ตอนที่ 160 ค้างบนเขาเมฆา
ไม่ว่ายากจะเชื่อแค่ไหน แต่สุดท้ายผู้มาถึงภายในศาลก็มีแค่นกกระดาษน้อยตัวนี้เท่านั้น ธิดามังกรครุ่นคิดเล็กน้อย พันเส้นผมของจี้หยวนรอบตัวนกกระดาษใหม่อีกครั้ง
รอธิดามังกรออกจากโถงหลักของศาลเจ้า หลังจากธิดามังกรออกไปประตูทางเข้าโถงปิดเองเบาๆ คนเฝ้าศาลทั่วศาลเทพแม่น้ำไม่มีใครเห็นสักคน
ธิดามังกรเดินลงน้ำข้างศาลเจ้า ไม่ได้ใช้ร่างมังกรแหวกว่าย แต่ใช้ร่างคนว่ายตามกระแสน้ำลงก้นแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางนางยังสังเกตนกกระดาษซึ่งถูกตนใช้ฟองอากาศห่อหุ้มโดยละเอียด
แน่นอนว่าธิดามังกรไม่รู้ชื่อที่ถูกต้อง แค่คิดว่าเป็นนกกระดาษน้อยน่ามองตัวหนึ่ง นางถึงขั้นมีความคิดอยากลองดูว่านกกระดาษตัวนี้จะเปียกน้ำหรือไม่ แต่ยังข่มกลั้นไว้
ในฐานะเทพแม่น้ำเทียมฟ้า ความเร็วในการแหวกว่ายของนางรวดเร็วนัก ไม่นานก็กลับมาถึงจวนบาดาล
ธิดามังกรเก็บนกกระดาษเข้าแขนเสื้อ รีบเดินไปด้านหลังตำหนักจวนบาดาล ผ่านประตูเรือนหลายบาน มาถึงหน้าประตูถ้ำหินใต้น้ำแห่งหนึ่งซึ่งมืดสลัวอยู่บ้าง
ตรงนั้นมียักษ์หน้าเขียวถือทวนสองตนยืนอยู่ เมื่อเห็นธิดามังกรเดินมา พวกเขาค้อมตัวประสานหมัดทักทายเป็นเสียงเดียวกันทันที
“เทพีแม่น้ำ!”
“อืม ข้าจะไปพบท่านพ่อ”
“ขอรับ! เชิญเทพีแม่น้ำตามสบาย!”
อิงรั่วหลีพยักหน้าให้ยักษ์สองตนเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าประตูถ้ำไปคนเดียว
ผ่านโพรงถ้ำลึกเงียบสงบ ระหว่างทางสภาพผืนดินดิ่งลงตลอด เมื่อเดินไปราวแปดเก้าลี้ ในที่สุดตรงหน้าก็สว่างขึ้นมา
นี่คือถ้ำบ่อทรายใต้น้ำซึ่งกว้างขวางแห่งหนึ่ง โดยรอบมีสิ่งของเหมือนแมงกะพรุนเรืองแสง เจินหลงร่างมหึมาตัวหนึ่งนอนหมอบบนบ่อทราย หนวดมังกรยังโบกไหวเป็นพักๆ
“ท่านพ่อ ท่านอาจี้ส่งสารมาเจ้าค่ะ”
ศีรษะมังกรเหลือบแสงอำพัน เสียงมังกรเฒ่าดังตามมา
“นำมาสิ”
“เจ้าค่ะ!”
ธิดามังกรหยิบนกกระดาษออกมาจากแขนเสื้อ นกกระดาษกลางฟองอากาศลอยไปหามังกรเฒ่าอย่างเงียบเชียบ
“หืม?”
เดิมคิดว่าเป็นจดหมาย คิดไม่ถึงว่าเป็น ‘สาร’ ประเภทนี้ มังกรเฒ่ารู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ยกร่างมังกรขึ้นเล็กน้อย ดวงตามังกรสีอำพันทำให้บ่อทรายกลางความมืดสลัวสว่างขึ้น
ดวงตามหึมาของมังกรเฒ่าจับจ้องนกกระดาษตัวน้อยนี้ สังเกตพลางเอ่ยปากถามบุตรสาวของตน
“นี่คือสารของท่านจี้หรือ เขาพับนกกระดาษมาหรือ ยังมีสิ่งอื่นอีกหรือไม่”
“เรียนท่านพ่อ นกกระดาษตัวนี้บินมาถึงมือรูปปั้นเทพในศาลของข้า นอกจากนี้ไม่มีสิ่งอื่น ทั้งนกตัวนี้ยังบินได้จริงๆ”
ยามธิดามังกรเอ่ยคำนี้นางยังยื่นสองมือไปด้านข้างพลางทำท่ากระพือปีก บอกว่านกตัวนี้ไม่ได้ลอยมาโดยดูดซับพลัง แต่กระพือปีกบินมาเอง สองอย่างนี้แตกต่างกันโดยพื้นฐาน
“น่าสนใจ จี้หยวนผู้นี้สร้างความประหลาดใจได้เสมอ!”
ธิดามังกรแย้มยิ้มเช่นกัน กล่าวเตือนบิดาของตน
“ท่านพ่อ เส้นผมตรงคอนกกระดาษตอบสนองโดยวิชาบางอย่าง เมื่อดึงเส้นผมจะอ่านสารได้ ก่อนหน้านี้ลูกไม่ทราบ อ่านก่อนโดยไม่ระวัง ท่านพ่อคงไม่คาดโทษกระมัง”
เจินหลงมองธิดามังกรเล็กน้อย จากนั้นร่างมังกรมหึมาเปล่งแสงขาว ย่อตัวเป็นชายชราคนหนึ่งท่ามกลางภาพมายา เป็นอิงหงร่างคนนั่นเอง
“อ่านแล้วก็ช่างเถอะ”
ขณะกล่าวมังกรเฒ่ายื่นมือตวัดนิ้วแผ่วเบา เส้นผมตรงคอนกกระดาษลอยออกไปด้านข้าง
เวลานี้นกกระดาษถึงกลับกระพือปีกสองครั้ง เข้าใกล้มังกรเฒ่าพร้อมฟองอากาศ
“โอ้ บินเองจริงด้วย”
มังกรเฒ่ายิ้มพลางยื่นมือออกไป ปล่อยให้นกกระดาษซึ่งเคลื่อนไหวในกระแสน้ำอย่างยากลำบากโรยตัวกลางฝ่ามือ เศษเสี้ยวพลังบนนกกระดาษถ่ายทอดเนื้อหาซึ่งบันทึกผ่านวัตถุสื่อจิตเข้าสู่ความคิดของมังกรเฒ่าทั้งหมด
ยามนี้ธิดามังกรคอยสังเกตอาการของบิดาตนอย่างจดจ่อ ไม่นานก็เห็นสิ่งที่ตนอยากเห็นดังคาด
หนวดซ้ายของมังกรเฒ่ากระดิกเล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“จังหวัดฉางชวนแห่งรัฐปิง? ของเล่นนี้บินมาไกลขนาดนี้เชียว?”
มังกรเจียวตัวอื่นเป็นอย่างไรไม่อาจทราบ แต่มังกรตระกูลอิงออกไปบันดาลเมฆฝนบ่อยครั้ง รู้จักทิวทัศน์ภูมิประเทศของต้าเจินค่อนข้างปรุโปร่ง รู้ระยะห่างระหว่างสองสถานที่เป็นอย่างดี
แต่หลังจากกล่าวอย่างประหลาดใจ มังกรเฒ่ายิ้มกล่าวกับธิดามังกร
“เอาละ ข้าได้รับสารแล้ว เจ้าถอยไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ ลูกขอลา!”
ธิดามังกรทำท่าว่านฝูหลี่[1]ก่อนออกจากบ่อทรายสำหรับงีบของบิดา
เมื่อธิดามังกรจากไป มังกรเฒ่าก้มหน้าวิเคราะห์นกกระดาษในมือโดยละเอียดทันที ลองจิ้มสองสามครั้งอย่างอดไม่ได้ จากนั้นค่อยหยิบขึ้นมาพลิกดูจนทั่ว ทั้งยังเขย่าอีกสองครา คล้ายอยากดูว่าด้านในซ่อนมุกสมบัติอะไรไว้หรือไม่
“แปลกจริงๆ หรือเป็นเพราะผมเส้นนี้”
มังกรเฒ่าดึงเส้นผมจี้หยวนมาพิจารณาโดยละเอียด ยังมองความเป็นมาอะไรไม่ออก เมื่อปล่อยมือเส้นผมกลับลอยออกจากโพรงถ้ำตามสายน้ำ ดูเหมือนไหลไปตามกระแสโดยไม่มีพลังพิเศษใดๆ แต่กลับรู้สึกว่าลอยอย่างแปลกประหลาด ไม่นานก็หายไปในความมืดตรงก้นแม่น้ำ
มังกรเฒ่าขมวดคิ้ว ลังเลครู่หนึ่งแต่ไม่คว้าเส้นผมไว้ พิจารณานกกระดาษในมือต่อ
พลังวัตถุสื่อจิตบนนั้นหายไปแล้ว คล้ายการอ่านสารติดกันสองครั้งของพ่อลูกคงผลาญพลังของนกกระดาษจนหมด แต่มังกรเฒ่าคิดว่านกกระดาษตัวนี้น่าจะยังไม่ถึงขั้นเปลี่ยนกลับเป็นกระดาษธรรมดาแผ่นหนึ่ง
เขาควบคุมพลังบางส่วนเสริมเข้านกกระดาษอย่างระวัง เห็นนกกระดาษเริ่มกระพือปีกอีกครั้งตามพลังของตนดังคาด ในที่สุดก็พบอักษรสองตัวซึ่งซ่อนอยู่บนปีกนกกระดาษ ทั้งเข้าใจว่านกกระดาษตัวนี้พับอย่างไรแล้ว
มังกรเฒ่าแสยะยิ้ม คล้ายพบว่าวิธีการเหล่านี้เป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมนัก
…
ยอดเขาหมอกอำพรางบนเขาเมฆา จี้หยวนชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมฝึกปราณรับแสงอรุณเสร็จแล้วลงจากยอดเขากลับมายังอารามเขาเมฆา
ฉีเหวินสวมเสื้อบ้วนปากล้างหน้าเสร็จแล้ว กำลังจัดแจงหยิบไม้คานกับถังน้ำตรงประตูห้องครัวในลาน เตรียมลงเขาไปหาบน้ำ เพิ่งหันกลับมาก็เห็นจี้หยวนยืนอยู่กลางลานอาราม
“อรุณสวัสดิ์ท่านจี้! ท่านตื่นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูของท่านเลย”
“อรุณสวัสดิ์นักพรตน้อยฉีเหวิน ความจริงข้าตื่นเร็วกว่าเจ้าเล็กน้อย ออกไปเดินวนมารอบหนึ่งแล้ว”
ฉีเหวินกระจ่างแจ้ง
“จริงสิท่านจี้ หม้อภายในห้องครัวต้มโจ๊กไว้ รอข้าหาบน้ำขึ้นเขามาน่าจะกินได้แล้ว ข้าลงเขาไปหาบน้ำก่อน”
“ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”
จี้หยวนมองถังน้ำสองใบนี้ ใหญ่กว่าถังในเรือนตรงตรอกเทียนหนิวของตนอยู่บ้าง หาบขึ้นเขาคงเปลืองแรงมากกระมัง โดยเฉพาะลงจากอารามเขาเมฆาไปมีทางภูเขาไม่มีบันไดเป็นระยะยาว
“ไม่ต้องๆ ท่านนั่งคอยก็พอ ข้าวิ่งจนชินแล้ว ไม่นานก็กลับมา”
ฉีเหวินรีบบอกปัด หาบถังน้ำเปล่าออกจากลานอย่างรีบเร่ง
จี้หยวนเดินไปปิดประตูเรือนเบาๆ จากนั้นค่อยเดินเข้าห้องครัว ฟืนภายในเตาถูกเผาจนละเอียด เปลวไฟไม่ลุกโชนนัก เขาเปิดประตูห้องครัว มองสถานที่ซึ่งแขวนหางปลาไว้เมื่อคืน เหลือเพียงเชือกฟางเส้นเดียวแล้ว ดูจากรอยคงถูกกัดขาด
มองทิวทัศน์ด้านนอก อารามเขาเมฆาอยู่เหนือแนวเมฆหมอกกลางป่าพอดี ตอนนี้จากสายตาเมื่อจี้หยวนมองลงไปสิบกว่าจั้งก็คือทะเลหมอกสีขาวแถบหนึ่ง ทำให้อารามเขาเมฆาเหมือนแดนเซียนบนสวรรค์ เหล่านักพรตผู้สร้างอารามเขาเมฆาเลือกสถานที่เป็นจริงๆ
…
การใช้ชีวิตของคนทั่วไปบนโลกนี้ช้ามาก อารามเขาเมฆาก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะช่วงสองสามวันที่นักพรตชิงซงเมาสุราหลับสนิทไม่ต้องลงเขาไปดูดวง
แต่ฉีเหวินกลับเป็นห่วงร่างกายของอาจารย์ตนมาก เมื่อถึงวันที่สามเขาเฝ้าถามจี้หยวนว่านักพรตชิงซงจะตื่นเมื่อไหร่
โชคดีว่าเช้าตรู่วันที่ห้าฉีเซวียนตื่นขึ้นมาเอง
ยามนี้ฉีเหวินลงเขาไปหาบน้ำพอดี ส่วนจี้หยวนนั่งบนเบาะรองหน้าภาพหมู่ดาวตรงเรือนหลักของอาราม มือเปิดอ่านทฤษฎีควบคุม กลางป่าเขาปราณวิญญาณเหมือนหมอกเลือนรางซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า รวมตัวรอบอารามเขาเมฆา เวลานี้จึงสังเกตเห็นว่านักพรตชิงซงตื่นแล้ว
นักพรตชิงซงรู้สึกว่าฝันยาวนาน เนื้อหายุ่งเหยิงจนจำไม่ได้ เมื่อลืมตาสิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกคือเพดานห้อง
“ฟ้าสว่างแล้ว! ข้าดื่มจนเมาจริงหรือ”
ฉีเซวียนหลับไปเกือบห้าวัน แต่ไม่รู้สึกมึนงงแม้แต่น้อย กลับเป็นว่ารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
เขาเลิกผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจจนเอ็นกระดูกลั่นดังกรอบแกรบ รู้สึกสบายไปทั้งตัว แค่รู้สึกว่าปากแห้งมาก
เดินถึงหน้าโต๊ะในห้องพลางพิจารณากาน้ำชาดินเผาขนาดใหญ่ ภายในยังเต็มอยู่
ฉีเซวียนเทน้ำชาชามหนึ่งกระดกดื่มรวดเดียวหมด รู้สึกว่ายังกระหายจนต้องเทอีกชาม สุดท้ายเขายกกาจ่อติดปาก ดื่มน้ำในกาชารวดเดียวหมด
“ฮู่…สบายขึ้นหน่อย! ท่านจี้ให้ข้าดื่มสุราอะไรกัน”
ขณะกล่าวกับตัวเองนักพรตชิงซงเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน ยื่นมือซ้ายของตนออกมาพิจารณาอย่างละเอียด สีหน้าเปลี่ยนจากอึ้งงันเป็นตกตะลึง
“หรือว่า…เทพเซียนมียาอายุวัฒนะจริง”
สิ่งที่ทำให้ฉีเซวียนแปลกใจไม่หยุดคือเขาเห็นว่าเส้นชีวิตตนไม่ขาดแล้ว แต่กลับเห็นสิ่งอื่นไม่ชัด แม้ว่าไม่กระจ่างราวชมบุปผากลางสายหมอก แต่รู้สึกประหลาดเหมือนทิวทัศน์งามอยู่ตรงหน้า
“หึๆๆ เท่าที่ข้าคนแซ่จี้รู้ บนโลกไม่มียาอายุวัฒนะ อรุณสวัสดิ์นักพรตชิงซง!”
เสียงราบเรียบฉะฉานของจี้หยวนดังขึ้นตรงประตู ทำให้นักพรตชิงซงซึ่งเหม่อลอยได้สติกลับมา หันมองประตูพลางเผยรอยยิ้มซาบซึ้ง
“อรุณสวัสดิ์ท่านจี้ เมื่อคืนข้าคออ่อน ทำให้ท่านขบขันแล้ว เมื่อคืนท่านคงพอพักผ่อนในอารามอย่างสบายกระมัง”
“สบายมาก!”
จี้หยวนหัวเราะหึๆ
“ข้ายังคิดจะค้างบนแดนสมบัติเพื่อฝึกปราณอีกสักระยะ ไม่ทราบว่าท่านนักพรตเห็นชอบหรือไม่”
“ทำไมจะไม่ได้เล่า คาดหวังเป็นอย่างยิ่งๆ ขอแค่ท่านอยู่ต่อก็พอ ฮ่าๆๆ…”
ไม่ต้องตายเร็ว ไม่ว่าใครก็รู้สึกดียิ่ง นักพรตชิงซงรู้สึกเพียงว่ายามสูดอากาศกลางภูเขาแล้วสดชื่นรื่นรมย์ยิ่งกว่าเดิม คล้ายทุกลมหายใจทำให้อวัยวะตันห้าชุ่มฉ่ำ
[1] ว่านฝูหลี่ เป็นการทักทายของหญิงสาว โดยใช้มือทั้งสองข้างวางซ้อนกันที่ด้านขวาแล้วย่อตัวลง เป็นสัญลักษณ์อวยพรให้มีความสุขและโชคดี