ตอนที่ 140 กฎไม่อาจก้าวข้าม แต่กลับไว้หน้ากันได้
คำพูดของจี้หยวนทำให้เจ้าที่เกิดความสงสารจากใจจริง เมื่อเขามองกวางขาว กลับเห็นมันยกสองขาหน้าขึ้นอย่างอดสู แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา
“เฮ้อ ใช้ไม่ได้ๆ แม่นางไป๋รั่วรีบลุกขึ้นเถอะ ข้ารับปากเจ้าก็ได้ แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน ถึงแม้เจ้านายเจ้าไปกับข้า เทพหลักเมืองจังหวัดจิงจีอาจไม่ไว้หน้าก็เป็นได้!”
เจ้าที่ใช้ไม้เท้าหวายเดินไปถึงกวางขาว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคุกเข่าลงอีก อย่างไรเสียก็เป็นกวางเซียน เจ้านายยังอยู่ข้างๆ นี่คงไม่ค่อยเหมาะสม
แม้ไป๋รั่วคุกเข่าไม่ได้แล้ว แต่ได้ยินเจ้าที่พูดเช่นนั้นยิ่งมีความสุข
“ขอบคุณท่านเจ้าที่ที่ยอมช่วยข้า วันนี้ข้าหวังเพียงได้พบท่านโจวอีกครั้ง หากใต้เท้าเทพหลักเมืองไม่ยอมเมตตา ไม่ว่าจะจับข้าขัดเกลาวิญญาณตรงนั้น ข้าก็ยินยอมพร้อมใจ ไม่มีทางกล่าวโทษท่านเจ้าที่แม้แต่นิดเดียวเจ้าค่ะ!”
ไป๋รั่วจดจำคำพูดของจี้หยวนก่อนหน้านี้ได้ขึ้นใจ คุกเข่าลงเล็กน้อยได้ แต่จะบีบบังคับเจ้าที่ไม่ได้เด็ดขาด ท่านช่วยข้าก็ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวง ซาบซึ้งและขอบคุณเท่านั้น อย่าได้บ่นว่า
กวางขาวพูดด้วยความจริงใจ เจ้าที่ได้ยินดังนั้นแล้วพยักหน้า ก่อนจะมองจี้หยวนและกระบี่เซียนที่ลอยอยู่ข้างหลังเขา กล่าวปลอบใจกวางขาวว่า
“กวางขาวน้อยวางใจเถอะ เทพหลักเมืองใจแข็งเหมือนหินก็จริง แต่มีข้าและเจ้านายเจ้าอยู่ด้วย จะคุ้มครองเจ้าออกมาไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก!”
สัตว์จะสำเร็จมรรคไม่ง่าย สัตว์ที่มีโอกาสได้มรรค ฝึกตน และมีอาจารย์เป็นของตัวเองยิ่งน้อยยิ่งกว่าน้อย แม้จิตใจกวางขาวจะขาดการสะสมมรรคไปส่วนหนึ่ง แต่กลับมีความจริงใจเพิ่มขึ้นมาหนึ่งร้อยส่วน เป็นผู้จริงใจท่ามกลางสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกอย่างแท้จริง
เจ้าที่ประทับใจปฏิกิริยานี้ ประทับใจยิ่งกว่าจี้หยวนอีก ถึงขนาดพูดได้ว่าไม่ยินยอมเห็นกวางขาวสะบั้นวิญญาณเทพฟ้าดินของรากฐานมรรค
เขามองจี้หยวนที่อยู่ข้างๆ เชื่อว่าจี้หยวนซึ่งเป็นเจ้านายอีกฝ่ายไม่มีทางไม่สนใจชีวิตของกวางขาวอย่างแน่นอน
‘คนผู้นี้คาดเดาไม่ได้ กระนั้นสุภาพมาก ด้วยนิสัยรักอิสระและสบายๆ เช่นนี้ มิน่าเล่าถึงสั่งสอนแม่นางกวางขาวที่แปลกประหลาดได้’
ทันทีที่เห็นทีท่าของเจ้าที่ กวางขาวขอบคุณด้วยความปีติ จี้หยวนซึ่งเป็น ‘เจ้านาย’ ย่อมกล่าวขอบคุณเช่นกัน เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง แล้วประสานมือขอบคุณเจ้าที่
“ขอบคุณเจ้าที่มีเมตตา จี้หยวนมาครั้งนี้นับว่าใช้อุบายอยู่บ้าง หวังว่าท่านเจ้าที่จะให้อภัยด้วย!”
“ท่านจี้ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเองก็นับว่าได้ฟังเรื่องราวความรักที่จริงใจและแท้จริงเรื่องหนึ่ง ไม่ถือว่าเสียเปรียบ ก็แค่เกียรติเล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่ถือหรอก ไปเถอะ พวกเราไปศาลมืดกันตอนนี้เลยดีกว่า!”
“เช่นนั้นดีที่สุด พวกเราออกเดินทางตอนนี้เลย!”
จี้หยวนตอบตกลงทันที กวางขาวยิ่งตื่นเต้นหนัก
ออกเดินทางที่เจ้าที่ว่า แน่นอนว่าไม่ใช่เดินออกจากจวนที่มีรากต้นหวงถู่เต็มไปหมดนี้ไปยังศาลหลักเมือง ทว่าเคาะไม่เท้าหวายบนพื้นเบาๆ ครั้งหนึ่ง
จี้หยวนและกวางขาวรู้สึกตาลายอยู่บ้าง ราวกับเสียการทรงตัวไปครู่หนึ่ง ครั้นแสงสีเหลืองสว่างวาบ พวกเขาก็ปรากฏตัวข้างนอกศาลหลักเมืองในตรอกศาลเจ้าแล้ว
ศาลหลักเมืองตั้งอยู่ในตรอกศาลเจ้า ส่วนศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ระหว่างทั้งสองศาลมีตรอกกั้นอยู่เจ็ดหรือแปดตรอก หากเจ้าที่ไม่มีความชำนาญในการโคจรกำยานเช่นเทพหลักเมือง เช่นนั้นก็ไม่สมควรเป็นวิญญาณเทพภูผาธาราแล้ว
เมื่อถึงด้านนอกศาลหลักเมือง จี้หยวนมองเจ้าที่ อีกฝ่ายยิ้มให้เขา
“ท่านจี้อยากให้ข้าเป็นคนพูดกระมัง!”
“หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ดียิ่งนัก!”
นั่นย่อมดีกว่าจี้หยวนเอ่ยปากเองมาก
ยามราตรีเป็นเวลาทำงานของศาลมืดเช่นกัน ขณะที่พวกเขาพูดกันมีมือปราบผีปรากฏตัวแล้ว เขาย่อมรู้จักเจ้าที่ ส่วนคนที่ยิ้มพลางสนทนากับเจ้าที่ได้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“คารวะเจ้าที่ คารวะท่านเซียน ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมีธุระอะไรหรือ”
เจ้าที่ยกไม้เท้าหวาย ชี้ไปยังกวางขาวที่ศีรษะทอแสงและมีท่วงทำนองวิญญาณไหลเวียน
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าพานักโทษที่หนีไปเมื่อสองวันก่อนมาแล้ว แต่นางกลับไม่ใช่ปีศาจร้าย เป็นกวางเซียนพาหนะที่หายไปของท่านเซียนผู้นี้ ตอนนี้ข้ากับท่านเซียนร่วมกันนำผู้ทำความผิดมาที่นี่ หวังว่าเจ้าหน้าที่จะบอกกล่าวใต้เท้าเทพหลักเมืองให้สักคำ!”
มือปราบผีผู้นี้ตกตะลึงในทันที เรื่องก่อนหน้านี้ทั้งศาลมืดล้วนรู้ เขาเองก็รู้เช่นเดียวกัน กวางขาวตัวนี้ไหนเลยจะมีปราณของปีศาจร้าย กลับมีท่วงทำนองวิญญาณมากมายเสียด้วยซ้ำ แค่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นสัตว์เซียน
“เจ้าที่และท่านเซียนรอสักครู่ ข้าจะไปบอกใต้เท้าเทพหลักเมืองเดี๋ยวนี้!”
เรื่องนี้เขาไม่กล้าพูดว่าจะไปบอกใต้เท้าผู้พิพากษา ชัดเจนว่าต้องให้ใต้เท้าเทพหลักเมืองออกโรงด้วยตัวเอง แต่ถึงปากจะพูดเช่นนั้น คนที่เขาได้พบกลับเป็นผู้พิพากษา
ภายในศาลมืดของศาลหลักเมือง ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นและบู๊มองมือปราบผีที่มารายงานด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าที่กับเซียนผู้หนึ่งมาด้วยกัน? กวางเซียนตัวนั้นก็คือนักโทษเมื่อสองวันก่อน?”
“เจ้าที่พูดเช่นนั้นขอรับ!”
ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นและบู๊สบตากันครั้งหนึ่ง
“มิน่าเล่าผู้ลาดตระเวนทิวาบอกว่าปีศาจตนนั้นถูกพวกเราจู่โจมแล้วกลับไม่โต้ตอบ ตอนหลบนี้ก็ไม่โต้ตอบเช่นกัน เห็นทียามฝึกตนถูกควบคุมไม่มากก็น้อย”
“ไปบอกใต้เท้าเทพหลักเมืองก่อน เรื่องนี้พวกเราไม่เหมาะจะตัดสินใจ!”
“ถูกต้อง”
ผู้พิพากษาทั้งสองลุกขึ้นเดินไปตำหนักหลักของศาลมืด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เจ้าที่และจี้หยวน ไปจนถึงกวางขาวถูกนำเข้าไปด้านในของศาลมืดแล้ว
เทพหลักเมืองจังหวัดจิงจี ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ อีกทั้งผู้ลาดตระเวนทิวาสองคนก่อนหน้านี้รอต้อนรับพวกเขาอยู่ตรงทางเข้าศาลมืด จากนั้นก็ไปยังตำหนักหลักของศาลหลักเมืองด้านในศาลมืด ไม่มีทีท่าว่าจะดุร้ายต่อผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด
ตำหนักหลักใกล้เคียงกับที่อิ๋นจ้าวเซียนบรรยายไว้ จังหวัดจิงจีแห่งนี้ต่างจากศาลข้างนอกไม่มาก ต่างกันเพียงแค่การจัดวาง
นี่เป็นศาลมืดในตำนานแรกที่จี้หยวนเคยเข้ามา ปราณหยินคุลมเครือ รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจและบาปกรรมทุกรูปแบบกระจายอยู่ทั่วทุกแห่ง ฝ่ายกวางขาวเครียดเกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านไปไม่นานนัก เทพใหญ่ยี่สิบสี่กรมมาแล้วอย่างน้อยยี่สิบกรม
เทพหลักเมืองนั่งเก้าอี้ประธาน เจ้าที่และจี้หยวนนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนคนที่เหลือนั่งประจำที่กันหมดแล้ว บรรยากาศนี้ทำให้กวางขาวอึดอัดไม่สบายใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว คอยหันมองจี้หยวนและเจ้าที่อยู่เนืองๆ พวกเขาจึงขยิบตาเป็นการบอกให้นางวางใจ
จี้หยวนและเจ้าที่ส่งสายตาให้กันหลายรอบ พวกเขาล้วนรู้ดี จะกลัวก็แต่ถูกปฏิเสธท่าเดียว เริ่มตอนนี้น่าจะมีโอกาสยิ่งกว่า
เทพหลักเมืองจังหวัดจิงจีดูเหมือนชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา สูงส่ง สง่างามไม่ธรรมดา หลังจากทักทายเจ้าที่และจี้หยวนแล้ว ถึงจะถามความอย่างจริงจัง
เจ้าที่สบตากับจี้หยวนอีกครั้งหนึ่ง ให้เขาเอ่ยปากก่อน
“เรื่องนี้ต้องเล่าจากข้าทำให้ปีศาจหนีไปก่อนหน้านี้ ตอนนั้นปีศาจหายไปภายใต้การครอบคลุมของตาข่ายกักวิญญาณ ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีผู้วิเศษช่วยนางอยู่…จนกระทั่งพบท่านจี้…”
ตอนเจ้าที่เล่าเรื่อง จี้หยวนคอยเสริมอยู่ข้างๆ เสมอ ทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างช้าๆ
เจ้ากรมต่างๆ ของศาลหลักเมืองวิจารณ์และมองตากันอยู่เรื่อยๆ ส่วนเทพหลักเมืองมุ่นคิ้วครุ่นคิดตลอดเวลา เมื่อจี้หยวนและเจ้าที่พูดจบ ภายในตำหนักใหญ่เงียบสงัดทันที ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบกระซาบ
“พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”
หลังจากเงียบอยู่นาน เทพหลักเมืองเอ่ยปากถามเจ้ากรมทุกคน
“กฎไม่อาจก้าวข้าม ควรลงโทษก็ต้องลงโทษ ทว่าศาลมืดของพวกเราก็ใช่ว่าไร้น้ำจิตน้ำใจ ตรงไหนยกโทษได้ก็สมควรพิจารณา!”
“ถูกต้อง ลงโทษคนชั่ว ให้รางวัลคนดี อย่าได้ชักช้า!”
“ใช่ๆ โจวเนี่ยนเซิงผู้นั้นทำความดีในชาตินี้ ต้องมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นชนิดแยกไม่ออกกับกวางเซียนแน่นอน!”
“ข้าเห็นด้วย วันนั้นกวางตัวนี้รีบร้อน อยู่ในสถานการณ์คับขัน ทว่าไม่ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาลมืดของพวกเราสักนิด แค่นี้ก็พอจะทำให้รู้นิสัยของนางแล้ว!”
“อืม…คิดถึงสามีจนยอมรับความทรมานอย่างการขัดเกลาวิญญาณก็น่ายกย่องเช่นกัน!”
…
ตั้งแต่กรมปูนบำเหน็จ กรมลงทัณฑ์ ไปจนถึงกรมหยินหยางและกรมบุญบาปของศาลมืด เจ้ากรมทุกคน ‘ยึดมั่นในกฎเกณฑ์’ แต่กลับเผยท่าที ‘กฎช่างมัน รักษาน้ำใจก่อน’ อยู่ตลอด
กวางขาวไม่โง่ ทุกครั้งที่มีเจ้ากรมต่างๆ เอ่ยปากร้องขอแทนนาง นางก็จะก้มศีรษะกวางแทนคำขอบคุณให้อีกฝ่าย
เทพหลักเมืองเห็นเจ้ากรมทุกคนแทบจะเห็นใจกวางขาวตัวนี้กันหมด มุมปากปรากฏรอยยิ้มเช่นกัน เห็นทีปกติเขาคงเข้มงวดเกินไป ทำให้เจ้ากรมเหล่านี้คิดว่าใจจริงของเขาเทพหลักเมืองจะทำจากหินกระมัง
“เอาละ ข้าตัดสินใจแล้ว!”
เมื่อเทพหลักเมืองพูดขึ้น เสียงหารือทั้งหมดเงียบหายไป จี้หยวนและเจ้าที่นั่งตัวตรงด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด กวางขาวยิ่งก้มศีรษะลงต่ำไม่กล้ามองเทพหลักเมือง
“รับแส้ชุบวิญญาณสองร้อยหกสิบครั้ง ถือเป็นการลงโทษ หากทนได้จะอนุญาตให้อยู่ร่วมชายคาเดียวกับโจวเนี่ยนเซิง”
เทพหลักเมืองพูดจบ โดยรอบพลันตกตะลึง
“ซี้ด…สองร้อยหกสิบครั้ง ใต้เท้าหลักเมือง…นี่มากเกินไปกระมัง…”
“ใช่แล้วใต้เท้าเทพหลักเมือง ทำเช่นนี้กวางขาววิญญาณแตกสลายแน่!”
เจ้ากรมศาลมืดทุกคนพากันขอความเมตตา จี้หยวนและเจ้าที่แม้ไม่เข้าใจ แต่กลับรู้ว่าการลงโทษนี้หนักมากจริงๆ
ทว่าเทพหลักเมืองยิ้มและยกมือขึ้นหยุดเสียงจอแจ ก่อนจะมองไปทางกวางขาวที่อยู่ข้างหน้า
“มรรควิถีของเจ้านับว่าไม่เลว วิญญาณปีศาจน่าจะแข็งแกร่งทีเดียว แต่ข้าบอกได้เลยว่าวิญญาณปีศาจของเจ้าทนแส้ชุบวิญญาณได้มากที่สุดสองร้อยครั้ง หลังจากนั้นทุกครั้งจะเจ็บเหมือนต้องตายตก ยังอยากเจอโจวเนี่ยนเซิงอยู่หรือไม่”
เทพหลักเมืองลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้กวางขาวตัวนั้น
“หากเจ้านึกเสียดายตอนนี้ ข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้าที่และท่านจี้ ไม่กักขังและยินยอมให้เจ้าจากไป! ไป๋รั่ว เจ้าบอกข้าที ยังอยากเจอโจวเนี่ยนเซิงอยู่หรือไม่”
เจ้าที่มองแววตาของกวางขาว ในใจกล่าวว่าแย่แล้ว ครั้นอยากลุกขึ้นพูดกลับถูกจี้หยวนจับแขนไว้ อีกฝ่ายส่ายหน้าให้เขา
เป็นดังที่คาดไว้ กวางขาวน้ำตาคลอ ทว่าตัดสินใจแน่วแน่
“อยากเจ้าค่ะ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ…ดี อายุขัยวิญญาณของโจวเนี่ยนเซิงคือยี่สิบหกปี แต่ละปีเจ้ารับแส้สิบครั้ง หากทนไม่ไหวก็จากไปเป็นอย่างไร”
เทพหลักเมืองพูดหลังหัวเราะเสียงดัง
ผีสางเทวดาทั้งหมดในที่นี้ต่างก็ชะงักค้างไปชั่วขณะ เป็นจี้หยวนและเจ้าที่ที่เผยรอยยิ้มออกมาก่อน พอเห็นกวางขาวยังคงงุนงง จี้หยวนจึงรีบกล่าวกับนางว่า
“ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณใต้เท้าเทพหลักเมืองที่มีเมตตาอีก!”
กวางขาวได้ยินแล้วตอบสนอง คุกเข่าและก้มศีรษะลง แปลงกายเป็นร่างสตรีในชุดขาวคารวะเทพหลักเมืองไม่ยอมหยุด จากนั้นค่อยกล่าวขอบคุณจี้หยวน เจ้าที่ ไปจนถึงเจ้ากรมทุกคนจากใจจริง จิตวิญญาณแจ่มใสเพราะความปีติและตื่นเต้น ท่วงทำนองวิญญาณสายหนึ่งยิ่งเด่นชัดกว่าเดิม