เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 149 นิมิตมงคล

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 149 นิมิตมงคล

คนอื่นๆ ในงานเลี้ยงยังคงชนจอกสุรา ส่วนจิ้นอ๋องเดินไปถึงข้างกายของหลี่มู่ซู อาจารย์ของตนเองอย่างเงียบเชียบ

“อาจารย์ คืนนี้ทางพี่ใหญ่เหมือนจะทำให้เสด็จพ่อไม่พอใจ พระองค์ถึงได้มาที่จวนของข้า…”

“ชู่…จิ๋นอ๋องไม่ต้องพูดแล้ว ท่านทำเป็นไม่รู้ดีกว่า”

หลี่มู่ซูมองไปทางฮ่องเต้ เสียงพูดแผ่วเบาทว่าหนักแน่น จิ๋นอ๋องเชื่อเขาเป็นอย่างยิ่ง

“จริงสิ อิ๋นเจี้ยหยวนคุ้นชินกับงานเลี้ยงของข้าหรือยัง”

จิ้นอ๋องหันไปมองอิ๋นจ้าวเซียนที่อยู่ข้างๆ หลี่มู่ซู อย่างน้อยดูจากสีหน้าเขาไม่ได้ระแวงมากแล้ว

อิ๋นจ้าวเซียนรีบวางตะเกียบลงแล้วประสานมือให้จิ้นอ๋อง

“ขอบคุณท่านอ๋องที่เชิญข้า อาหารและสุราล้วนเลิศรสทั้งสิ้น ทว่าเก้าอี้ตัวนี้ร้อนลวกเสียแล้ว…”

เห็นอิ๋นจ้าวเซียนพูดเล่นได้แล้ว จิ้นอ๋องยิ้มพลางพยักหน้าตาม

“อิ๋นจ้าวเซียนไม่ต้องเกร็ง ทั้งเมืองหลวงและราชสำนักล้วนรู้นิสัยข้า สหายที่ข้าเชิญมาไม่มีใครมีตำแหน่งขุนนางสำคัญอะไร ไม่ถือว่าเป็นการตั้งพรรคพวกเพื่อประโยชน์ส่วนตน ฐานะของเจ้าในตอนนี้ย่อมเข้าร่วมพรรคพวกของข้าไม่ได้”

คำพูดนี้ออกจากปากของจิ้นอ๋อง อิ๋นจ้าวเซียนฟังแล้วร้อนลวกที่แผ่นหลัง แต่อย่างไรก็สบายใจขึ้นบ้าง

“ฮ่าๆ พูดถึงเก้าอี้ร้อนลวก นักเล่าเรื่องทางนั้นเก่งกาจยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก”

อิ๋นจ้าวเซียนถือโอกาสมองไปยังโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดจั้ง ชัดเจนว่านักเล่าเรื่องผู้นั้นไม่กล้าดื่มชาเลยด้วยซ้ำ

ขณะนี้ฮ่องเต้ไม่รู้โดยสิ้นเชิง ตามความคิดของคนทั่วไป ในห้องจัดเลี้ยงมีเทพเซียนสองคน และเขากำลังถามนักเล่าเรื่องว่าหลังจากมนุษย์ตายแล้วจะเป็นอย่างไร

“ท่านหวังรู้หรือไม่ว่าหลังจากคนตายแล้วจะไปศาลมืดจริงหรือไม่ ศาลมืดอยู่ที่ใด”

นักเล่าเรื่องมีนามว่าหวังลี่ เขาเผชิญหน้ากับฮ่องเต้เป็นเวลานานแล้ว ซึ่งเหนื่อยเสียกว่าแสดงฝีปากเล่าเรื่องหลายเรื่องเสียอีก ที่สำคัญคือตอนนี้ว้าวุ่นใจ ไม่กล้าพูดปดแม้แต่ครึ่งเดียว

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเคยได้ยินว่าศาลมืดเป็นที่อยู่ของวิญญาณ ก่อนคนตายจะมียมทูตดำมานำทาง แต่ความจริงแล้วอยู่ที่ใดมนุษย์ทั่วไปไม่มีใครรู้ กระนั้นได้ยินว่าเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเทพหลักเมืองในทุกๆ ที่อยู่บ้าง ในเรื่องเล่าของชาวบ้าน เทพหลักเมืองและเทพใหญ่ต่างๆ จะตัดสินความสำเร็จในชีวิตของบุคคลและกำหนดผลลัพธ์หลังความตาย ถึงอย่างไรเสียในศาลก็มีผู้พิพากษาพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ลูบเคราพลางดื่มสุราในมือ ส่วนในใจคิดใคร่ครวญเรื่องต่างๆ จากนั้นถามนักเล่าเรื่องด้วยรอยยิ้ม

“ข้าเองก็เคยอ่านตำราและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย เทพหลักเมืองช่วยจัดตั้งศาลให้ชาวบ้านเช่นกัน อีกทั้งมีขุนนางผู้มีคุณธรรมและความสามารถของราชวงศ์ตายแล้วไล่ตามบัญชา ในเวลานั้นฮ่องเต้เจิ้งหยวน บรรพบุรุษของข้าเคยออกราชโองการสั่งให้เทพหลักเมืองปรากฏกาย แต่ในศาลเต็มไปด้วยรูปปั้นดินเหนียว ไหนเลยจะมีเทพตัวจริงปรากฏ”

นักเล่าเรื่องไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรโดยสิ้นเชิง เขาผู้นี้ท่องเที่ยวไปทั่วเพื่อเสาะหาเรื่องราว มีประสบการณ์พิเศษอยู่บ้างเช่นกัน ทว่าตอนนี้ไม่กล้าทั้งวิจารณ์คำพูดของฮ่องเต้ และไม่กล้าวิจารณ์ตัวฮ่องเต้ด้วย

ฮ่องเต้ถามอีกว่าภูเขาเซียนที่มีชื่อเสียงในเรื่องเล่าเหล่านั้นมีเซียนจริงๆ หรือไม่ ในแม่น้ำและมหาสมุทรมีวังมังกรจริงหรือไม่ มีวิธีเรียกเทพเซียนมาพบบ้างหรือไม่ แต่ต่อให้นักเล่าเรื่องมีประสบการณ์มากเพียงใด หรือเล่าเรื่องสนุกเพียงใด สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ บทสนทนาหลังจากนั้นจึงทำให้ฮ่องเต้ไม่ค่อยพอใจแล้ว

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดฮ่องเต้ก็ปล่อยนักเล่าเรื่องไป สั่งคนย้ายฉากกันลมไว้ที่เดิม และให้นักเล่าเรื่องเล่าเรื่องต่อไป

มังกรเฒ่ายิ้ม

“ท่ามกลางมนุษย์ คนผู้นี้นับว่ามีความรู้มากแล้ว ตอบคำถามเกี่ยวกับผีสางนางไม้ได้ตรงจุด”

ฮ่องเต้ไม่พอใจกับคำตอบคลุมเครือของนักเล่าเรื่อง แต่จี้หยวนและมังกรเฒ่ากลับพิจารณานักเล่าเรื่องในอีกแง่มุมหนึ่ง อย่างมีถิ่นที่ ‘ผีร้ายรังควานขอน้ำและข้าว’ วิธีการดั้งเดิมอย่าง ‘ตั้งตะเกียบบนข้าว’ แล้วหันหลังสาดออกไปนอกบ้าน นักเล่าเรื่องผู้นี้ก็อธิบายได้น่าสนใจมาก

จี้หยวนยิ้มเช่นกัน

“น่าเสียดายที่สิ่งที่ฮ่องเต้อยากรู้ไม่ใช่วิถีของชาวบ้าน เขาต้องการรู้หนทางสู่การเป็นเซียน อยากจะเป็นอมตะ!”

“ฮ่าๆ โลกมนุษย์มีสถานที่ดีๆ ให้เขาไปได้ แต่กลับไม่พอใจ นี่สินะประมุขของมวลมนุษย์!”

มังกรเฒ่าพูดต่อจากจี้หยวน ทว่าไม่ได้มีเจตนาถากถางอะไร อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องจริง

ฮ่องเต้กลับไปกินอาหารและดื่มสุรา มีอาหารสดใหม่ร้อนๆ ส่งออกมาจากหลังครัวอย่างต่อเนื่อง

ต้าเจินมีประเพณีโต้รุ่งในคืนส่งท้ายปีเก่า เช่นที่จวนจิ้นอ๋องแห่งนี้มีสุรา มีอาหาร มีการแสดง งานเลี้ยงต้องดำเนินต่อไปจนถึงยามจื่อ หลังครัวก็ต้องทำงานจนถึงยามจื่อเช่นเดียวกัน เพราะอาหารที่ท่านอ๋องและฮ่องเต้ใช้ตะเกียบคีบกินต้องร้อนเสมอ

เมื่อถึงปลายยามไฮ่ จี้หยวยรู้สึกถึงลมปราณตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน เห็นได้ชัดว่าชั่วขณะเปลี่ยนผ่านจากเก่าเป็นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงจริงๆ

“ถึงเวลาแล้ว ทำความเคารพ!”

มีข้ารับใช้ตะโกนเสียงดังที่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงนี้ แม้จะเป็นฮ่องเต้ก็ยังต้องวางตะเกียบลง เสียงพิณให้ห้องค่อยๆ เงียบลงเช่นกัน รอคอยปีใหม่มาถึง

จี้หยวนและมังกรเฒ่าออกไปอยู่ข้างนอกเรือนแล้ว ฝ่ายแรกเบิกตาโพลงมองฟ้าดิน ท่ามกลางความมืดสลัวมีปราณพิสุทธิ์รวมกลุ่มกันลอยขึ้น ส่วนปราณสกปรกลอยต่ำลงและหายไป ราวกับระหว่างฟ้าดินเกิดที่ว่างใหม่ และราวกับปราณพิสุทธิ์แขวนอยู่บนเมฆสูง เกิดเป็นภาพเหมือนเปิดม่าน

ปราณของคนทั้งจังหวัดจิงจีลอยขึ้นเช่นกัน คล้ายกับจู่โจมความมืดสลัวที่กลางอากาศ ทำให้ปราณพิสุทธิ์และสปกรกพัดม้วน

“ที่แท้นี่ก็คือบอกลาเก่าต้อนรับใหม่!”

จี้หยวนทอดถอนใจกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก

มังกรเฒ่าเบิกตามองท้องฟ้าและพื้นดินเช่นกัน แต่อย่างมากที่สุดรู้สึกใจหวิวแปลกๆ เขารับรู้ได้ว่าสิ่งที่จี้หยวนเห็นแตกต่างกับสิ่งที่ตนเองเห็นอย่างชัดเจน แต่ถามว่าอีกฝ่ายเห็นอะไรกันแน่คงไม่เหมาะสมเท่าไร

ปังๆๆๆๆ…

เสียงประทัดเริ่มดังขึ้นในเมือง อีกทั้งหนาแน่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่หน้าประตูจวนจิ้นอ๋องก็มีข้ารับใช้จุดประทัดยาวเหยียดเช่นกัน

ยุคสมัยนี้อาจจะยังไม่มีพลุ ไม่เช่นนั้นท้องฟ้าเหนือจังหวัดจิงจีจะต้องงดงามไม่ธรรมดาเป็นแน่

ชื่นชมการเปลี่ยนแปลงฟ้าดินนานทีปีหนนั้นแล้ว ปราณห้าธาตุภายในร่างกายจี้หยวนถูกชักนำจนปั่นป่วนเช่นกัน ขณะหายใจถึงขนาดมีสีสันห้าสีปรากฏที่ดวงตา หู ปาก จมูก และทวารอื่นๆ เพลิงสมาธิในเตาโอสถเขตแดนมีความร้อนเอ่อออกมา ทำให้ในจวนจิ้นอ๋องตอนนี้อบอุ่นเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ

มังกรเฒ่าเดินห่างออกไปสองก้าว สีหน้าประหลาดใจปรากฏ

มิน่าเล่าจี้หยวนผู้นี้ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมไปวังน้ำ ที่แท้การเปลี่ยนแปลงจากการเข้าสู่ปีใหม่เช่นนี้ก็นำมาฝึกตนได้ เป็นผู้วิเศษที่มีวิชามหัศจรรย์โดยแท้ ไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนเลย

และความร้อนระลอกนี้แม้เป็นเพียงความอบอุ่น กลับซ่อนความรู้สึกที่ทำให้ร่างมังกรแท้ประหวั่นพรั่นพรึงอยู่บ้าง คล้ายกับเป็นวิชาแปลกประหลาดที่ร้ายกาจวิชาหนึ่ง

กระบี่เครือเขียวลอยขึ้นฟ้าเองตั้งนานแล้ว และดูเหมือนว่าจะมองเห็นสิ่งเดียวกันภายใต้การเชื่อมโยงกับจิตใจของจี้หยวน มันบินฉวัดเฉวียนกลางท้องฟ้า จับปราณพิสุทธิ์แทนจี้หยวน เมื่อกระบี่เซียนปั่นป่วนขอบฟ้าแล้วรอบหนึ่ง ทันใดนั้นมีปราณเมฆาผืนหนึ่งคล้อยต่ำลงมา

แม้จะไม่มีค่าเมื่ออยู่ระหว่างฟ้าดิน แต่กลับมีปราณอันเป็นเอกลักษณ์พัดม้วนอยู่ในนั้น

หมากหลายตัวปรากฏขึ้นแล้ว ปราณเมฆาถูกพวกมันดึงดูดและนำทางเข้าสู่ร่างกายของจี้หยวนอย่างรวดเร็ว อีกทั้งไหลสู่ภูผาธาราแห่งเขตแดน ก่อนจะถูกชักนำโดยเตาหลอม

เพลิงสมาธิในเตาก็เหมือนเตาไฟธรรมดาที่เต็มไปด้วยอากาศหายใจ ส่งเสียงดังโครมครามแล้วค่อยเอ่อออกมาจากดวงตาดาราของตัวเตาเอง

วินาทีนี้ความร้อนรอบกายจี้หยวนเพิ่มมากขึ้น แม้แต่มังกรเฒ่าก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ หิมะกลางลานในจวนจิ้นอ๋องละลายไปมากทีเดียว…

“เทศกาลตรุษจีน วันแรกของวสันตฤดู ปราณพิสุทธิ์นำมาซึ่งปีใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างเจริญเติบโต!”

มังกรเฒ่ายังอยู่ในความตื่นตะลึง กลับได้ยินจี้หยวนกล่าวอะไรแปลกๆ ออกมา

ราวกับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง มังกรเฒ่าก้มหน้ามองข้างกาย พบว่าในสวนดอกไม้กลางจวนอ๋องนั้น พืชบางจำนวนหนึ่งแตกหน่อและเติบโตในช่วงเวลาสั้นๆ บางชนิดก็ผลิดอกตูมด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อีกทั้งกำลังจะผลิบาน

“ท่านจี้ นี่ท่าน…”

มังกรเฒ่ายังกล่าววาจาอันเกิดจากความพรั่นพรึงไม่จบ กลับมีข้ารับใช้จวนอ๋องที่ผ่านมาส่งอาหารพลันร้องเสียงแหลม

“อ๊า! ดอกไม้ในสวนบานหมดแล้ว! ดอกไม้บานเต็มเลย สวนดอกไม้ จริงๆ นะ…อ๊า!”

สาวใช้นางนี้พูดจาติดขัด จากนั้นมีข้ารับใช้ถือโคมเข้ามามองดู พบว่าสวนดอกไม้เขียมชอุ่ม ถึงขนาดมีดอกไม้แดงเบ่งบาน

“จริงด้วย!”

“ดอกไม้บ้านจริงๆ!”

“นิมิตมงคลจากสวรรค์ นิมิตมงคลจากสวรรค์!”

เสียงร้องของเหล่าข้ารับใช้ดังเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงรางๆ ทว่าข้างในเสียงดังกว่า คนที่อยู่ข้างในจึงฟังไม่รู้เรื่อง

ข้ารับใช้จวนตนเองร้องเสียงดังในวันเช่นนี้ยิ่งทำให้จิ้นอ๋องขมวดคิ้วมุ่น ด้วยกลัวว่าเสด็จพ่อจะไม่พอใจ

แต่ยังไม่ทันได้กล่าวตำหนิ พ่อบ้านประจำจวนวิ่งสั้นๆ เข้ามาในห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะบอกถึงเหตุผลที่เหล่าข้ารับใช้ตื่นเต้น

ฮ่องเต้หยวนเต๋อลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก

“มีเรื่องพรรค์นี้ด้วยหรือ”

คนอื่นๆ มีสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน พ่อบ้านผู้นั้นกลับรับรองเต็มปากเต็มคำ

“ทูลฝ่าบาท เรียนท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นความจริง เพียงเปิดประตูออกไปเห็นก็จะรู้พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเรื่องลวงก็ควักสมองกระหม่อมไปได้เลย!”

“ดี! เช่นนั้นพวกเราไปดูกัน!”

ไม่ว่าเป็นฮ่องเต้หรือแขกเหรื่อ ทุกคนพากันลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ได้

“ฝ่าบาท คลุมเสื้อคลุมด้วยเพคะ!”

ฮองเฮารับเสื้อคลุมตัวใหญ่ของฮ่องเต้มาจากข้ารับใช้ ฝ่ายหลังรีบร้อนคลุมเสื้อแล้วเร่งฝีเท้าไปที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง คนอื่นย่อมไม่กล้าเดินนำหน้าฮ่องเต้

ข้ารับใช้จวนอ๋องถือโคมส่องแสงอยู่ข้างหน้า แขกทุกคนตามอยู่ข้างหลัง ผ่านไปเจ็ดแปดลมหายใจก็เข้าสู่สวนดอกไม้

พอมองไปข้างหน้า พวกเขาเห็นหิมะในสวนละลายไปแล้ว แทนที่ด้วยสีเขียวสดชื่น ยิ่งมีดอกไม้แดงแข่งกันส่งกลิ่นหอมด้วย

“มีเรื่องพรรค์นี้จริงๆ มีเรื่องพรรค์นี้จริงๆ!”

ฮ่องเต้พึมพำกับตนเองด้วยความประหลาดใจ แขกเหรื่อข้างๆ ก็สะท้านใจอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน

“ฝ่าบาท นี่คือนิมิตมงคลจากสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ!”

“เป็นนิมิตมงคลจากสวรรค์จริงๆ!”

“วันนี้มางานเลี้ยงไม่เสียเที่ยวเลย!”

“ยินดีกับฝ่าบาท ยินดีกับท่านอ๋อง!”

“สวรรค์ให้พรต้าเจินของพวกเรา!”

ท่ามกลางเสียงอวยพร ฮ่องเต้คล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้ ครั้นมองไปรอบๆ แล้วถึงตะโกนเสียงดัง

“ข้าฮ่องเต้หยวนเต๋อแห่งต้าเจิน หากมีเทพอยู่ที่นี่ ข้าหวังให้ท่านปรากฏกายสักครั้ง และข้าจะสร้างศาล ทำให้ท่านได้เพลิดเพลินกับกำยานบนโลกมนุษย์ตลอดไป”

จี้หยวนและมังกรเฒ่าที่อยู่ห่างกับฮ่องเต้หยวนเต๋อเพียงแค่คืบฟังแล้วชะงักงัน ฝ่ายหลังหัวเราะร่าพลางมองจี้หยวน ส่วนฝ่ายแรกส่ายหน้าอย่างจนใจ

“ไปเถอะๆ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว”

จี้หยวนพูดก่อนจะเดินไปหาอิ๋นจ้าวเซียนซึ่งออกมากับคนอื่นๆ จากนั้นดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ปราณพิสุทธิ์หย่อมเล็กๆ ที่เหลือกรอกเข้าสู่หน้าผากของอีกฝ่าย ทำให้ปราณดั้งเดิมผ่องใสขึ้นมาก

เดิมทีอิ๋นจ้าวเซียนประหลาดใจเพราะการเปลี่ยนแปลงในสวนดอกไม่อยู่แล้ว ทันใดนั้นคล้ายกับถูกน้ำแร่สะอาดสาดใส่ร่างกาย เขาไม่รู้สึกหนาว เพียงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าไปทั้งตัว

ครั้นปราณดั้งเดิมปะทุ นัยน์ตาเริ่มพร่าเลือน เขาเห็นคนสองคนเดินห่างออกไปไกลรางๆ เงาหลังคุ้นตาอยู่บ้าง

เมื่อตั้งใจมองดูอีกครั้ง ความรู้สึกเลือนรางหายไปแล้ว ตรงหน้ายังคงเป็นอาคารของจวนอ๋อง ไม่มีเงาหลังอะไรนั่น

“ท่านจี้หรือ”

หลี่มู่ซูที่อยู่ใกล้เขาได้ยินเสียงพึมพำ จึงหันข้างไปมองอิ๋นจ้าวเซียน เพียงรู้สึกว่าอีกฝ่ายแช่มชื่น แจ่มใสไม่เหมือนก่อนหน้านี้

ส่วนเสียงตะโกนของฮ่องเต้นั้น ไม่มีเทพองค์ใดตอบรับ

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท