ตอนที่ 114 บัญชา ‘สังหารปีศาจ’
จี้หยวนซึ่งอยู่จังหวัดจวินเทียนกลางดึกไม่หลับใหล คอยเฝ้าหมากขาวของสหายสนิทอิ๋นจ้าวเซียนอย่างระวังอยู่ในเขตแดนภูผาธาราตลอด ถ้าปราณโอสถซึ่งปกคลุมบนพื้นผิวตัวหมากถูกดูดซับเสี้ยวหนึ่ง จี้หยวนจะเสริมเข้าไปทันที
การเฝ้าระวังเช่นนี้เป็นเพราะความร้อนบนหมากขาวไม่เคยลดลง
ความจริงจี้หยวนรู้ว่าประโยชน์จากการเฝ้าเช่นนี้ไม่ได้มาก ขอแค่ตนไม่ขัดขวาง ตัวหมากก็จะดูดซับปราณโอสถมากมายที่แผ่ออกมาจากข้างเตาโอสถเอง
แต่ถึงอย่างไรสหายสนิทที่สุดบนโลกนี้เกิดเรื่องก็คงนอนไม่หลับ โชคดีว่าช่วงเฝ้ารอตนยังเก็บเล็กผสมน้อยหลอมปราณห้าธาตุกับพลังจุดตันเถียนตลอด
แม้ว่ามังกรเฒ่าที่เจอกันปีนั้นมีฐานะเป็นสหายของจี้หยวนเช่นกัน แต่ความจริงยังไม่สนิทสนมขนาดนั้น แค่เคยคุยกันครั้งหนึ่งเท่านั้น
กระทั่งฟ้าใกล้สาง ในที่สุดอุณหภูมิหมากขาวก็ลดลงจนไม่หวนกลับมาอีก ทำให้จี้หยวนเป่าปากโล่งอก
ถอยออกจากเขตแดนภูผาธารา จี้หยวนผู้นั่งขัดสมาธิมาตลอดเอนหลังลงบนเตียง
จากนั้นค่อยหวนนึกถึงสถานการณ์ซึ่งทำให้ตนตื่นเต้นยามวิกาลก่อนหน้านี้แล้วยิ้มเยาะตนเอง
“เพลิงสมาธินี้… ร้ายกาจจริง…”
หลังจากยิ้มเยาะตนเองสีหน้าจี้หยวนเคร่งขรึมขึ้นมา
“อาจารย์อิ๋นหนออาจารย์อิ๋น เจ้าชักนำตัวอะไรมากันแน่…”
ก่อนหน้านี้ยามแสงเพลิงเสี้ยวหนึ่งของเพลิงสมาธิปะทะกับฮูหยินแดง จี้หยวนสัมผัสได้ถึงปราณปีศาจ ถึงขั้นได้ยินเสียงกรีดร้องเคียดแค้นรางๆ
เห็นชัดว่าอีกฝ่ายเคียดแค้นอิ๋นจ้าวเซียนแล้ว ต่อให้ภายหลังน่าจะดึงดูดเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยมา แต่จากนั้นจี้หยวนไม่รู้ว่าเทพหลักเมืองจัดการปีศาจได้หรือไม่
‘ถ้าจัดการไม่ได้เล่า’
จี้หยวนหรี่ตาลง น้ำไกลไม่อาจดับกระหายทันท่วงที เขากับอาจารย์อิ๋นอยู่ห่างกันหนึ่งรัฐ ทางตรงไม่ต่ำกว่าสองพันลี้ ระหว่างทางยังมีทิวเขาแม่น้ำภูมิประเทศซับซ้อนนานัปการ กอปรกับเป็นจอมหลงทางอยู่บ้าง ย่อมยากไปถึงทันที
กระบวนท่าเพลิงสมาธิสามารถใช้ได้ครั้งเดียว ไม่อาจใช้เป็นครั้งที่สองเด็ดขาด มิฉะนั้นปีศาจคงไม่ตาย อาจารย์อิ๋นอาจถูกเพลิงกลางเตาหลอมตายก่อน ทั้งปีศาจนั่นต้องเตรียมรับมือแน่
ด้วยปีศาจนั่นฝึกสำเร็จแล้ว ต่อให้จี้หยวนอยู่ตรงนั้นก็คงไม่กล้าปะทะ แต่ยังถูกเพลิงสมาธิทำร้ายไม่น้อยโดยไม่ทันตั้งตัว
แม้ว่าถูกแสงเพลิงกวาดผ่าน ไม่ได้ถูกเผาอย่างแท้จริง แต่แสงเพลิงนั่นไม่ใช่ลูกไฟดวงน้อยแค่หยิบมือ แต่เป็นแสงเพลิงสมาธิไร้สิ้นสุดกลางเตาโอสถ ไม่ใช่สิ่งที่รับมือง่ายแน่
จี้หยวนคิดหามาตรการรับมือต่อเนื่อง ต้องการคิดหาวิธีซึ่งรับประกันได้ว่าสหายคู่ใจตนจะไม่เป็นไร ทางที่ดีคือสามารถสังหารปีศาจนั่นได้ ถึงอย่างไรอาจารย์อิ๋นก็ไม่ใช่แค่หมากขาวตัวสำคัญบนมรรคมนุษย์ แต่ยังเป็นสหายคู่ใจของจี้หยวนด้วย
‘สังหาร?’
เมื่อครู่ความคิดของจี้หยวนพลันทำให้เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เคลื่อนสายตามองข้างเตียง
ตอนนี้จี้หยวนออกเดินทาง กระบี่เซียนเครือเขียวลอยหลบอยู่ด้านหลังเขาตลอด
แต่เพราะตัวกระบี่เซียนมีวิญญาณกระบี่แล้ว เมื่อตัวกระบี่ซ่อนเร้น อย่าว่าแต่คนธรรมดามองไม่เห็น แม้แต่พวกปีศาจเซียนซึ่งมรรควิถีไม่ถึงขั้นก็ไม่เห็น มีความรู้สึกว่าเหมือนตำราลายสวรรค์อยู่บ้าง
ด้วยนัยบางอย่างบันทึกสวรรค์ถือเป็นอักษรแฝงจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง กระบี่เซียนซึ่งก่อเกิดจิตวิญญาณเองย่อมทำถึงจุดนี้ได้โดยง่ายเป็นธรรมดา ทั้งมีความคิดริเริ่ม ผู้มองเห็นนอกจากเจ้าของแล้วมีแค่ส่วนน้อย ถือเป็นอภินิหารติดตัวกระบี่หลังจากกระบี่เครือเขียวก่อเกิดวิญญาณกระบี่
เมื่อเห็นจี้หยวนมองมาทางตน กระบี่เครือเขียวข้างเตียงลอยมาอยู่ข้างกายจี้หยวน
‘แม้ว่าความสามารถของเราไม่เพียงพอจะปะทะกับปีศาจเช่นนั้นซึ่งหน้า แต่เรามีกระบี่เครือเขียว! เตรียมการหน่อยใช่ว่าไม่มีโอกาส!’
จี้หยวนนึกถึงตรงนี้แล้วลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ชักกระบี่เครือเขียวออกจากฝัก ไม่เผยแสงกระบี่แม้แต่น้อย
“ครั้งนี้ต้องพึ่งเจ้าแล้ว!”
วู้ม…
แม้ว่าไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเจ้าของ แต่กระบี่เครือเขียวยังคงตอบรับ
จี้หยวนสูดหายใจลึก กล่าวคำว่า ‘บัญชา’ โดยไม่ส่งเสียง ภายในเขตแดนภูผาธาราปราณโลกาสวรรค์พุ่งออกมาตามสะพานทอง เคลื่อนมาถึงปลายนิ้วมือขวาพร้อมพลังของจี้หยวน
นิ้วมือเหมือนหนักราวพันจวิน[1] ปลายนิ้วยิ่งมีเลือดแดงก่ำซึมออกมา
จี้หยวนจรดนิ้วกระบี่มือขวาลงบนตัวกระบี่ ปราณโลกาสวรรค์เชื่อมต่อพลังและโลหิตพวยพุ่งออกมา สลักอักษรตัวหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
‘สังหาร สังหาร สังหาร สังหาร…’
เมื่อเขียนอักษรตัวหนึ่งเสร็จ อักษรตัวต่อไปยิ่งเขียนยาก ผลาญพลังมากขึ้น ถึงตอนท้ายเขาผลาญพลังจุดตันเถียนจนหมด ต้องเปลี่ยนปราณโอสถเป็นพลังส่วนหนึ่งก่อนเขียนอีกตัว เปลี่ยนอีกค่อยเขียนต่อ
รอเมื่อเขียนครบจนหมด ตัวกระบี่รองรับอักษรสังหารถึงสี่สิบเก้าตัว จี้หยวนสีหน้าซีดเผือดเวียนหัวตาลายอยู่บ้าง ท้องฟ้าด้านนอกตรงช่วงเที่ยงสี่สิบห้าแล้ว
เมื่อเขียนอักษรสังหารตัวสุดท้ายเสร็จ จี้หยวนสะกดข่มอาการมึนงง ตั้งกระบวนท่ารับปราณหยางแท้จากฟ้าดินมาผนึกลงตัวกระบี่
อักษรโลกาสวรรค์เจือสีเลือดบนกระบี่เครือเขียววูบไหวแฝงซ่อนทีละน้อย กลับสู่รูปลักษณ์กระบี่ดั้งเดิม
“ฮู่… เฮือก… ฮู่…”
จี้หยวนนั่งพิงกำแพงข้างเตียงอย่างหมดแรงอยู่บ้าง ใช้มือลูบจมูกชาหนึบเล็กน้อย มีรอยเลือดดังคาด
อานุภาพหล่อวิญญาณซ่อนคมประกายสามปีของกระบี่เครือเขียวยังอยู่ การตัดผลไม้ป่าบนเขาก่อนหน้านี้แน่นอนว่าไม่นับ จี้หยวนใช้ปราณโลกาสวรรค์เผยบัญชา เขียนอักษรสังหารสี่สิบเก้าตัวติดต่อกัน วางแผนผสานอานุภาพกระบี่เซียนเครือเขียวสังหารปีศาจบาดเจ็บนั่น
สุดท้ายก็เป็นปีศาจแปลงกายและฝึกสำเร็จแล้ว จี้หยวนไม่มีความมั่นใจจึงใช้วิชาก้นหีบทั้งหมด
ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าได้ผลหรือไม่ แต่ระหว่างเขียนจี้หยวนกลับตั้งจิตว่าต้องสังหารโดยไร้คลื่นอารมณ์ อาศัยสิ่งนี้มาสั่งสมพลังให้กระบี่เครือเขียว
ตอนนี้กระบี่เครือเขียวลอยอยู่หน้าเตียง ไม่ส่งเสียงครวญและไม่บินว่อน คล้ายกดทับด้วยพลังขับเคลื่อนหนักหน่วง ทำให้ความเฉียบคมของมันซ่อนแฝง
รอจี้หยวนฟื้นตัวเล็กน้อย เขากวักมือเรียกฝักกระบี่ลวกๆ แตะมันบนกระบี่เครือเขียวช้าๆ จากนั้นจึงยันหน้าต่างไม้มาถึงหน้าเตียง หันมากล่าวกำชับกับกระบี่เครือเขียว
“แสงเพลิงสมาธิคงสภาพได้ไม่นาน เจ้ารีบไปยังจุดที่อาจารย์อิ๋นอยู่ อาศัยกลิ่นอายเพลิงสมาธิตามหาปีศาจร้ายนั่นแล้วฆ่ามัน! จำไว้ นั่นคือปีศาจแปลงกาย คมประกายเปี่ยมอานุภาพของเจ้ามีแค่กระบี่เดียว จากนั้นจะเสื่อมถอย หากกระบี่เดียวไม่สำเร็จอย่าต่อสู้ติดพันเด็ดขาด!”
วู้ม…
กระบี่เครือเขียวส่งเสียงครวญเล็กๆ แต่อานุภาพกลับฮึกเหิมยิ่ง เจตกระบี่ซึ่งเก็บงำทั่วเล่มทำให้อากาศในตัวกระบี่สองชุ่นเลือนรางเล็กน้อย
“อืม ไปเถอะ!”
เสียงจี้หยวนแผ่วลงอย่างอ่อนเพลียอยู่บ้าง
ฟุ่บ…
กระบี่เครือเขียวกลายเป็นแสงสายหนึ่งลอยออกไปนอกหน้าต่างไม้ จากนั้นค่อยพุ่งทะลวงขึ้นเหนือฟ้า แค่สิบกว่าลมหายใจก็ถึงนภาสูง อาศัยแรงลมทะลวงผ่านรวดเร็ว ขับเคลื่อนพลังมุ่งหน้าสู่จังหวัดชุนฮุ่ยแห่งรัฐจี ความรวดเร็วอยู่เหนือความคาดหมายของจี้หยวนจริงๆ
วิญญาณยากก่อเกิด วิญญาณยากบรรลุ วาสนาคล้ายกับการฝึกปราณแจ้งมรรค ทั่วโลกบำเพ็ญเซียนสมบัติวิญญาณอาวุธเซียนที่มีชื่อแซ่มีเท่าไหร่ สาเหตุที่กระบี่เครือเขียวทำให้ผู้ประเมินทุกสิ่งอย่างรอบคอบอย่างจี้หยวนเห็นเป็นกระบี่เซียน ก็เป็นเพราะมีวิญญาณกระบี่และปราดเปรื่อง
จี้หยวนมองกระบี่เซียนของตนลอยกลางอากาศ นอกจากใคร่ครวญว่าสำเร็จหรือไม่แล้ว ปากยังพึมพำ
“น่าอิจฉาอยู่บ้าง…”
ความรู้สึกมึนงงกลับมาอีกครั้ง จี้หยวนสะบัดศีรษะกลับมาข้างเตียง เริ่มนั่งขัดสมาธิ สำแดงวิชากำหนดปราณรวบรวมปราณวิญญาณ
เมื่อปราณวิญญาณมากมายเสริมเข้าร่างกาย ความเหนื่อยล้าของจี้หยวนหายไปทีละน้อย
[1] จวิน คือหน่วยน้ำหนัก หนึ่งจวินเท่ากับสามสิบชั่ง