เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 190 เทพแม่น้ำทั้งสองพร้อมหน้า

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 190 เทพแม่น้ำทั้งสองพร้อมหน้า

เจ้าที่ผู้นี้มีความรู้ความสามารถมาก รู้ว่าคำพูดอธิบายอย่างเรียบง่ายของจี้หยวนหมายถึงอะไร เงื่อนไขข้อแรกคือท่านเซียนผู้นี้พูดความจริง ถึงอย่างไรเสียเรื่องพรรค์นี้ก็ยากนักจะจินตนาการได้และพูดโม้ง่ายๆ ไม่ได้

และแม้เทพแห่งภูผาจะมีจะการสับเปลี่ยนเช่นกัน แต่ผู้สำเร็จเป็นเทพภูผาแท้น่าจะยังมี ต้าเจินไม่มี ทว่าใต้หล้ากว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ต้องมีแน่ พื้นฐานนี้เดิมทีเป็นความรู้ที่แบ่งปันกันในหมู่ผู้ฝึกมรรคเซียนอยู่แล้ว

กระนั้นเรื่องเทพท่องโลกไม่มีให้พบเห็นมาหลายต่อหลายปีแล้ว พูดให้ถูกต้องคือไม่เคยได้ยินว่ายังมีชีวิตอยู่ ถึงขนาดว่าเหมือนเป็นเพียงตำนานเท่านั้น

จากนั้นตอนนี้พลันมีผู้สูงส่งฝึกเซียนคนหนึ่ง พูดต่อหน้าเจ้าที่และวิญญาณที่เพิ่งตายมาหมาดๆ ว่าความจริงเจ้ายังมีหนทาง ลองดูว่าอยากเป็นเทพท่องโลกหรือไม่ หรือพูดว่าต้องการลองเดินบนหนทางของการฝึกปราณเป็นเทพท่องโลกหรือไม่

เจ้าที่มีความรู้สึกว่าทัศนคติสามด้านถูกพังทลายอย่างบอกไม่ถูก

อาจเพราะคำนึงถึงความรู้สึกของเจ้าที่ จี้หยวนฟังเขาพูดติดขัดอย่างชัดเจนจึงอธิบายประโยคหนึ่ง

“ความจริงที่เจ้าที่พูดก็ถูก ผู้สำเร็จเป็นเทพท่องโลกในตำนานต้องมีชะตาร่วมกับฟ้าดิน ระดับความยากต้องมากมหาศาลอย่างแน่นอน ประเด็นคือสิ่งที่ยากที่สุดก็คือก้าวแรก อีกทั้งวิธีที่ข้าพูดก็ยากยิ่งจะปรากฏ”

จี้หยวนนึกถึงสมมติฐานของผู้เขียนกลยุทธ์เจิดจรัสอยู่ครู่หนึ่ง

“ยืมพลังเทพธาราเปลี่ยนหยินเป็นหยาง ไม่เพียงมรรควิถีเทพพอใช้ได้ กำยานและพลังความปรารถนาที่บริโภคเข้าไปนั้นประเมินค่าไม่ได้ยิ่งกว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กลัวว่ามันจะทำร้ายปราณดั้งเดิมมรรคเทพ และน้อยคนนักที่เต็มใจจะช่วยเหลือ”

โชคดีที่เขาคนแซ่จี้น่าจะเชิญเทพแม่น้ำมาได้อย่างน้อยสององค์ และเป็นเทพแม่น้ำของแม่น้ำใหญ่สายแรกและสายที่สองด้วย

“ความจริงเทพแม่น้ำกลับเป็นเรื่องรอง สิ่งที่ยากคือสถานการณ์ของหมอฉิน ยากจะอธิบายให้พวกท่านฟังเช่นกัน”

พูดถึงตรงนี้แล้วจี้หยวนไม่อธิบายมากอีก ยมทูตดำไม่เข้าใจ เจ้าที่เหลือจะเชื่อ ทว่าเขาไม่ได้พูดให้พวกเขาฟัง แต่กลับเป็นฉินจื่อโจวต่างหาก จากนั้นมองไปยังวิญญาณฉินจื่อโจวที่ยังคงงุนงง

“เชื่อว่าหมอฉินก็ได้ยินคำพูดของข้าและเจ้าที่เช่นกัน นี่เป็นโอกาสกลายเป็นเทพท่องโลก แม้ความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวย่อมไม่น้อย กระนั้นคุ้มค่าที่จะลองดู ถึงไม่สำเร็จก็มีเพียงข้อดีไม่ส่งผลเสียต่อท่าน อีกทั้งคุ้มครองร่างวิญญาณท่านไม่ให้ถูกทำร้าย หากท่านยินยอม ข้าจะไปอธิบายสถานการณ์ที่ศาลมืดอำเภอเต๋อเซิ่ง”

“แน่นอนว่าหากหมอฉินเต็มใจรับตำแหน่งที่ศาลมืด เพียงอยากปกปักลูกหลานและรับการกราบไหว้อย่างสงบก็ย่อมได้!”

จี้หยวนพูดเช่นนี้ ความจริงแล้วแล้วมอบทางเลือกให้ฉินจื่อโจว ส่วนการขอวิญญาณจากศาลมืดอำเภอเต๋อเซิ่ง ขอเพียงพูดเรื่องนี้ ทั้งศาลมืดล้วนตกใจสะดุ้ง หลังจากยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องตรง ไหนเลยจะกล้าไม่ปล่อยวิญญาณอีก

ฉินจื่อโจวที่ตอนมีชีวิตเบิกบานใจ ตอนนี้กลับทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด รอบข้างเป็นภูตผีทั้งสิ้น จี้หยวนซึ่งบอกว่าเป็น ‘สหายเก่า’ ความจริงแล้วก็ไม่สนิทสนมกัน เวลานี้คล้ายกับต้องเลือกหนทางที่แปลกทว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ข้างในใจจึงกระวนกระวายมากทีเดียว

“เอ่อ…คือ…ข้า…”

ดูจากท่าทางของฉินจื่อโจว ชัดเจนว่าเขาลังเลมาก เจ้าที่ทนมองต่อไปไม่ได้อยู่บ้าง ยืนจับไม้เท้าสั้นจนแน่นอยู่ข้างนอก ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดจะปลุกเขาหรือไม่

แต่จี้หยวนไม่กล้าทำเกินเลย ไม่ว่าคำพูดเมื่อครู่จริงหรือเท็จก็ล้วนทำให้เจ้าที่สงบลงได้โดยสิ้นเชิง ส่วนแท้จริงแล้วจริงหรือเท็จ ไปที่ศาลมืดอำเภอเต๋อเซิ่งด้วยกันก็รู้แล้ว

“ท่านฉิน ท่านฉิน!”

จนสุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหว เจ้าที่เหยียบย่างเข้ามาในเรือน เดินไปถึงข้างๆ ฉินจื่อโจวก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับ

“หากท่านฉินมีความกังวล ไปศาลมืดแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ ถึงตอนนั้นแล้วใต้เท้าเทพหลักเมืองจะอยู่เคียงข้าง ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่หากปฏิเสธ ณ ตอนนี้ เรื่องนี้ขอเพียงมีความเป็นไปได้เสี้ยวเดียวว่าจะเป็นความจริง ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ภูตผีในใต้หล้าอิจฉา หากโชคดีสำเร็จได้ อนาคตอยากไปที่ไหนในใต้หล้าก็ย่อมได้ ไม่มีใครขัดขวางแน่นอน!”

ตอนฉินจื่อโจวยังมีชีวิตอยู่เคยไปศาลเจ้าที่อำเภอเต๋อหย่วนหลายครั้ง สำหรับเจ้าที่ซึ่งหน้าตาคล้ายกับรูปปั้นเทพเจ้าที่ในศาลอย่างกับแกะ เขารู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่าจี้หยวนอยู่บ้าง

เมื่อฟังคำของเจ้าที่แล้ว ฉินจื่อโจวตัดสินใจแล้วเช่นกัน จากนั้นประสานมือให้จี้หยวน

“ขอบคุณเจตนาดีของท่านเซียน ตอนนี้ในบ้านกำลังจัดงานศพให้ข้า อีกทั้งข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด ให้ข้าไปถึงศาลมืดก่อนแล้วค่อยให้คำตอบได้หรือไม่”

จี้หยวนพยักหน้า ตระหนักได้ว่าตนเองอาจใจร้อนเกินไปบ้างจริงๆ จึงยิ้มกล่าวกับเจ้าที่ว่า

“รบกวนเทพเจ้าที่ร่วมเดินทางไปกับหมอฉิน และอธิบายความสำคัญของเรื่องนี้ให้เขาฟัง ข้าคนแซ่จี้จะขอตัวลาก่อน พวกเราไว้ค่อยพบกันที่ศาลมืดอำเภอเต๋อเซิ่ง!”

จี้หยวนพูดตบแล้วก็เดินออกจากเรือนไป

“เอ่อ ท่านเซียนจะไปที่ใดหรือ”

เทพเจ้าที่ถามตามจิตใต้สำนึก จี้หยวนหยุดแล้วกลับหลังหันไปตอบ

“ย่อมไปเชิญเทพธาราที่ยินดีช่วยเหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”

สุดท้ายแล้วฉินจื่อโจวจะเลือกทางใด จี้หยวนมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ชายชราเป็นหมอมาทั้งชีวิต ได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา อีกทั้งไม่ใช่คนโง่ เมื่อรู้ความหมายของเรื่องนี้แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไรอีก

พอตอบคำถามเสร็จสิ้น จี้หยวนออกจากลานบ้านตระกูลหยวนไปไกลทันที

จี้หยวนขี่เมฆไปยังแม่น้ำเทียมฟ้าเป็นอันดับแรก เรื่องที่จะต้องเสียพลังกำยานไปเช่นนี้ ส่งสาส์นไปย่อมไม่เหมาะสม ควรไปเชิญด้วยตัวเองมากกว่า

คนที่จี้หยวนอยากเชิญย่อมเป็นธิดามังกรอิงรั่วหลีแห่งแม่น้ำเทียมฟ้าและเทพแม่น้ำวสันต์ไป๋ฉี โดยพื้นฐานแล้วทั้งคู่ควรล้วนเป็นมังกรแท้ มรรคเทพมีส่วนช่วยอยู่บ้าง เสียไปมากหน่อยก็ไม่เป็นไร อีกทั้งเรียกใช้ได้ด้วย

บินอยู่ได้ห้าชั่วยามเต็มๆ ตั้งแต่ฟ้าสว่างจนฟ้ามืด จี้หยวนมาถึงท่าเรือจ้วงหยวนในที่สุด แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่นับว่ารุ่งเรืองเท่าไหร่

ระลอกคลื่นบนผิวน้ำสะท้อนแสงจันทร์ จี้หยวนที่ตอนนี้ถือว่าเรียนวิชาเลี่ยงวารีมาไม่น้อยแล้วเดินลงน้ำโดยตรง ตามกระแสน้ำคุมวารีมุ่งหน้าสู่จวนบาดาล หลังจากนั้นครู่หนึ่งถึงหยุดอยู่นอกเขตอาคมจวนบาดาล ยักษ์ลาดตระเวนแม่น้ำหลายตนถือหอกขวางทางไปไว้

“ผู้มาเยือนเป็นใคร”

จี้หยวนใช้วิชาเลี่ยงวารี เสื้อผ้าและผมยาวไม่ได้ขยับเขยื้อนตามกระแสน้ำ สถานการณ์เช่นนี้ต่อให้มองไม่เห็นจี้หยวน ยักษ์ก็รู้ว่าเขาไม่ใช่เผ่าวารี

จี้หยวนประสานมือกล่าวตามตรง

“รบกวนยักษ์บอกกับเทพีแม่น้ำ ว่าจี้หยวนมีเรื่องอยากขอร้อง”

จี้หยวน?

จี้หยวน!

“ท่านเซียนจี้!?”

ยักษ์หลายตนพากันส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ พิจารณาผู้มาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เป็นข้าคนแซ่จี้ ข้าคิดว่าไม่น่ามีใครกล้าพูดโกหกเช่นนี้กระมัง”

จี้หยวนล้อเล่นคำหนึ่ง ยักษ์หลายตนล้วนกระตือรือร้น รีบเก็บหอกและประสานมือคารวะ

“ท่านจี้เชิญเข้ามาเถอะ ข้าจะไปบอกเทพีแม่น้ำให้!”

ยักษ์หลายตนเชิญจี้หยวนเข้าเขตอาคมจวนบาดาล ก่อนจะมียักษ์ตนหนึ่งว่ายน้ำมาอย่างเร็วรี่ มุ่งหน้าสู่ตำหนักหลักของจวนบาดาล

ตอนนี้มังกรเฒ่ากำลังชิมสุราชมการเต้นรำอยู่ภายในตำหนัก บุตรมังกรไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปว่ายน้ำเล่นที่ไหน ส่วนธิดามังกรนั่งฝึกปราณอยู่อีกตำหนักหนึ่ง

แม้จี้หยวนบอกแล้วว่ามาหาธิดามังกร แต่ผู้ที่ยักษ์รายงานเป็นอันดับแรกย่อมเป็นประมุขมังกร ดังนั้นจึงส่งเสียงดังพุ่งเข้าไปในตำหนักหลักโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“ระ…รายงานประมุขมังกร ท่านเซียนอยู่ข้างนอกจวนบาดาล บอกว่ามาขอความช่วยเหลือจากเทพีแม่น้ำขอรับ!”

นักเต้นหญิงโดยรอบหยุดกันหมดแล้ว มังกรเฒ่ายกจอกสุราลุกขึ้น

“ท่านจี้มาแล้ว! มาหารั่วหลีหรือ ไม่ได้มาหาข้าหรอกหรือนี่”

“เรียนประมุขมังกร ท่านเซียนจี้บอกว่ามาหาเทพีแม่น้ำจริงๆ ขอรับ”

มังกรเฒ่าชะงัก โบกมือให้นักเต้นหญิงถอยไป แล้วค่อยกล่าวกับยักษ์ว่า

“เจ้าไปเรียกรั่วหลี ข้าจะไปรับท่านจี้ข้างนอก!”

“ขอรับ!”

หลังจากวางจอกสุราแล้ว มังกรเฒ่าพึมพำพลางสาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไปนอกตำหนัก

“ไม่ได้มาหาข้าจริงหรือนี่”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในตำหนักหลักแห่งนี้ ธิดามังกร จี้หยวน ประมุขมังกรล้วนนั่งลงแล้ว จี้หยวนยิ่งอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ รอบหนึ่ง

ตอนนี้มังกรเฒ่าตื่นเต้นยิ่งกว่าตัวละครหลักอย่างบุตรีของตนเองอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านจี้ต้องการบัญชาเทพท่องโลกหรอกหรือ น่าสนใจๆ น่าสนใจเกินไปแล้ว ชาตินี้ข้าผู้ชรายังไม่เคยเห็นเลย!”

“ท่านอิง คำว่า ‘บัญชา’ สำคัญนัก ครั้งนี้ข้าเพียงอยากลองดูว่าวิถีแห่งเทพท่องโลกนั้นเป็นไปได้หรือไม่กันแน่”

การมีบัญชานั้นเท่ากับสำเร็จในชั่วข้ามคืนแล้ว คำนี้จี้หยวนมองข้ามไม่ได้

“โอ๊ย มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ไปๆๆ พวกเราเคลื่อนไหวกันเลยเถอะ!”

มังกรเฒ่านั่งไม่ติดที่แล้ว ชัดเจนว่าร้อนใจยิ่งกว่าจี้หยวน

“แล้วเทพีแม่น้ำเล่า”

มังกรเฒ่ามองบุตรีครั้งหนึ่ง

“นางจะกล้ามีความเห็นอื่นหรือ สัมผัสหัวใจมังกรแล้ว ยังเสียดายกำยานหนึ่งหรือสองร้อยปีอีกหรือไร”

เห็นท่าทางของบิดาแล้ว ธิดามังกรถกแขนเสื้อพลางหัวเราะ ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“ข้าย่อมฟังคำสั่งท่านอาจี้อยู่แล้ว!”

สามคนรีบร้อนออกจากจวนบาดาล มังกรเฒ่ายิ่งรับหน้าที่บังคับเมฆ พาจี้หยวนและธิดามังกรบินไปสู่จังหวัดชุนฮุ่ย

ขั้นตอนการเชิญเทพแม่น้ำจังหวัดชุนฮุ่ยเรียบง่ายยิ่งกว่า จี้หยวนสัมผัสหมากนอกศาลเทพแม่น้ำและใช้เสียงเชื้อเชิญ มังกรเจียวขาวที่กำลังงีบหลับได้ยินเสียงเรียกแล้วรีบมาทันที

ครั้นได้ยินคำขอของจี้หยวนแล้วยิ่งดีใจระคนคาดหวัง คล้ายกับว่าผู้ที่ต้องการกลายเป็นเทพท่องโลกคือตนเอง ด้วยกำลังกลัดกลุ้มอยู่พอดีว่าหาโอกาสแสดงตัวต่อหน้าจี้หยวนไม่ได้เสียที

ปรากฏว่าตอนขี่เมฆไปจังหวัดเต๋อเซิ่ง จี้หยวนและธิดามังกรยังนับว่าใจเย็น ฝ่ายมังกรเฒ่าและไป๋ฉีคุยกันออกรสออกชาติ อารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด

‘เรื่องที่นานวันครั้งจะเกิดขึ้น วันนี้กลับมีมากเป็นพิเศษ…’

รู้ชัดว่าเหตุผลคืออะไร ทว่าจี้หยวนก็ยังร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้อยู่ดี

เพราะอากาศร้อนรักษาร่างไว้ได้ไม่นาน ตระกูลฉินฝังศพในวันต่อมา ส่วนฉินจื่อโจวตามยมทูตดำไปยังศาลมืดจังหวัดเต๋อเซิ่งในคืนเดียวกันนั้นเอง เทพเจ้าที่ย่อมตามไปด้วย

เป็นตามคาด ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ทั้งศาลมือจังหวัดเต๋อเซิ่งเกิดความเคลื่อนไหวไม่น้อย เทพหลักเมืองและเทพประจำกรมต่างๆ เข้าใจสถานการณ์ รวมถึงทำให้ฉินจื่อโจวค่อยๆ ตระหนักว่าโอกาสนี้ยากนักจะได้มา

ประมาณช่วงเย็นของวันต่อมา นอกศาลหลักเมืองจังหวัดเต๋อเซิ่ง ยมทูตดำซึ่งเฝ้าประตูทางเข้าศาลมืดแทบจะตกใจจนร่างวิญญาณยืนไม่อยู่ หลังจากกลับไปรายงานแล้ว เทพหลักเมืองและเจ้ากรมทั้งหลายออกมาต้อนรับที่หน้าประตูด้วยกัน

เทพแม่น้ำเทียมฟ้า แม่น้ำแห่งแรกของต้าเจิน และเทพแม่น้ำวสันต์ แม่น้ำแห่งที่สองของต้าเจินต่างมาเยือนด้วยตนเอง ยิ่งมีมังกรเฒ่าในตำนานร่วมเดินทางมาด้วย

แสงเทพของเทพธาราแผ่ไปทั่วทั้งศาลหลักเมืองราวกับเป็นเวลากลางวันแสกๆ

และจี้หยวนที่ยืนอยู่กับพวกเขาย่อมพิเศษ สิ่งที่เขาพูดเป็นจริงหรือเท็จ บัดนี้ไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท