ตอนที่ 82 หนีแล้วๆ
แม่น้ำวสันต์ห่างจากทางใต้ของประตูเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยหนึ่งร้อยลี้ เป็นช่วงที่แม่น้ำคดเคี้ยวยาวเหยียด สองฝั่งแม่น้ำอิงแอบเนินเขาแม้จะไม่ใช่จุดที่แม่น้ำกว้างที่สุด แต่กลับกว้างมากกว่าหนึ่งร้อยจั้ง และแม่น้ำช่วงนี้ลึกที่สุดอย่างแน่นอน คลื่นน้ำค่อนข้างสงบเช่นกัน
ใต้วัชพืชน้ำภูเขาหินที่เหมือนกับเขาวงกตหลายชั้นตรงก้นแม่น้ำยังมีความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง ฟองอากาศขนาดใหญ่ที่ภายนอกเป็นสีดำขลับติดอยู่ที่ก้นแม่น้ำ เหนือฟองอากาศนี้เต็มไปด้วยทราย หิน และพืชน้ำ แต่ข้างใต้และข้างในของฟองอากาศมีฟ้าดิน
จวนที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าอารามเทพแม่น้ำนอกจังหวัดชุนฮุ่ยตั้งอยู่ที่นี่
แม้จวนบ้างเป็นกองกรวดที่มีขนาดและรูปร่างเหมือนไข่ห่าน บ้างเป็นหินยักษ์ที่ตัดมาจากภูเขา แต่กลับมีพลังยิ่งใหญ่ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คล้ายกับสิ่งก่อสร้างบนโลกมนุษย์ มีอารามาและอาคาร รวมถึงมีตำหนักใหญ่และห้องขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน
บนพื้นทรายนุ่มขนาดยักษ์ใจกลางลานด้านหลัง มังกรเจียวขาวไร้เกล็ดตัวหนึ่งงีบหลับอยู่บนนั้นอย่างสบายใจ ดูจากลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียว นอกจากไม่มีเกล็ดแล้ว มังกรตัวนี้ใกล้เคียงกับมังกรแท้เป็นอย่างยิ่ง
หากไม่ใช่เพราะหนวดมังกรสีขาวสะบัดและนำมาซึ่งฟองอากาศบางเบาระลอกหนึ่ง มนุษย์มองเห็นจวนแห่งนี้ด้วยตาเปล่าอาจคิดว่าไม่มีน้ำ ชัดเจนเลยว่าน้ำตรงจวนแห่งนี้ใสแจ๋วเพียงใด
ทางเข้าฟองอากาศสู่จวน ป้ายแวววาวทอประกายเล็กน้อยอยู่บนที่สูงในแนวนอน บนนั้นเขียนตัวหนังสือสามตัวอย่างประณีตว่า ‘จวนวสันต์’
เต่าเฒ่าตัวหนึ่งกำลังบรรทุกสุรารสเลิศว่ายน้ำมาตรงนี้ สุราดีสิบกว่าไหบนกระดองล้วนถูกวิชาวารีพัวพันไว้ไม่ให้ลอยไป และไม่มีทางเปียกโชกเพราะน้ำในแม่น้ำ
สี่เท้าของเต่าเฒ่าเพิ่งเหยียบก้นแม่น้ำ เสียงกร้าวสายหนึ่งพลันดังมา
“หยุด! ที่นี่คือจวนเทพแม่น้ำ ห้ามบุกรุก!”
เงาสีดำสองสายหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาค่อยๆ ปรากฏกาย เป็นอสูรกายร่างกายเหมือนคน ใบหน้าและทั่วตัวออกสีเขียว มีเขี้ยวแหลมคม ผมยาวๆ ปลิวไสวอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำ
“ใต้เท้ายักษ์ทั้งสอง ข้าเต่าเฒ่าเอง!”
เต่าเฒ่ารีบวางสุราล้ำเลิศบนกระดองลง ให้กระแสน้ำประคองลอยไปข้างหน้า
“นี่เป็นสุราชั้นยอดจากทั่วทุกสารทิศ นอกจากวสันต์พันวันก็มีเมาคืนนี้และตู้คังด้วย มีแต่สุราดีทั้งนั้น เต่าเฒ่ามาถวายสุราเหล่านี้ให้ท่านเทพแม่น้ำโดยเฉพาะ หวังว่าใต้เท้ายักษ์จะบอกกล่าวให้ข้า เผื่อข้าเต่าเฒ่าจะได้พบท่านเทพแม่น้ำสักครั้ง!”
เต่าเฒ่ายืดตัวขึ้น ก่อนจะใช้สองเท้าหน้าประสานกันเพื่อคารวะเลียนแบบมนุษย์ท่ามกลางเกลียวคลื่นและสาหร่าย
“เต่าเฒ่า เจ้ายังไม่ตัดใจอีกรึ ท่านเทพแม่น้ำกำลังงีบหลับ พวกข้าไม่กล้ารบกวนหรอก!”
“ใต้เท้ายักษ์ ท่านช่างขี้ลืมนัก ท่านเทพแม่น้ำเที่ยวเล่นในแม่น้ำตอนเข้าฤดูร้อนทุกปี บัดนี้ฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว ย่อมต้องตื่นแล้วเช่นกัน ขอใต้เท้ายักษ์ผ่อนผัน ท่านเทพแม่น้ำดื่มสุราดีแล้วจะได้เบิกบานใจ!”
เต่าเฒ่าคารวะไม่หยุด ด้วยคำพูดโน้มน้าวทั้งหมด ในที่สุดยักษ์ทั้งสองก็ใจอ่อน
“เช่นนั้นก็ได้ เจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะไปรายงานก่อน!”
เมื่อพูดจบแล้ว ยักษ์ตนหนึ่งในนั้นเร้นกายไปข้างหลัง วิ่งสั้นๆ กลางกระแสน้ำแล้วเข้าไปในจวนเทพแม่น้ำ
หลังจากนั้นครู่เดียว ยักษ์เพิ่งมาถึง มังกรเจียวขาวนอนอยู่ตรงลานทรายก็พึมพำเอ่ยปาก
“เต่าตัวนั้นมาอีกแล้วหรือ”
ยักษ์รีบก้มหน้าประสานมือ
“เรียนท่านเทพ เป็นเต่าเฒ่าตัวนั้นขอรับ ปีนี้แบกสุราดีมากมาย บอกว่ามาจากทั่วทุกสารทิศทีเดียว”
มังกรขาวตัวยาวยี่สิบกว่าจั้งลืมตาทั้งสองข้างเป็นซอกเล็กๆ เผยให้เห็นประกายสีอำพันที่อยู่ภายใน
“ดื่มสุราของเขามานานหลายปีขนาดนี้ วันนี้พบหน้าเขาสักครั้งก็แล้วกัน เจ้าไปนำเขาเข้ามา!”
“ขอรับ!”
ยักษ์ขอตัวลาแล้วก็รีบวิ่งกลับไปยังหน้าประตูจวน
“ท่านเทพแม่น้ำให้เจ้าเข้าไปแล้ว ตามข้ามาเถอะ!”
เต่าเฒ่าได้ยินก็ดีใจมาก กล่าวขอบคุณอย่างต่อเนื่อง พลางลากสุรารสเลิศตามยักษ์เข้าไปในจวนเทพแม่น้ำ
แม้ในจวนแห่งนี้จะมีอารามาและอาคาร แต่กลับเงียบสงัดเป็นพิเศษ ราวกับมีเพียงเต่าเฒ่าและยักษ์ที่เดินไปข้างหน้า ทว่ามองไม่เห็นปูกุ้งตัวอื่นเลย
“ปราณมังกรของท่านเทพรุนแรงเกินไป สัตว์น้ำทั่วไปอยู่ที่นี่นานแล้วจะอึดอัดมาก ทำให้พวกมันส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ที่นี่จึงค่อนข้างเงียบเหงา”
ยักษ์เหมือนกับรู้ว่าเต่าเฒ่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงอธิบายเสียประโยคหนึ่ง
จนกระทั่งยิ่งเข้าใกล้กับลานด้านหลัง เต่าเฒ่าก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผ่านประตูขนาดใหญ่ไปแล้ว ตรงหน้าเป็นฉากกันลม เขากวาดสายตาไปข้างๆ มองเห็นร่างมังกรน่าเกรงขามแล้ว
“ท่านเทพ นำเต่าเฒ่าหลังดำมาแล้ว ข้าน้อยขอตัว!”
เห็นยักษ์ทำความเคารพและออกไปแล้ว เต่าเฒ่าพลันตื่นเต้น รีบทำความเคารพให้กับฉากกันลม
“เต่าเฒ่าหลังดำแห่งแม่น้ำวสันต์นามว่าอูฉง ขอพบท่านเทพแม่น้ำ!”
“อืม…เข้ามาพูดใกล้ๆ เถอะ!”
มังกรเจียวขาวพูดช้าๆ เต่าเฒ่ารีบลากสุราดรอ้อมฉากกันลม มองมังกรเจียวขาวทั้งตัวด้วยความหวาดหวั่น
“เจ้าตั้งชื่ออูฉงเองอย่างนั้นหรือ”
มังกรเจียวขาวลืมตาทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ภายใต้แสงสลัวเต่าเฒ่าไม่กล้าขยับ
“เรียนเทพแม่น้ำ ชื่อนี้ข้าเต่าเฒ่าตั้งเอง”
มังกรเจียวขาวเงยหน้าขึ้นเบาๆ ปากมังกรเปิดออกให้เห็นความเย็นชืดข้างใน ทำให้เต่าเฒ่าเกิดความรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับจะถูกกลืนกิน และเป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามังกรจะทำเช่นนั้นได้
“เต่าเฒ่าเจ้าแม้จะฝึกปราณมานานแต่ยังไม่บรรลุ กลับเชี่ยวชาญในการทำนายดวงชะตา หรือเจ้าไม่รู้แก่นแท้ของเรื่องราว มังกรเกล็ดร่วงอย่างข้าเหนือกว่าเจ้าเพียงสามส่วนเท่านั้น”
เต่าเฒ่าคลานอยู่บนพื้น เท้าหน้ากดศีรษะลงเหมือนหมอบกราบ
“ท่านเทพแม่น้ำ ท่านรู้ความยากลำบากของข้า เห็นชีวิตที่เหลืออยู่ของข้ากับตาตนเอง นอกจากท่านชี้ทางสว่าง ข้าเต่าเฒ่าก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว”
เห็นเต่าเฒ่าน้อมคำนับไม่หยุด มังกรเจียวขาวกลับมีสีหน้าคงเดิม
“หลายปีมานี้เจ้านับว่าช่วยมนุษย์จำนวนหนึ่งขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยไม่เปลืองแรง ไม่ลังเลที่จะบอกทำนายสวรรค์กับพวกเขา แต่มีใครตอบแทนเจ้าบ้างหรือไม่”
คำถามของมังกรเจียวขาวทำให้เต่าเฒ่าเงียบเสียง
“ข้าช่วยตั้งรูปปั้นเต่าที่อารามได้ พลังกำยานของชาวบ้านจะช่วยให้เจ้ากลายร่าง แต่เจ้ารู้ราคาแลกเปลี่ยนของการกลายร่างเช่นนี้หรือไม่…”
มังกรเจียวขาวพูดแล้วก็ยกศีรษะมังกรขึ้น มองเต่าเฒ่าเต้นเร่า
วสันต์พันวันไหหนึ่งลอยขึ้นมา จุกดินเปิดออกเอง สุราวาววับไหลออกมา ก่อนจะถูกดูดเข้าปากมังกร
“สุรานี้ไม่เลวเลย…”
ตอนนี้เอง ลมปราณสีเหลืองเข้มเหมือนควันลอยอยู่ในน้ำ ปรากฏขึ้นเองกลางอากาศเหนือจวน มังกรขาวรู้สึกได้จึงหันไปมอง ลมปราณนี้ไม่ได้เข้าสู่ศีรษะของมังกร ทว่ามีความรู้สึกเวียนศีรษะสายหนึ่งส่งมาถึง
“อืม…”
คลื่นน้ำในลานทรายพลันพองตัว ทรายละเอียดเหมือนถูกระเบิดจู่โจม ถูกพัดไปทุกทิศทางในกระแสน้ำใสแจ๋ว…
สีเท้าของเต่าเฒ่าคว้าดิน ทว่ายังคงถูกกระแสน้ำจู่โจมจนไถลไปข้างหลัง
มังกรเจียวขาวตรงหน้าส่ายไหวไปมาเหมือนกับเมามายอย่างไรอย่างนั้น
‘สุรานี้ฤทธิ์แรงขนาดนี้เชียวหรือ’
ความคิดไร้สาระเพิ่งบังเกิด เต่าเฒ่าก็ปฏิเสธมันด้วยตนเองทันที
ความวุ่นวายในจวนนี้ดำเนินไปสามถึงห้าอึดใจถึงจบลง มังกรขาวยังคงส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย เหมือนกับมนุษย์ดื่มสุรายาบำรุงกำลังถ้วยใหญ่ในคราวเดียว
เต่าเฒ่าไถลไปถึงมุมลาน ยืนนิ่งงันไม่กล้าขยับ ปราณมังกรตรงหน้าเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขากดดันเป็นเท่าทวี
“ท่านเทพ ท่านเป็นอะไรไป”
มียักษ์รีบมาถึงที่นี่ เสียงพูดตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าเองก็ไม่รู้…รู้สึกเพียงถูกจู่โจมจนหน้ามืดตาลาย…”
มังกรเจียวขาวสะบัดศีรษะ สติเริ่มแจ่มชัดขึ้น ยิ่งมีความรู้สึกแปลกประหลาดเพิ่มขึ้นมา พลางมองเต่าเฒ่าและยักษ์
“เจ้ารออยู่ตรงนี้ ข้าไปไม่นานก็จะกลับมา!”
พูดจบแล้วมังกรขาวก็ขยับร่าง แหวกคลื่นน้ำว่ายออกจากจวนวสันต์ในทันที ก่อนจะกลายร่างเป็นเงาสีขาวจางๆ ว่ายไปทางเหนือ
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเค่อ ตรงช่วงแม่น้ำใกล้กับจวนวสันต์เกิดเสียงคลื่นน้ำระเบิดดังตูม มองเห็นเงามังกรเลือนรางกลายเป็นลำแสงลอยขึ้นด้วยตาเปล่า
บนเรือประดับหอด้านบนมีคนไม่น้อยมองคลื่นขนาดใหญ่ระเบิดที่ผิวแม่น้ำอย่างตกตะลึง
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ชายชราสูงศักดิ์อายุเกินห้าสิบปีก้าวเข้าสู่ตำหนักหลักของอารามเทพแม่น้ำ สายตากวาดมองท่ามกลางกลุ่มคนที่กำลังจุดธูปรอบๆ แล้วไม่พบอะไร สุดท้ายเดินไปค้นหาในกระถางธูปใหญ่หน้ารูปปั้นเทพ ทันใดนั้นสายตาจ้องเขม็งที่ธูปก้านหนึ่ง
ธูปนี้ถูกธูปดอกอื่นเบียดไปจนถึงมุมและเอียงกะเทเร่อยู่ในกระถางธูป แต่มองเห็นได้ว่าธูปดับลงหลังจากเผาไหม้ไปได้ท่อนเล็กๆ เท่านั้น
“ผู้มีพระคุณท่านนี้ อย่าขวางผู้มีพระคุณท่านอื่น ผู้มีพระคุณทำอะไรต้องระวังท่านเทพแม่น้ำลงโทษ!!”
เดิมทีผู้รับผิดชอบธูปเทียนในอารามยังโน้มน้าวดีๆ แต่กลับเห็นชายชราสูงศักดิ์ผู้นั้นยื่นมือไปทางกระถางธูปเสียอย่างนั้น
ชายชราได้ยินเต็มหูแต่ไม่ตอบความ นิ้วมือเพิ่งแตะถูกธูปดอกนั้น ตัวธูปดอกอื่นก็กลายเป็นผงสีดำทมิฬจางหายไป ไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า
“ผู้มีพระคุณท่านนี้อย่าทำตัวไร้มารยาท รีบเอามือออกมาเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้น…”
เวลานี้ผู้รับผิดชอบธูปเทียนเดินเข้ามาแล้ว ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกชายชราตรงหน้าจับแขนเอาไว้
“ข้าขอถามผู้รับผิดชอบธูปเทียน มีครู่นี้มีคนพิเศษคนใดจุดธูปที่นี่ เขาหน้าตาเป็นอย่างไร ไปจากที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปยังที่ใด”
ภายใต้ความตื่นเต้นเล็กน้อย ชายชราสาดกลิ่นอายที่น่าสะพรึงออกมาจากเคราและดวงตาของเขา ทำให้ผู้รับผิดชอบธูปเทียนตกใจจนพูดไม่ออก ผู้แสวงบุญที่อยู่รอบตัวเขาเงียบกริบในทันที
หลังจากนั้นนานทีเดียว ชายชราถึงได้รู้ตัว รีบปล่อยมือจากผู้ดูแลธูปเทียน
“ท่านรู้ได้อย่างไร…”
ไกลจากนอกอารามเทพแม่น้ำ จี้หยวนมองไปทางนั้นโดยพลัน ตอนที่มังกรเจียวเฒ่าตัวนั้นมาถึงแทบจะปิดบังกลิ่นอายไม่มิด ราวกับกำลังป่าวประกาศกับใครบางคนที่นี่ว่า ‘ข้ามาแล้ว’
“ฮู่…ยังดีที่เร็วไปก้าวหนึ่ง…”
จี้หยวนลูบหน้าอก สุดท้ายมองไปยังอารามเทพแม่น้ำครั้งหนึ่ง แล้วรีบเร่งฝีเท้าเข้าเมืองไป