ตอนที่ 124 หาไม่เจอทั้งสองฝ่าย
แม่น้ำเทียมฟ้าถือเป็นแม่น้ำใหญ่ในเขตต้าเจิน ทอดยาวผ่านครึ่งอาณาจักร อ้อมผ่านชายแดนทางใต้เลี้ยวเข้าทะเลตะวันออก นอกจากช่วงแม่น้ำซึ่งค่อนข้างแคบบางจุด ช่วงแม่น้ำส่วนใหญ่ล้วนกว้างขวางยิ่ง
ตรงจุดที่จี้หยวนอยู่นับว่ากว้างขวาง แต่กระแสน้ำกลับราบเรียบ ไม่เจอคลื่นลูกใหญ่นัก
ทุ่นตกปลาลอยขึ้นลงตามสายน้ำ คล้ายไม่มีสัญญาณว่าปลาจะติดเบ็ด
“ท่านจี้… ท่านจี้…”
บนฝั่งมีคนเรียกจี้หยวน เป็นผู้เฒ่าซึ่งให้เขาเช่าเรือประทุนนั่นเอง ตอนนี้ผู้เฒ่าถือไหกระเบื้องเล็กและก้อนแป้งห่อใบบัวยืนอยู่ริมฝั่ง ทั้งยังกวักมือเรียกจี้หยวน
จี้หยวนเก็บคันเบ็ด หยิบไม้พายขึ้นมา พายเข้าใกล้ฝั่งช้าๆ
“หึๆๆ ท่านจี้ นี่คือสุราท้องถิ่นบ่มเองสองชั่ง ข้าผู้ชรานำมาส่งให้ท่านโดยเฉพาะ วันนี้อากาศหนาวแล้ว หรือไม่กลางคืนท่านไปค้างแรมในหมู่บ้านพวกเราเถอะ”
เมื่อเรือเข้าใกล้ฝั่ง จี้หยวนลุกขึ้นมารับสุราและอาหารของชายชรา
“ขอบคุณท่านลุงเฉิน แต่คนอย่างข้าทนหนาวโดยกำเนิด อีกอย่างเรือประทุนนี้กันฝน หน้าหลังปิดสนิท ภายในยังมีผ้าห่ม ไม่หนาวเลยจริงๆ”
ผู้เฒ่าเฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย เรือประทุนแช่แข็งคนได้หรือไม่เขามีหรือจะไม่รู้
คุณชายจี้คนนี้อบอุ่นมีมารยาททั้งมีความรู้ แต่ชอบทรมานตัวเอง อากาศหนาวแต่กลับอยู่บนเรือประทุนนานขนาดนี้
“วันนี้ท่านตกปลาไม่ได้หรือ”
ชายชราเหลือบเห็นข้องใส่ปลาตรงหัวเรือว่างเปล่า
“ใช่แล้ว วันนี้ก้นแม่น้ำมีมังกรเจียวสองตัวผ่านมา ทำให้ปลาตกใจหนีหมด พากันหลบซ่อนทุกหนแห่ง มีหรือจะกล้ามากินเหยื่อ!”
จี้หยวนยิ้มพลางกล่าวตอบ
“ฮ่าๆๆ ท่านจี้พูดเล่นอีกแล้ว ท่านกินเถอะ ข้าผู้ชราไปก่อน ถ้ากลางคืนทนไม่ไหว เชิญมาหมู่บ้านริมฝั่ง ในบ้านข้าผู้ชรายังมีห้องพัก มาได้ทุกเมื่อ!”
จี้หยวนวางสุราอาหารลง ประสานมือไปทางชายชรา
“ได้ หากจำเป็นย่อมมุ่งหน้าไป ท่านลุงเฉินเดินทางปลอดภัย!”
ชายชราประสานมือเช่นกัน สวมเสื้อรัดกุมก่อนหันหลังจากไป ดูท่าว่าคุณชายจี้คนนี้ไม่กลัวหนาวจริงๆ แต่เขาเป็นคนดีนัก เงินค่าเช่ามากพอ ยังช่วยเขาเขียนจดหมายส่งลูกสาวคนโตที่แต่งงานไปต่างจังหวัดด้วย
จี้หยวนมองส่งผู้เฒ่าเฉินจากไป เขานั่งลงบนเรือประทุน
มองผิวแม่น้ำเทียมฟ้า รู้สึกต่างจากนอกจังหวัดชุนฮุ่ยซึ่งเรือประดับหอ เรือเก๋ง นักท่องเที่ยวคลาคล่ำ บนแม่น้ำเทียมฟ้ามีเรือดอกไม้น้อย แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะฤดูกาล
เขาเปิดปากไหกระเบื้องออกดมก่อนจิบสุราอึกหนึ่ง ค่อนข้างขุ่นแต่รสชาติพอไหว
คลายเชือกป่านบนห่อใบบัวแห้งออก เปิดใบบัวเผยซาลาเปาสี่ลูกซึ่งยังอุ่นอยู่ จี้หยวนดมกลิ่นก็รู้ว่าเป็นไส้ผักสามลูกกับไส้เนื้อหนึ่งลูก
เขานั่งตรงหัวเรือเช่นนี้ กินซาลาเปาดื่มสุรา สายตามองผิวแม่น้ำเทียมฟ้า ครู่หนึ่งถึงกับมีเงาดำพร่ามัวอีกร่างว่ายมาแต่ไกล ตัวยาวราวสิบกว่าจั้ง ยามแหวกว่ายตรงก้นแม่น้ำสัตว์น้ำนับไม่ถ้วนแตกตื่นถอยหลบ
‘วันนี้ก้นแม่น้ำเกิดเรื่องอะไรขึ้น มังกรเจียวแห่งแม่น้ำเทียมฟ้ามากเกินไปหน่อย หรือไม่ได้อยู่แม่น้ำเทียมฟ้าทั้งหมด’
น้ำตื้นยากพบมังกรเจียว ต่อให้เป็นแม่น้ำใหญ่ก็ใช่ว่าจะมี ถึงมีก็ไม่มาก ทั้งเกียจคร้านไม่อยากเคลื่อนไหวมานานปี แม่น้ำเทียมฟ้าถือว่าประหลาดแล้ว
แต่สงสัยส่วนสงสัย จี้หยวนย่อมไม่กล้าขวางมังกรเจียวตัวหนึ่งเพื่อสอบถาม ด้วยมรรควิถีแค่นี้ของเขา หากไม่ชักกระบี่ทุ่มสุดตัวคงปราบอีกฝ่ายไม่ได้
แม้ว่าคัมภีร์นอกรีตมีอคติต่อปีศาจมาก แต่มีเรื่องหนึ่งที่จี้หยวนเชื่อ นั่นก็คือพวกมังกรเจียวเจ้าอารมณ์
ภายใต้แม่น้ำเทียมฟ้า มังกรเจียวตัวหนึ่งหดกรงเล็บทั้งสี่แนบท้อง เคลื่อนไหวลำตัวแหวกว่ายอยู่ในน้ำ สีนัยน์ตาดุจโคมอำพัน นอกจากเห็นทุกอย่างตรงก้นแม่น้ำชัดเจนแล้ว ยังเหลือบเห็นเรือคนธรรมดาซึ่งไหวเคลื่อนตามคลื่นบนผิวน้ำด้วย
แต่ยามแหวกว่ายมาเบื้องหน้าจนใกล้บางจุด มังกรเจียวนี้พลันรู้สึกว่ามีคนบนเรือเล็กลำหนึ่งมองตนอยู่ เมื่อเขายิ่งว่ายเข้าไปใกล้ ยิ่งพบว่าใบหน้าอีกฝ่ายมองตามร่างตนตลอด
หลังจากว่ายผ่านท้องเรือเล็กไปเป็นระยะทางราวสองสามลี้ มังกรเจียวตัวนี้หันกลับมามองอีกครั้ง พบว่าคนบนเรือเล็กดื่มสุราโดยไม่สนใจ ทั้งไม่มองมาทางตนอีก
‘คนผู้นี้ไม่มีพลังแสงเทพใดปรากฏ… หรือว่าคิดไปเอง’
มังกรเจียวสลัดความคิดในสมอง แหวกว่ายไปข้างหน้าต่อ อีกไม่กี่วันจะฉลองครบรอบพันปีเจินหลง สัตว์น้ำทั่วทิศขอแค่รู้จักกัน ล้วนหวังมาที่นี่เพื่อร่วมอวยพร แต่ผู้มีสิทธิ์กลับไม่มาก เขาเป็นหนึ่งในนั้นพอดี
จี้หยวนกลืนสุราท้องถิ่นในปากลงคอ ทั้งยังเคี้ยวกากสุราเล็กน้อยด้วย เมื่อครู่เป็นมังกรเจียวอีกหนึ่งตัว ซ้ำสัญชาตญาณยังฉับไว เขาคนแซ่จี้แค่มองนานหน่อย คล้ายว่าถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็นแล้ว
…
แม่น้ำเทียมฟ้าซึ่งห่างจากเรือเล็กของจี้หยวนไปทางใต้หนึ่งร้อยห้าสิบลี้ ความกว้างแม่น้ำเกินสิบกว่าลี้ มีเขาล้อมรอบมีป่าบรรจบ ความลึกของแม่น้ำยิ่งยากคาดเดา
ภายใต้การบดบังของพืชน้ำชั้นหนึ่งตรงก้นแม่น้ำ มีสิ่งปลูกสร้างยิ่งใหญ่ราวตำหนักแถบหนึ่งตั้งอยู่ที่นี่ ที่นี่เป็นจวนบาดาลของเทพแม่น้ำเทียมฟ้า ทั้งถือว่าเป็นวังมังกรแห่งหนึ่ง
ตอนนี้ภายในวังมังกรคึกคักเป็นพิเศษ ภูตเผ่าวารีเดินสวนกันขวักไขว่ บ้างแบกกระถางบ้างยกฉากกั้น บ้างปูทางผลึกบ้างยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดพืชน้ำ ยังมีปลาหลากสีนับไม่ถ้วนว่ายวนไปมา
แต่ภายในตำหนักหลักมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งถอนหายใจอยู่ตรงนั้น ขัดกับความมีชีวิตชีวาและการเฉลิมฉลองด้านนอกอย่างเด่นชัด
“เฮ้อ… ท่านพ่อยังไม่กลับมา ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เจ้าของวันเกิดอย่างเขากลับไม่อยู่!”
ผู้พูดคือชายร่างสูงสมส่วนหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง สวมชุดคลุมไหมคล้ายเมฆวารี ศีรษะประดับเกี้ยวเล็กหยกทอง นั่งพิงเก้าอี้นวมตัวหนึ่งอย่างเกียจคร้าน
ผู้ยืนด้านข้างคือหญิงสาวคนหนึ่ง เสื้อผ้าท่าทางไม่ต่างจากชายหนุ่มนัก ใบหน้าประณีตสุภาพอ่อนโยน เกล้าผมดุจบุปผา เรือนผมงามและปลายจอนยาวเกือบถึงพื้น หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นกัน
“บอกว่าต้องไปหาสหายอะไร วันเกิดไม่อาจขาดเขา แต่หามานานกลับไม่เจอ… ตอนนี้เป็นอย่างไร ท่านพ่อหาสหายไม่เจอ พวกเราหาท่านพ่อไม่เจอ เฮ้อ…!”
ยามทั้งสองคนปรับทุกข์กัน มียักษ์ก้าวเข้ามาในตำหนัก
“เรียนเทพีแม่น้ำ ใต้เท้าทะเลสาบวารีนภามาถึงแล้วขอรับ”
หญิงสาวพยักหน้าพลางสะบัดแขนเสื้อ
“รู้แล้ว เตรียมให้ไปพักที่เรือนรับรอง จริงสิ กำชับเขาว่าพยายามอย่าเผยร่างมังกร สัตว์น้ำช่วยงานมากมายมรรควิถีไม่สูง ปราณมังกรจะทำให้ทุกคนไม่สบาย”
“ขอรับ ข้าน้อยขอลา!”
ยักษ์คารวะก่อนถอยออกจากตำหนักไปไกล
รอยักษ์จากไปแล้ว ชายนั่งเกียจคร้านคนนั้นค่อยกล่าว
“เจ้าว่าวันเกิดท่านพ่อคงไม่ถึงขั้นไม่กลับมากระมัง”
“เป็นไปได้อย่างไร! ท่านพ่อย่อมรู้จักความพอดี!”
หญิงสาวโต้แย้งเขาทันที จากนั้นค่อยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวเสริมอย่างลังเล
“สมมติ… ข้าจะบอกว่าหากเจ้าแปลงร่างเป็นท่านพ่อ เจ้าว่าทุกคนจะมองออกหรือไม่”
“แค่ก… แค่ก… น้องเล็กเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าจะผลักข้าเข้ากองไฟเนรคุณนะ!”
หญิงสาวยิ้มอักอ่วนเล็กน้อย
“แค่ลองพูดเท่านั้นเอง…”
ภายในตำหนักเงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเริ่มดื่มสุราแล้ว หญิงสาวนั่งลงบนที่นั่งก่อนหลับตาบำรุงจิต ความจริงคือแผ่จิตปกคลุมจวนบาดาล ตรวจสอบการจัดเตรียมงานเลี้ยงด้านต่างๆ
ระหว่างนี้ยังมียักษ์หรือภูตเผ่าวารีตนอื่นมารายงาน ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนมีหน้ามีตาแห่งใดมาเยือน
…
ตอนนี้บนเขาช่องลมตรงเขตแดนจังหวัดชุนฮุ่ย มังกรเฒ่าอิงหงกำลังยืนอยู่บนหน้าผาเหนือเหววายุดำ มองรอยกระบี่ทะลวงภูเขาเบื้องล่างสายนั้น
ต่อให้ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่มองผ่านมรรควิถีมังกรเฒ่า ยังมีเจตกระบี่สะท้านฟ้าซึ่งถึงแม้บางเบาแต่กลับเฉียบคมไม่อาจต้านอบอวล
ยามอิ๋นจ้าวเซียนสอบติดกระดานหอมหมื่นลี้กลับบ้าน นายอำเภอเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ตอนนั้นมังกรเฒ่าเคยไปอำเภอหนิงอันอีกครั้ง คิดว่าจี้หยวนอาจกลับไปร่วมยินดี แต่กลับไม่เจอ
เขาไปเจออิ๋นจ้าวเซียนเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นเขาสร่างเมาแล้ว พอถามโดยละเอียดจึงรู้ว่าเขาเกือบถูกปีศาจชั่วทำร้าย เมื่อพูดคุยลงรายละเอียดอีกหน่อย มังกรเฒ่าซึ่งรู้บทสนทนาของเทพหลักเมืองกับอิ๋นจ้าวเซียนคาดเดาสถานการณ์บางอย่างออก
วนเวียนบนฟ้าเหนือจังหวัดชุนฮุ่ยเนิ่นนาน สุดท้ายจึงเจอเขาช่องลม เมื่อเห็นความสง่างามของกระบี่นี้ มิน่าเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยถึงซักถามอิ๋นจ้าวเซียนว่าผู้สูงส่งที่รู้จักใช้กระบี่หรือไม่
“จี้หยวนหนอจี้หยวน… หาท่านมาสามปีไม่เจอตัว ท่านไปอยู่ไหนกันแน่”
มังกรเฒ่าทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง โดยทั่วไปมีแต่คนมาหาเขา เขามีหรือจะตามหาคนอื่นเช่นตอนนี้
ถ้ายังหาไม่เจอก็จริงจังเกินไปแล้ว!