยท่าอยู่ที่ริมฝั่ง
คราวนี้เว่ยอู๋เว่ยถึงตื่นจากภวังค์ คารวะเต่าเฒ่าอย่างจริงจัง
“ท่านเซียน ข้าเว่ยอู๋เว่ย ผู้นำตระกูลเว่ยแห่งจังหวัดเต๋อเซิ่ง ถือครองหยกประดับที่ส่งทอดกันในตระกูล รู้เพียงหยกประดับมาจากเขาล้อมหยกแห่งจวนเซียน แต่กลับไม่รู้ว่าจะเข้าสำนักเซียนอย่างไร ขอท่านเซียนช่วยชี้แนะด้วย!”
เต่าเฒ่าหันไปมองเว่ยอู๋เว่ยด้วยความประหลาดใจ
“เจ้ารู้ว่าหยกประดับมาจากเขาล้อมหยกหรือนี่ เดินเข้ามาใกล้ๆ ให้ข้ามองเจ้าหน่อย!”
แม้เว่ยอู๋เว่ยจะขนพองสยองเกล้าอยู่ในใจ ทว่ายังคงกัดฟันฝืนเข้าใกล้เต่าเฒ่า ห่างกันเพียงหนึ่งฉื่อค่อยหยุดลง หัวใจเต้นโครมครามราวกับรัวกลองเลยทีเดียว
“หืม!? เหตุใดดวงชะตาของเจ้ามันมัวซัวนัก! เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้…เจ้าเป็นแค่มนุษย์ชัดๆ!”
คนทั่วไปมีจิตใจแน่วแน่แก้ไขชะตาชีวิตได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้ดวงชะตามัวซัวไม่ได้!
เต่าเฒ่าพลันเงยหน้าขึ้นอีกครั้งขณะประหลาดใจและครุ่นคิด จ้องมองเว่ยอู๋เว่ยเขม็ง
“ในเมื่อเจ้ารู้จักเขาล้อมหยก เช่นนั้นเคยเจอผู้วิเศษบ้างหรือไม่”
เว่ยอู๋เว่ยสงบลมหายใจได้ไม่น้อย เมื่อได้ยินคำถามของเต่าเฒ่า เขาแทบจะนึกถึงเงาร่างที่กำลังลงหมากอย่างสงบอยู่ในลานบ้านขนาดเล็กของอำเภอหนิงอันในทันที
แต่เขาไม่รู้ว่าท่านจี้จะอนุญาตให้ตนเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ ตอนนี้จึงลังเลไม่ตัดสินใจ
เต่าเฒ่าในแม่น้ำกลับคล้ายกับมองเห็นบางอย่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า
“เจ้าได้เจอหรือไม่ได้เจอ เจ้าต้องได้เจอแน่! เว่ยอู๋เว่ย…”
ครึ่งตัวที่เหลือของเต่าเฒ่าพลันตะกายออกจากในน้ำ เสียงที่ก่อนหน้านี้เรียบสงบเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นและก้องกังวาน
“แนะนำข้าเต่าเฒ่าให้ผู้วิเศษได้หรือไม่ หรือเจ้าช่วยข้านำคำถามไปได้หรือไม่ เว่ยอู๋เว่ย! เจ้าได้ยินหรือไม่!!!”
[1] สุราตู้คัง หมายถึง เหล้าข้าวหมัก เรียกตามชื่อของ ‘ตู้คัง’ แห่งราชวงศ์เซี่ย ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสุราขึ้น