ตอนที่ 116 กระบี่วิญญาณช่วยเทพผี
บนฟ้าสูงตอนนั้นกระบี่เครือเขียวผ่านรัฐหนึ่งมา ขับเคลื่อนพลังออกจากฝักสังหารปีศาจทันที
เมื่อแสงกระบี่หมื่นจั้งวาบผ่าน ฮูหยินแดงไม่แม้แต่จะตอบสนองก็จิตสิ้นวิญญาณสลาย
ตอนนี้ฝักกระบี่ลอยอยู่ข้างกระบี่เครือเขียว กระบี่เซียนเครือเขียวยังลอยเด่น จ่อมาทางปีศาจสามตนด้านล่างแต่ไกล ไม่ ถ้าพูดให้ถูกคือสี่ตน ถ้ำปีศาจบางจุดยังมีปีศาจหน้าครึ่งคนซึ่งอกสั่นขวัญแขวนหลบอยู่
แม้ว่าฟันกระบี่ทรงอานุภาพที่สุดออกไปแล้ว ต่อให้กระบี่เครือเขียวซ่อนปราณกระบี่แต่เจตกระบี่ไร้รูปยังย้อมท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง สยบแสงอาทิตย์จนไร้สี ทำให้สี่ปีศาจเบื้องล่างเหมือนภูตน้อยเผชิญหน้าอสนีบาต แต่กลับไม่กล้าขยับเขยื้อนสักนิด
คล้ายว่าในใจมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง หากกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ไอสังหารล้นฟ้าย่อมมุ่งมาทางตน บทเรียนจากฮูหยินแดงยังติดตา
ตอนนี้กระบี่เครือเขียวกลางฟ้าสูงสงสัยอยู่บ้าง
นายท่านแค่บอกให้มันสังหารปีศาจซึ่งถูกเพลิงสมาธิแผดเผา แต่กลับไม่ได้บอกมันว่าหลังจากใช้กระบี่ทะลวงภูเขาสังหารปีศาจแล้ว ถึงกับมีปีศาจอีกหลายตัวปรากฏกาย
แน่นอนว่าตอนนี้กระบี่เครือเขียวฟันกระบี่แน่วแน่ไม่เป็นสองออกไปแล้ว ทั้งจำคำกล่าวว่าอย่าต่อสู้ติดพันของนายท่านได้ชัดเจน แต่ปีศาจด้านล่างเห็นตนแล้วไม่กล้าขยับ เช่นนั้นมันไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจากไป ถึงอย่างไรคนกลัวก็ไม่ใช่ตน!
ต่อให้ปีศาจเบื้องล่างหวั่นหวาด ตอนนี้กลับเริ่มสงบสติอารมณ์หายจากอาการขวัญหนีดีฝ่อบ้างแล้ว อย่างน้อยกระบี่เซียนเหมือนไม่คิดสังหารพวกเขาชั่วคราว ทั้งไม่เห็นเจ้าของมันอยู่ด้านข้าง
“พวกเราไม่ว่าใครก็อย่าขยับ… นั่นคือกระบี่เซียนเล่มหนึ่ง ต้องมาเพราะฮูหยินแดงแน่ นอกจากสังหารฮูหยินแดงแล้ว เจ้านายมันน่าจะไม่มีคำสั่งอื่น ตอนนี้กระบี่เซียนจึงลอยอยู่กลางอากาศไม่ขยับ…”
มีปีศาจซึ่งไม่รู้ว่ากล่าวเพราะนึกถึงพวกพ้อง หรือกลัวพวกพ้องทำเรื่องโง่เขลาจนพัวพันมาถึงตน
“ชะ เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไร ต้องรอจนถึงเมื่อไหร่”
ปีศาจสาวอีกตนเอ่ยถามเสียงเบา
“รอ! รอกระบี่เซียนหมดความอดทนจนจากไปเอง… งูสาวเจ้าอยากลองหนีดูก็ได้ ข้ากับหุนเหอจะซาบซึ้งอย่างยิ่ง!”
งูสาวไม่กล้าแม้แต่จะบันดาลโทสะ กลัวโมโหจนกระตุ้นปราณปีศาจตน ทำให้กระบี่เซียนเหนือศีรษะเข้าใจอะไรผิด ชายซึ่งอยู่อีกด้านกล่าวอย่างค่อนข้างเคียดแค้น
“ฮูหยินแดงหาเรื่องใครมากันแน่ มิน่าเมื่อครู่นางถึงเรียกพวกเราออกมา ตอนนั้นคงกระวนกระวายว่าไม่อาจจัดการตามลำพังแน่!”
“แย่แล้ว อานุภาพกระบี่เซียนทรงพลังเช่นนี้ เกรงว่าคงถูกพวกเทพหลักเมืองเห็นแล้ว!”
“ข้ายอมสู้กับบุคคลระดับเทพผีอย่างเทพหลักเมือง แต่ไม่อยากตายด้วยกระบี่โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่…”
บางทีอาจเป็นเพราะปีศาจสามตนพูดกันสองสามประโยค กระบี่เครือเขียวบนฟ้าสูงขยับปลายกระบี่ จ่อมาทางปีศาจที่กล่าวเป็นคนสุดท้าย
ปีศาจสามตนเหมือนถูกสกัดจุดและสาปให้เป็นใบ้ทันที ขนลุกขนชันไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ‘หุนเหอ’ ซึ่งถูกปลายกระบี่จ่อยิ่งสีหน้าค้างแข็ง อาการไม่น่าดูยิ่งกว่าร้องไห้
…
ภายในจังหวัดชุนฮุ่ย ร่างทองของเทพหลักเมืองยังลอยบนฟ้าสูงเหนือศาลหลักเมือง มองไปทางจังหวัดตู้หมิงซึ่งห่างไกล ที่นั่นเพิ่งมีแสงกระบี่ดุดันส่องประกาย ทั้งมีปราณปีศาจซึ่งไม่อาจมองข้ามอบอวล
แม้ว่าจุดที่ห่างออกไปเป็นเขตแดนของจังหวัดชุนฮุ่ย แต่ฐานะเทพหลักเมืองประจำจังหวัด ต่อให้ตรงนั้นเป็นอาณาเขตของเทพหลักเมืองบางอำเภอก็ใช่ว่าเข้าไปไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ถือว่าอยู่สังกัดเดียวกัน แต่ยังมีความน่าเกรงขามของเทพหลักเมืองประจำจังหวัดอยู่
ภายในศาลหลักเมืองกระดิ่งเรียกวิญญาณดังมาสักพักแล้ว ภายในยี่สิบสี่กรมมีสิบหกเจ้ากรมรวมตัว ทั้งมีผู้ลาดตระเวนทิวากับทูตดึงวิญญาณซึ่งกางร่มบังหยินมาร่วมด้วย
“ไป!”
เทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เผยกลิ่นกำยานและสำแดงอภินิหารเทพปฐพี เคลื่อนย้ายบริวารไปพร้อมกัน
ส่วนเทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงก็ตัดสินใจเหมือนเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยโดยไม่ได้นัดหมายเช่นกัน ทั้งมีเหล่าเทพหลักเมืองประจำอำเภอตรงเขตเชื่อมต่อสองจังหวัดเผยรูปจำลองพร้อมกัน ทำให้บริวารทุกกรมปราฏตัวตรงชายแดนอาณาเขต หากจำเป็นย่อมเสี่ยงอันตรายออกจากอำเภอร่วมต่อสู้เต็มกำลัง
เดิมเขาช่องลมอยู่ตรงชายแดนสองจังหวัด เชื่อมต่อหลายอำเภอ ทั้งสองจังหวัดต่างมีแสงเทพวาบผ่าน เทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงกับเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยเผยรูปจำลอง ทอดมองกันแล้วมองท้องฟ้า
กระบี่เซียนเปี่ยมเจตกระบี่ไร้ใดเปรียบเล่มหนึ่งลอยอยู่บนฟ้าสูง เคลื่อนสายตามองไปตรงเหววายุดำกลางเขาช่องลม ปลายกระบี่จ่อปีศาจแปลงกายสี่ตนซึ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนเบื้องล่าง
ฟุ่บ… ฟุ่บ…
แสงเทพอีกสามสายวาบผ่าน เทพหลักเมืองสองจังหวัดสามอำเภอใหญ่นำบริวารทุกกรมเคลื่อนย้ายมา ถึงขั้นว่าบริเวณใกล้เคียงยังมีเทพหลักเมืองสามอำเภอออกจากอาณาเขตมาโดยทิ้งบริวาร มาแค่รูปจำลอง
สถานการณ์ตอนนี้พลันชอบกลขึ้นมา
บนเขาช่องลมเทพผีรวมตัว ในเหววายุดำปีศาจสี่ตนตัวแข็งทื่อ ทั้งชีวิตปีศาจพวกนี้นึกถึงสถานการณ์ย่ำแย่มานับไม่ถ้วน แต่เห็นชัดว่าสถานการณ์ประหลาดตอนนี้ไม่รวมอยู่ด้วย
กระบี่เครือเขียวยังไม่จากไป ทั้งไม่กลับเข้าฝัก ลอยบนฟ้าสูงร่วมกับฝักกระบี่ ตั้งท่าซ่อนคมเตรียมโจมตี
คล้ายว่าเทพผีและปีศาจต่างรอการเคลื่อนไหวของกระบี่เครือเขียว ฝ่ายหนึ่งหวังว่ามันจะลอยจากไปอีกฝ่ายหวังว่ามันจะเฉือนพิฆาต
‘หรือกระบี่เซียนมาเพราะรับคำสั่งเจ้าของ สังหารเป้าหมายไปแล้ว ตอนนี้เห็นว่ายังมีปีศาจแต่ไม่มีคำสั่ง ด้วยเหตุนี้จึงกำราบปีศาจอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ?’
ในใจเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยใคร่ครวญเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรปีศาจพวกนี้ล้วนไม่อาจปล่อยให้หนีไป ในฐานะเทพหลักเมือง พริบตาก็เห็นไอเหี้ยมโหดคั่งแค้นใต้เหววายุดำ แน่นอนว่านั่นคือปีศาจร้ายที่แท้จริง
ในฐานะเทพหลักเมืองประจำเมืองเอก ภายนอกเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยทรงอานุภาพมากที่สุด ตอนนี้เขาประสานมือไปทางกระบี่เซียนกลางอากาศ ก่อนตัดสินใจเอ่ยปากอย่างฉับไว
“ขอบคุณกระบี่เซียนวิญญาณที่กำราบปีศาจร้ายไว้ที่นี่ ช่วยพวกเรากำราบพวกมันในวันนี้… ทุกท่าน พวกเราเป็นถึงเทพหลักเมืองย่อมต้องจับกุมคนเถื่อนสังหารปีศาจร้าย!”
ขณะกล่าวร่างทองเปล่งแสงเทพ กลิ่นกำยานผสานพลังพลุ่งพล่าน เจ้ากรมศาลมืดบริวารยิ่งเขียนบันทึกปีศาจเสร็จนานแล้ว ทำให้พวกมันไม่อาจหลบเร้นในอาณาเขตได้อีก
“ควรเป็นเช่นนั้น วันนี้พวกเรามาร่วมกันกำจัดปีศาจ!”
“ทูตดึงวิญญาณสองจังหวัดทุกอำเภอ ตั้งค่ายกลกักวิญญาณ!”
ร่มบังหยินมากมายลอยกันแสงแดด พู่กันพิพากษา แส้ฟาดวิญญาณ ตำรากักมาร เกี้ยวสมประสงค์… อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของศาลมืดพากันสำแดงพลัง
อานุภาพเทพผีมากมายพุ่งทะยาน ทยอยโคจรพลังและกำยาน ยามแสงเทพส่องประกายยังเผยอานุภาพของการร่วมมือ
ก้อนหินต้นไม้บนเขาช่องลมและใต้เหววายุดำส่ายสั่น สี่ปีศาจเบื้องล่างทนไม่ไหวอีก ปราณปีศาจทั่วร่างพวยพุ่ง มีเสียงคำรามของปีศาจดังขึ้น
“ต่างคนต่างหนี!”
พูดจบแสงปีศาจลุกโชนต้านแสงธรรมจากเทพผีศาลมืดมากมาย ทั้งมีปีศาจก่อพายุมารรับแสงธรรมด้วยคิดลอยออกจากเขาช่องลม
แต่พริบตาที่เพิ่งออกจากภูเขา กระบี่เซียนเหนือศีรษะสาดแสงกระบี่ ท่าทางเหมือนจะฟาดฟันลงมา ปีศาจก่อพายุมารตกใจจนหยุดเหมือนแตะเบรก
“ฮ่าๆๆๆๆ… ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ซะเถอะ!”
โซ่สีทองอ่อนลอยออกมาจากแขนเสื้อเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ย พุ่งเข้าใส่ลมปีศาจเหมือนงูวิญญาณ ตวัดรัดอีกฝ่ายทันที จากนั้นค่อยเหวี่ยงลงภูเขารอบนอกอย่างเต็มแรง
ตูม…
บนเขามีหินผาแตกเป็นเสี่ยงต้นไม้ล้มระเนระนาด
“กักวิญญาณทั่วทิศ สร้างค่ายกล!”
ทั่วทิศรอบเขาช่องลมเชือกดึงวิญญาณมากมายพุ่งขึ้นฟ้าเป็นผืนแผ่น ทูตดึงวิญญาณบริวารเทพหลักเมืองมากมายในเขตสองจังหวัดร่วมแรงร่วมมือ ตรงเขาช่องลมมีลมทมิฬเยียบเย็นพัดเป็นระลอกทันที
“ไม่เจอปีศาจร้ายแปลงกายมานาน คิดไม่ถึงว่าจะเจอทีเดียวสามตัว วันนี้ต้องหลอมจิตแปรวิญญาณ!”
เทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยเหมือนอยากระบายความแค้นเมื่อวานออกมา โคจรพลังกับแสงเทพกำยานเหมือนไม่กลัวขาดทุน แสงเทพซึ่งซัดออกมาแต่ละครั้งอานุภาพไม่เป็นสองรองใคร
เชือกดึงวิญญาณมากมายพาดผ่านป่าเขา หากปีศาจไม่ระวังมักถูกโซ่อย่างน้อยสิบกว่าสายหวดโดน ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือน จากนั้นค่อยโดนแสงเทพจากเทพผีตนอื่น
แต่เรื่องคอขาดบาดตายมากที่สุดไม่ใช่การโจมตีของเทพผี ท่ามกลางการต่อสู้ของปีศาจกับเทพนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบบนฟ้าสูงมีกระบี่เซียนเล่มหนึ่งรอโอกาส ใครต่างก็รู้ว่าไม่มีคนรับอานุภาพกระบี่มันได้
แบ่งสมาธิต่อสู้เหมือนมีหนามทิ่มแทงอยู่ข้างหลัง…
ปีศาจสี่ตนเบื้องล่างผู้ยืนหยัดไม่อยู่ก่อนคือปีศาจครึ่งหน้านั่น ถึงกับถูกเชือกดึงวิญญาณหลายสิบสายดึงจิตปีศาจออกจากร่างโดยตรง
งูสาวคืนร่างเดิมแล้ว เจาะภูเขามุดเข้าส่วนลึกของถ้ำปีศาจ คิดอาศัยสายน้ำใต้ดินหลบหนี
“หนีไปไหน!”
แขนพร้อมชายเสื้อของรูปจำลองเทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงยืดยาวไม่หยุด นิ้วมือยิ่งใหญ่โตต่อเนื่อง แทบแทรกตัวเข้าส่วนลึกของถ้ำปีศาจตามหลังงูสาวไปติดๆ บีบคออสรพิษทั้งเป็น
“เฮือก… ฟ่อ… โครงกระดูกแดงชั้นต่ำอย่างเจ้าต้องไม่ตายดี…!”
ตึงๆๆ…
งูยักษ์บิดตัวอยู่ในถ้ำสถิตอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ยอดเขาช่องลมสั่นสะเทือนไม่หยุด
…
ชาวบ้านสามอำเภอใกล้เขาช่องลม มองมาทางเขาช่องลมแล้วเห็นบนเขาปกคลุมด้วยเมฆดำแถบหนึ่ง ทั้งมีเสียงฟ้าคำรามดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง