ตอนที่ 136 รักระหว่างคนและปีศาจที่หาได้น้อยนัก
ผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนเป็นรองทูตลาดตระเวนซ้ายขวาของศาลมืดจังหวัดจิงจี ในหนึ่งร้อยปีที่ทำงานให้กับศาลมืด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นวันนี้ ปีศาจเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยไม่กลัวเกรงเลย!
หลังจากตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รองทูตขวาตะโกนถามสตรีนางนี้
“ปีศาจร้าย กล้าซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชาวเมืองจังหวัดจิงจีหรือนี่!”
ปีศาจสาวที่อยู่ตรงหน้านี้มีปราณปีศาจน้อยมาก ผู้ลาดตระเวนทิวามองแล้วเหมือนเป็นภูตที่เก่งในการแปลงกาย ไม่ใช่ปีศาจที่เปลี่ยนรูปแล้ว พลังระหว่างทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมาก
ผู้ลาดตระเวนทิวาทั้งสองคนจับด้ามดาบในทันที ทูตดึงวิญญาณสองคนก็คว้าเชือกดึงวิญญาณตรงเอวเผชิญหน้ากับสตรีนางนั้น
“กับวิญญาณของโจวเนี่ยนเซิงอย่าเพิ่งรีบเลย หน้าที่สำคัญในตอนนี้คือจับปีศาจร้ายก่อน!”
ผู้ลาดตระเวนทิวาสั่งและชักดาบออกจากฝัก ทูตดึงวิญญาณดึงเชือกดึงวิญญาณออกจากเอว ปราณหยินของมือปราบผีทั้งสี่เพิ่มพูนเต็มที่
สีหน้าของสตรีนางนั้นเศร้าระทมอยู่บ้าง เดิมทีนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับเขยื้อน คราวนี้นางลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้า คารวะมือปราบผีหลายคนครั้งหนึ่ง
“ใต้เท้ามือปราบผีทุกท่าน ข้ารู้ว่าพวกท่านปล่อยข้าไปไม่ได้ วันนี้ท่านโจวสิ้นอายุขัย ข้ากับท่านโจวรักกันมาหลายปี เพียงขอพวกท่านปล่อยให้ข้าได้ส่งเขาไปยังศาลมืดพร้อมกัน แล้วหลังจากนั้นข้าจะยอมรับโทษโดยไม่ขัดขืน!”
ญาติตระกูลโจวคนอื่นในห้องไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแค่ชายชราหอบไออย่างหนัก ปราณหยินภายในห้องเข้มข้นเสียจนทำให้คนเป็นทั้งหมดรู้สึกหนาวเล็กๆ
แต่ตอนนี้ได้ฟังแล้ว แต่ละคนมีสีหน้าซีดขาวมองไปทางซ้ายและขวา ตกใจกลัวจนรวมตัวเข้าหากัน
“มือปราบผี?”
“มือปราบผีมาหรือ”
“มาพานายท่านไปหรือ”
“ไอ้หยา มิน่าล่ะถึงได้หนาวขนาดนี้!”
“ชู่ อย่าพูด…”
ผู้ลาดตระเวนทิวาฟังสตรีนางนั้นพูดแล้วมองตากัน จากนั้นหรี่ตาพิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ภูตอย่างเจ้ากล้าต่อรองกับเจ้าหน้าที่ศาลมืด อย่าคิดว่าบนตัวเจ้าไม่มีปราณชั่วแล้วพวกข้าจะเชื่อเจ้า ปีศาจมีวิธีปิดหูปิดตายามทำร้ายคนทั้งนั้น”
ผู้ลาดตระเวนทิวาอีกคนหนึ่งยิ้มเย็นเช่นกัน
“หากเจ้าไม่ขัดขืนให้พวกข้าจับวิญญาณเจ้าเสีย อย่าว่าแต่ให้เจ้าร่วมส่งเขาเลย ร่วมเข้าสู่ปรโลกก็เป็นไปได้!”
สตรีนางนั้นเงยหน้ามองผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วมองไปยังทูตดึงวิญญาณ
“เช่นนั้นเชิญทูตดึงวิญญาณลงมือเถอะ!”
คำพูดนี้ทำให้ผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนและทูตดึงวิญญาณสองคนล้วนตะลึงงัน ด้วยไม่เคยเจอปีศาจยอมจำนนอย่างแท้จริงเช่นนี้ ปีศาจที่เข้าศาลมืดไปแล้ว อย่าหวังว่าจะได้ออกมาอีกเลย! หรือยังมีอุบายอะไรซ่อนอยู่อีก
“ลงมือ!”
ผู้ลาดตระเวนทิวาสั่ง ปราณหยินบนตัวสั่นสะท้าน กลายเป็นเงาลวงสีขาวสองสายปรากฏทางซ้ายขวาของสตรีนางนั้น ต่างฝ่ายต่างเหวี่ยงดาบลงราวกับอัสนีและหินเหล็กไฟ
ทูตดึงวิญญาณสองคนยิ่งสะบัดเชือกดึงวิญญาณ ตีนางเหมือนกับฟาดแส้ยาว
เงาร่างทูตซ้ายขวาแฉลบตัดกัน ดาบสองเล่มฟันใส่วิญญาณนาง โซ่ของทูตดึงวิญญาณยิ่งกระแทกนางจนยืนไม่อยู่ วิญญาณวูบไหวเล็กน้อย
เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ซึมออกจากใบหน้านาง ไหลถึงปลายคางก่อนหยดลงพื้นหยดแล้วหยดเล่า ทว่าร่างกายยังคงรักษาท่าทางเดิมไว้ ทนกับการโจมตีจากทั้งสี่ด้าน
“เจ้า…”
ผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนมองหน้ากัน มือที่จับด้ามดาบไม่ได้ฟันลงอีกเป็นครั้งที่สอง
ตอนนี้จี้หยวนยืนอยู่ในลาน เบิกตาสีเทามองดูทุกอย่างภายในห้อง ราวกับสิ่งของทั้งหมดที่หน้าประตูกลายเป็นภาพลวงไป
ความรักของปีศาจตัวนี้และโจวเนี่ยนเซิงทำให้คนซาบซึ้ง แม้แต่มือปราบผีศาลมืดก็หวั่นไหวเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้แสดงออกว่าจะปล่อยนางไป หากถึงหน้าประตูศาลมืดจริงๆ เทพทุกกรมจะต้องจับนางไว้
ทว่าเลือกตายตก เพื่อให้ได้ไปส่งเขาสักครั้งอย่างนั้นหรือ
‘เห็นทีจัดการหลังจากนี้น่าจะดีกว่า!’
จี้หยวนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ทูตดึงวิญญาณในห้องใช้ตรวนล่ามวิญญาณจับวิญญาณของนางไว้ และนางให้ความร่วมมือ ปล่อยให้พวกเขาลากวิญญาณออกมาโดยไม่เปลืองแรงสักนิด
‘เอ๋?’
จี้หยวนคล้ายกับคิดออกแล้ว
ตอนวิญญาณของสตรีนางนี้ถูกลากออกมายังคงอยู่ในรูปลักษณ์คน เสื้อผ้าติดตัววิญญาณก็กลายเป็นเสื้อขนกำมะหยี่สีขาว แม้ปีศาจอาจรักษารูปลักษณ์คนไว้ได้ แต่เสื้อผ้าเปลี่ยนแปลงกลับผิดปกติอยู่บ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน ภายในห้องมีเสียงร้องไห้ที่ทั้งจริงใจและปั้นแต่งให้เกินจริงดังออกมา
“นายท่าน…”
“ท่านพ่อ!”
“นายท่าน เหตุใดจากไปเช่นนี้เล่า!”
“เป็นลูกอกตัญญูเอง!”
…
ชัดเจนว่าโจวเนี่ยนเซิงผู้นั้นจากโลกนี้ไปแล้ว
ผู้ลาดตระเวนทิวาจากศาลมืดสองคนก้าวเข้ามาพร้อมจับดาบกดลง ทูตดึงวิญญาณสองคนลากวิญญาณทั้งสองด้านซ้ายและขวาออกมาจากในห้องนั้นแล้วดังคาด
ราวกับแหเปิดออกด้านหนึ่งเมื่อเงื่อนไขใช้ได้ ทูตดึงวิญญาณสองคนอยู่ข้างนอก ทำให้วิญญาณสองตนที่ถูกล่ามโซ่ไว้ยังอิงแอบอยู่ด้วยกัน
จี้หยวนอยู่ใต้ร่มต้นไม้ในลานบ้าน มองเห็นผ่านวิชาบังตาเห็นว่าเงาดำรวมกัน สี่ผีสองวิญญาณผ่านข้างกายเขาไป ไม่มีใครพบเห็นอะไร
เห็นวิญญาณทั้งสองที่ถูกล่ามโซ่ ร่างชราของโจวเนี่ยนเซิงและสตรีอ่อนเยาว์สะสวยเดินอยู่ด้วยกัน แต่กลับไม่ทำให้จี้หยวนรู้สึกว่าเป็นบิดาและบุตรี กลับมีความรู้สึกพึ่งพารักใคร่อยู่ภายในนั้นอย่างแท้จริง
เหนือศีรษะมีร่มบังหยิน มือปราบผีจูงวิญญาณเดินบนถนนจังหวัดจิงจี ในสายตาของวิญญาณสองตน บนถนนเริ่มมีหมอกหนากระจายไปทั่ว พวกเขามองเห็นคนเดินถนนเริ่มกลายเป็นเงาร่างที่ไม่ค่อยจริงแล้ว
ยิ่งหมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ ก็นับว่าเข้าใกล้ศาลมืดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
โจวเนี่ยนเซิงและสตรีนางนั้นเพียงจับมือกันและกัน เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปข้างหน้า ฝ่ายแรกมีสีหน้าเป็นกังวล ฝ่ายหลังกลับมีสีหน้านิ่งสงบ
“ทำงานนี้มาก็หลายปี คนรักกับผีใช่ว่าไม่เคยเห็น ทว่าความรักระหว่างคนและปีศาจเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกจริงๆ!”
“หึ อย่างไรปีศาจก็ทำร้ายคน โจวเนี่ยนเซิงผู้นี้ไม่รู้ว่าอยู่กินร่วมกับปีศาจนานเท่าไรแล้ว ต่อให้ควบคุมปีศาจตัวนี้ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรปราณดั้งเดิมก็ต้องถูกกัดกิน!”
“ฮ่าๆๆ โจวเนี่ยนเซิง เจ้าโชคดีทีเดียว มีสตรีงดงามเดินเคียงข้างไปจนสุดทาง ทว่าปีศาจข้างกายเจ้าไม่มีทางโชคดีเช่นเจ้าแน่!”
ด้วยเจอกับเรื่องน่าแปลก มือปราบผีทั้งหน้าและหลังอดไม่ได้ที่จะสนทนากัน ทำให้โจวเนี่ยนเชิงกระชับมือที่จับกับสตรีนางนั้นแน่นยิ่งขึ้น
พักหลังนี้โจวเนี่ยนเซิงล้มหมอนนอนเสื่อ ร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน วันนี้ตายแล้วกลับรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานานแล้ว ได้จับมือกับนางเช่นนี้ สำหรับทั้งคู่แล้วนับว่าล้ำค่านัก
สตรีนางนั้นยิ้มให้โจวเนี่ยนเซิง
“ท่านโจวไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร เพียงน่าเสียดาย…ข้าเป็นเพียงปีศาจจิ้งจอก รู้จักการทำร้ายคนเท่านั้น ไม่รู้ว่าต้องช่วยคนอย่างไร ไม่มีหนทางของมรรคเซียนและไม่มียาวิเศษเลิศเลอ ตามหาเป็นพันเป็นหมื่นลี้ก็ยืดอายุขัยให้ท่านได้แค่ยี่สิบปีเท่านั้น…”
“รั่วเหนียง มีเจ้าเคียงข้างข้ามาหลายปีขนาดนี้ ข้าโจวเนี่ยนเซิงโชคดียิ่งกว่าบุรุษทุกคนในใต้หล้าแล้วละ!”
สองวิญญาณยังคงรักกันมาก ทว่ามือปราบผีจูงพวกเขาด้วยความเร็วสูง ไม่นานนักก็ถึงตรอกศาลเจ้าแล้ว ศาลหลักเมืองกำลังส่องแสงสีทองจางๆ ท่ามกลางกำยานลอยวน หมอกส่วนที่เข้มข้นที่สุดข้างใต้ศาลปราณเงาภายในศาลมืดเลือนรางแล้ว
ข้างหน้าปราณหยินหนาหนัก มองเห็นมือปราบผีภายในศาลมืดลอยไปมา โจวเนี่ยนเซิงรู้สึกได้ว่าสตรีข้างกายจับมือตนเองแรงขึ้นไม่น้อย
เข้าใกล้ศาลมืดสุดขีดแล้ว โจวเนี่ยนเซิงได้ยินเสียงร้องไห้ระลอกหนึ่งดังมาจากข้างบน
“ท่านโจว…รักษาตัวด้วย! ข้า…ไปส่งท่านมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
ครั้นพูดจบ วิญญาณของนางบิดเบี้ยวหลุดออกจากเชือกดึงวิญญาณ มีเพียงเสื้อกำมะหยี่สีขาวที่ถูกโซ่ล่ามไว้ ส่วนวิญญาณปีศาจลอยขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็ว
มือปราบผีทั้งสี่รู้สึกไม่ดีอย่างพร้อมเพรียงกัน
ชิ้ง…ชิ้ง…
ผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนชักดาบพร้อมกัน กลายร่างเป็นเงาลวงสีขาวไล่ตามวิญญาณปีศาจไป
“กล้านัก! ถึงหน้าศาลมืดแล้วยังกล้าวางแผนหนีอีก!”
ทูตดึงวิญญาณอีกคนหนึ่งปลดโซ่ล่ามเสื้อกำมะหยี่สีขาว ก่อนจะให้มันยืดยาวไปทางร่างของสตรีนางนั้น แต่พบว่าโซ่ไปถึงวิญญาณแล้วกลับเหมือนกระแทกหมอกขาวกลุ่มหนึ่งเสียอย่างนั้น
ประกายดาบของผู้ลาดตระเวนทิวาทั้งสองสว่างวาบในตอนนี้ ฟันดาบลงบนหมอกขาว กลับกลายเป็นอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง
“แย่แล้ว! ติดกับ!”
เสื้อกะมะหยี่สีขาวลอยออกไปไกลแสนไกล และเปลี่ยนร่างจากภายในเป็นสตรีนางนั้นอีกครั้ง
“ท่านโจวรักษาตัวด้วย…!”
เสียงอ่อนหวานดังมา ยิ่งทำให้มือปราบผีหลายคนที่ตอบสนองไม่ทันโมโหจนไม่อาจควบคุมได้
ผู้ลาดตระเวนทิวาปลดกระดิ่งเรียกวิญญาณที่เอวแล้วโยนใส่ในอากาศ ส่วนตัวเองกลายร่างเป็นเงาสีขาวตามวิญญาณปีศาจไป
กริ๊ง…กริ๊งๆๆ…
ด้วยพลังของกระดิ่งเรียกวิญญาณ ภายในศาลมืดได้รับสัญญาณเตือนแล้ว เจ้ากรมหยินหยางก้าวออกจากศาลมืดในทันที ดวงตาทั้งสองข้างกวาดมองเห็นกระดิ่งเรียกวิญญาณแล้วก็ตามผู้ลาดตระเวนทิวาไปโดยตรง
“ปีศาจกล้าเล่นเล่ห์ที่หน้าศาลเทพหลักเมืองจังหวัดจิงจีของข้า น่าขันยิ่งนัก!”
ตอนนี้ยิ่งมีเจ้ากรมบุญบาป เจ้ากรมปูนบำเหน็จ เจ้ากรมลงทัณฑ์ปรากฏตัวพร้อมกัน โคจรแสงธรรมตามปีศาจไปเช่นกัน
ทูตดึงวิญญาณทั้งสองมองโจวเนี่ยนเซิงซึ่งกำลังเป็นกังวลใจ ขณะเดียวกันก็หมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง