ตอนที่ 208 นับว่าให้ความสำคัญพวกเจ้าแล้ว
จอมยุทธ์ที่อยู่ภายในห้องของโรงเตี๊ยมนับได้ว่าเป็นผู้มีฝีมือดีในยุทธภพ ยิ่งมีตู้เหิงดาบคลั่งแขนเดียวและจอมยุทธ์ระห่ำหลี่ทงโจวที่ต่างได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมือในยุทธภพ ถึงแม้ก่อนหน้านี้กำลังสนทนากัน แต่ความจริงแล้วไม่ได้วอกแวก การได้ยินว่องไวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อครู่ระหว่างสนทนากันมีเสียงเคลื่อนไหวบางเบาอยู่บนหลังคา ทุกคนจึงรู้สึกได้ในทันที
ฟุบ…ฟุบ…ฟุบ…
นี่เป็นเสียงย่ำหิมะ แต่อาจมีเสียงอื่นแทรกอยู่ด้วย
หลายที่ในรัฐจินตอนนี้หนาวเย็นมาก อุณหภูมิข้างนอกห้องลดต่ำจนมีหิมะตกบ่อยครั้ง หิมะสะสมบนหลังคาโรงเตี๊ยมอย่างน้อยหนามากกว่าหนึ่งฉื่อ ย่ำอยู่ข้างบนต้องส่งเสียงแบบนี้อยู่แล้ว
มือตู้เหิงจับดาบแรงกว่าเดิม เส้นเลือดบนหลังมือค่อยๆ ปูดโปน ชัดเจนว่าเขาไม่ได้เยือกเย็นขนาดนั้นจริงๆ
จอมยุทธ์หูไวที่สุดข้างๆ ตั้งใจเงี่ยหูฟัง มือกำหมัดยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง ตามด้วยนิ้วที่สอง นิ้วที่สาม นิ้วที่สี่…
จนสุดท้ายทำท่าทางนับนิ้ว บอกสหายว่าข้างบนมีเสียงที่แตกต่างกันเจ็ดเสียง
สถานการณ์นี้ชัดเจนมากแล้ว
จอมยุทธ์หลายคนต่างฝ่ายต่างพยักหน้าให้กัน มีสองคนลอบเดินไปทางข้างเตียงหลายหลัง ยื่นมือใช้วิชา ปลุกสหายที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้น รวมถึงสี่คนที่ถูกพิษด้วยเช่นกัน
เจ็ดคนที่หลับไปรู้เรื่องตั้งแต่ก่อนตื่นแล้ว ระหว่างพวกเขาเคยทำข้อตกลงกันมาก่อน ดังนั้นตื่นขึ้นมาจึงไม่ส่งเสียงสักแอะ แค่มองสถานการณ์ภายในห้องก็รู้ว่า ‘มาอีกแล้ว’
หลายคนที่เพิ่งตื่นคลำหาอาวุธติดกายจากข้างเตียง เปิดผ้าห่มออก ทุกคนหลับทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าเต็มยศ ทั้งตั้งสติเต็มที่และฝืนบังคับตนเองให้ลงจากเตียง
ตู้เหิงบุ้ยปากไปทางโต๊ะ บนนั้นวางไว้ด้วยคบเพลิงหลายอีก อีกทั้งมีห่อผ้าห่อหนึ่งด้วย
จอมยุทธ์สองสามคนจุดคบเพลิงแล้วโยนให้สหาย ขณะเดียวกันเปิดห่อผ้านั้น ข้างในมีกระเพาะปัสสาวะแกะที่เต็มไปด้วยของเหลว ของเหลวข้างในมีสีดำแดงแวววาว ซึ่งก็คือเลือดสุนัขผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง
จอมยุทธ์ที่ถูกพิษบาดเจ็บมีสีหน้าเหนื่อยล้าในบรรดาทั้งหมดสิบเอ็ดคน ตอนนี้กลับมีสีหน้าตื่นตัว แม้ทุกคนเกร็งหน้าเกร็งตาจนดูไม่ได้ แต่ยังมีบางคนยิ้มเย็นที่มุมปากด้วย
‘กระบองนักฆ่า’ เหล่านี้แม้ยังไม่เคยใช้ แต่เห็นทีให้สิ่งที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีฆ่าไม่ตายเหล่านี้ลิ้มลองดูได้
การถอนรากถอนโคนปีศาจสาวทำให้สหายจอมยุทธ์ถูกพิษแล้วหลายคน แม้จะกลัว แต่ความแค้นเคืองในใจหยั่งลึกมาก หวังพึ่งทางการก็ไม่ได้ สุดท้ายมีแต่ต้องสู้ตายสักตั้ง
ทว่ากระเพาะปัสสาวะแกะใส่เลือดสุนัขดำผสมน้ำมันเชื้อเพลิงมีไม่มาก ทั้งหมดมีสี่กระเพาะ ยอดฝีมือสี่คนในนั้นถือคนละกระเพราะ คนอื่นนอกจากตู้เหิงล้วนถืออาวุธด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือคบเพลิงเตรียมไว้ ล้อมรอบอยู่ใกล้เตาไฟ เพื่อจะได้จุดไฟได้ตลอดเวลา
เตรียมทุกอย่างไว้ดูรัดกุม แต่ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปแค่สี่หรือห้าลมหายใจเท่านั้นเอง
ตอนนี้เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ทุกคนพยายามข่มลมหายใจ แต่ความรู้สึกเครียดเกร็งกลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนล้วนรู้ว่าความจริงแล้วทำตัวปกติหรือคุยเล่นกันต่อไปดีกว่า แต่พวกเขาทำไม่ได้
ทันใดนั้นบนทางเดินมีเสียงฝีเท้าดังมา เสี่ยวเอ้อร์สองคนต่างยกน้ำมาคนละสองถัง หยุดอยู่ข้างนอกประตูแล้ว
“ลูกค้า น้ำร้อนมาแล้ว”
ก๊อกๆๆ…
“ลูกค้าเปิดประตู น้ำร้อนมาแล้ว พวกเราสองคนยกมาสี่ถัง เปิดประตูเถอะ”
ทุกคนในห้องต่างเป็นกังวล ย่อมไม่มีใครจะล้างหน้าล้างตาในเวลานี้ แต่จะไม่สนใจเสี่ยวเอ้อร์เลยก็ไม่ได้
ตู้เหิงกดเสียงลงกล่าวกับสหาย
“รีบไปไล่เสี่ยวเอ้อร์”
หากไม่ใช่เพราะทั้งกลุ่มอยู่ในสภาพย่ำแย่ อีกทั้งต้องการการดูแล ความจริงหาเรือนเล็กไร้เจ้าของพักอยู่ย่อมดีที่สุด แต่อำเภอเล็กๆ แบบนี้ไม่มีสถานที่แบบนั้น หากไปอยู่ข้างนอกยิ่งต้านอะไรไม่ได้
ขณะนี้รัฐจินหิมะตกหนักปิดทางสัญจร จำพวกพ่อค้าที่เดินทางมาก็กลับออกไปจนหมดตั้งแต่ก่อนเข้าฤดูหนาวแล้ว โรงเตี๊ยมแห่งนี้กลับเป็นสถานที่ที่กว้างขวางที่สุดและคนน้อยที่สุดในอำเภอเล็กๆ นี้
จอมยุทธ์ขอบตาดำผู้นั้นเดินไปใกล้ประตูแล้วกล่าวกับคนข้างนอก
“วางน้ำไว้บนทางเดินเถอะ อีกเดี๋ยวพวกข้ายกเข้ามาเอง”
พูดเช่นนี้แล้ว เสี่ยวเอ้อร์สองคนข้างนอกมองหน้ากัน กลับไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่
ด้วยลูกค้าที่ถูกลมหิมะกักขังอยู่ที่นี่ใจป้ำ เวลาให้พวกเขาเป็นตัวแทนไปซื้อยาอะไรก็ให้เงินเต็มที่ ต้มน้ำกลางดึกแบบนี้ก็ต้องได้รับเงินรางวัลเช่นกัน
คนไปได้ แต่ต้องให้เงินรางวัลด้วยสิ!
“เอ่อ ลูกค้า ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว พวกท่านอาจไม่สะดวก ให้พวกข้าช่วยพวกท่านยกเข้าไปดีกว่า!”
“ใช่ๆ น้ำทั้งร้อนทั้งหนักด้วย!”
เสี่ยวเอ้อร์สองคนอืดอาดอยู่ข้างนอก
“ไอ้หยา ให้พวกเจ้าวางไว้ก็วางสิ ไหนเลยต้องพูดมากขนาดนี้!”
ได้ยินเสียงต่อว่าแล้ว สองคนข้างนอกถึงทำปากจู๋ ตอบรับอย่างไม่ยินยอมสักเท่าไหร่
“เช่นนั้นก็ได้ วางไว้ข้างนอกให้ท่านทั้งหลาย อากาศเย็นเยียบกลางดึก ทำคนจิตใจเย็นชาไปด้วยสินะ”
“ไปเถอะๆ กลับไปนอน…”
สองคนนั้นบ่นอยู่ข้างนอกสองเสียง แต่กลับไม่มีเสียงเดินไกลออกไป ชัดเจนว่ายังไม่ไปไหน
คราวนี้แม้แต่ตู้เหิงก็ร้อนใจแล้ว พลันสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงพูดกับสหาย “มอบเงินรางวัลให้พวกเขา!”
สหายก็เข้าใจในทันที
“จะเอาเงินให้ได้สินะ!”
แม้จะต่อว่าแบบนั้น แต่ก็ยังเตรียมไปเปิดประตูจริงๆ จอมยุทธ์ผู้หนึ่งด้านข้างกลับขวางไว้และส่ายหน้า ตอนนี้คนอื่นภายในห้องรู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างแล้วเช่นกัน
“อืม ลืมให้เงินรางวัลพวกเขา เลยยังอยู่สินะ”
ข้างนอกไร้คนตอบความ
โครม…
เสียงถังน้ำคว่ำข้างนอกดังขึ้น มีจอมยุทธ์หลายคนหันมองประตูตามสัญชาตญาณ เห็นน้ำร้อนควันพวยพุ่งผ่านซอกประตู จากนั้นมีสีแดงสายหนึ่งไหลบ่าเข้ามาพร้อมกัน
จอมยุทธ์หลายคนสบตากัน ร่วมกันถีบประตูออกไปข้างนอกอย่างแรง
ปัง…
ประตูห้องโรงเตี๊ยมรวมถึงกรอบประตูถูกถีบกระเด็น กระทบกับประตูฝั่งตรงข้าม
เมื่อมองออกไปนอกประตู เสี่ยวเอ้อร์สองคนล้มลงบนพื้นแล้ว คนหนึ่งหน้าอกเป็นรูโบ๋ อีกคนหนึ่งตกใจกลัวขาอ่อนตัวสั่นกองอยู่บนพื้น ปัสสาวะรดกางเกงแล้ว
ส่วนเงาดำหลบลี้ไปตอนบานประตูพังเป็นหญิงสาวท้องโย้ใบหน้าซีดขาวทว่าสะสวย ในดวงตาสีดำมะเมื่อมมีลูกตาสีแดงเลือด
จอมยุทธ์ทั้งกลุ่มขนลุกซู่ถ้วนหน้า
“ปีศาจสาว!”
“รนหาที่ตาย! ฮ่า…”
ตู้เหิงตวัดดาบอย่างรุนแรง ท่าร่างรวดเร็วดุจลมคลั่ง ฟันไปทางปีศาจสาวตนนั้น ปราณดาบบนคมดาบยิ่งปรากฏสีชาด
เคร้ง…เคร้ง…เคร้ง…
คมดาบกระทบเล็บหญิงสาวจนเกิดประกายไฟกลุ่มหนึ่ง ตู้เหิงขยับร่างว่องไว ฝ่ายหญิงสาวราวกับภูตผีวิญญาณ เข้าต่อสู้กับตู้เหิงแล้ว
อานุภาพดาบของตู้เหิงรุนแรง ยิ่งซ่อนปราณดาบทำให้นางรู้สึกกดดัน ทว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในสถานการณ์นี้ควรเรียกว่าหญิงสาวพัวพันตู้เหิง หรือตู้เหิงพัวพันหญิงสาวดีกว่า
ปัง…ปัง…ปัง…ปัง
หลังคาแตกออกติดต่อกัน เงาร่างเด็กในชุดบุนวมใหม่หลายสายลอดเข้ามาในโรงเตี๊ยม พุ่งเข้าใส่จอมยุทธ์ข้างล่างโดยตรง
“ระวัง!”
“หลบเร็ว!”
“จุดคบเพลิง!”
จอมยุทธ์ทั้งกลุ่มเร่งแกว่งไกวอาวุธในมือไปพลาง หลบหลีกกันไปคนละทิศทางไปพลาง จากนั้นหาโอกาสเหมาะๆ พากันจุดคบเพลิงในมือ
สิ่งที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีพวกนี้นอกจากเร็วปานลมกรด เล็บยิ่งแหลมคมอย่างน่าประหลาด หากไม่ระวังอาจถูกฉีกท้อง อีกทั้งมีพิษร้ายแรงมาก แม้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ลำบากแล้ว
โชคดีที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีกระบวนท่าวิชายุทธ์อะไร สำหรับยอดฝีมือเหล่านี้พอรับมือไหว หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยิ่งมายิ่ง ‘ตายยาก’ เช่นนั้นก็คงแหลกเป็นผุยผงไปนานแล้ว
เคร้ง…
เคร้ง…เคร้ง…เคร้ง…
ปึง…
ปัง…
ขณะต่อสู้กันนั้น ประตูและผนังห้องโรงเตี๊ยมถูกถีบกระเด็น การประมือระหว่างจอมยุทธ์และผีเด็กชุลมุนท่ามกลางพื้นที่แคบๆ นี้ นี่ยิ่งทำให้จอมยุทธ์เป็นฝ่ายได้เปรียบ ทำให้ผีเด็กหลบหลีกเปลี่ยนทิศทางในพริบตาเดียวไม่ได้
สมแล้วที่หลี่ทงโจวเป็นยอดฝีมือ แม้ฝีมือยุทธ์ในวันนี้ยังมีแค่ครึ่งเดียวไม่เต็มเปี่ยม ทว่าความหวังยังมี พอเห็นว่าสหายคนหนึ่งกำลังถูกผีเด็กตนหนึ่งลอยเข้ามาจู่โจม มือซ้ายเขาตวัดกระบี่ขวางผีเด็กไว้ จากนั้นแกว่งคบเพลิงที่มือขวา กระแทกร่างผีเด็กที่สหายโยนออกไปดังปัก
ผีเด็กพร้อมทั้งดวงไฟถูกตีจู่โจมจนสูญเสียความเคลื่อนไหวเดิม
“ยอดเยี่ยม!”
จอมยุทธ์ผู้หนึ่งหยิบกระเพาะปัสสาวะแกะออกจากในอกเสื้อทันที แล้วโยนใส่ร่างผีเด็กตนนั้นอย่างแรง
ปุดๆๆๆๆ…
เสียงปุดๆ เหมือนน้ำเย็นเดือดในหม้อดังขึ้นโดยพลัน
“อ๊าก…”
เสียงร้องโหยหวนของเด็กดังขึ้นในวินาทีนั้น ทำให้จอมยุทธ์รอบข้างแสบแก้วหูมาก
“มารดาสิ เลือดสุนัขดำมีประโยชน์จริงๆ! เผาให้ตาย!”
ทันใดนั้นจอมยุทธ์อย่างน้อยสามคนโยนคบเพลิงไป โยนใส่ผีเด็กที่ตัวชุ่มเลือดสุนัขดำและน้ำมันเชื้อเพลิง ถึงโรงเตี๊ยมไหม้ก็จ่ายค่าชดเชยภายหลังได้ ตอนนี้ไม่ต้องสนใจอะไรมาก
ปัก
ปัก
ปัก
โครม…ไฟลุกโชนขึ้นทันที
“อ๊าก…อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องผิดธรรมดาดังขึ้น เหมือนกับทำให้ผีเด็กตนอื่นๆ ตกใจด้วย จึงไม่ได้เข้าจู่โจมต่อชั่วขณะหนึ่ง
“ฮ่าๆๆๆๆ…ข้าจะเผาเจ้าให้ไม่เหลือกระดูก ดูสิว่าคราวนี้เจ้าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ ฮ่าๆๆๆ…”
“ไม่เลว!”
“ถึงใจมาก!”
จอมยุทธ์คนอื่นต่างมีกำลังใจเต็มเปี่ยม
“ลูกของข้า!”
“นางปีศาจ เจ้ารีบตามมันไปเถอะ!”
หญิงสาวนางนั้นร้องเสียงน่ากลัว แต่วิชาดาบในมือตู้เหิงกลับไม่หยุดลง ปากพ่นพูดวาจาบั่นทอนจิตใจอีกฝ่าย
“อ๊าก…กรี๊ด…”
หลังจากนางกรีดร้องแล้วพลันหัวเราะเสียงเย็น ทว่าในเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ข้าดูถูกจอมยุทธ์อย่างพวกเจ้าเกินไป หัวใจของเจ้าข้าจะกินให้เกลี้ยงเลย!”
นางพูดพลางถอยร่างเหมือนวิญญาณออกห่างจากตู้เหิง ฝ่ายหลังตั้งดาบปรับลมหายใจ ไม่ได้รีบร้อนตามไป
“หึ เช่นนั้นต้องดูว่านางปีศาจออย่างเจ้าเก่งจริงหรือไม่!”
ตอนนี้เอง จอมยุทธ์อีกฝั่งส่งเสียงร้องประหลาดขึ้น
“นั่นมันบ้าอะไรวะ!”
“ไม่ตาย!?”
หลังจากผีเด็กถูกเผา เสื้อผ้าและร่างกายล้วนถูกเผาจนไม่เหลือเค้าเดิม ทว่ากลับไม่ตายเสียอย่างนั้น มันกลายร่างเป็นเงาสีดำเทา ถึงขนาดมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังมันได้รางๆ
จากนั้นสีเทาดำบนตัวร่วงหล่นลง ร่างกายผีเด็กค่อยๆ จางลงเช่นกัน จนกระทั่งมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง
เสียงร้องไห้อุแว้ๆ น่าประหลาดยังอยู่ที่เดิม ทำให้ทุกคนยิ่งขนหัวลุก
“ฮ่าๆๆๆๆ…พวกเจ้าจอมยุทธ์ทำลายการฝึกปราณของข้าหลายครั้งแล้ว ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ อย่างไรข้าก็ต้องฝึกปราณใหม่ แต่คืนนี้ทุกคนในอำเภอถิงสุ่ยล้วนต้องตาย!”
หญิงสาวกัดฟันกล่าว ผีเด็กคนอื่นเริ่มฉีกร่างกาย ความรู้สึกเลือดเนื้อและกระดูกตนเองหลุดออกทำให้เหล่าจอมยุทธ์มือเท้าเย็นเยียบ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง
ไม่ว่าก่อนหน้านี้สิ่งที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผีเหล่านั้นไม่ใช้อุบายนี้ด้วยเหตุใด แต่ตอนนี้มองไม่เห็นแล้ว เช่นนั้นจะโจมตีได้อย่างไร
ทันใดนั้น ลมสมชื่นสายหนึ่งพัดบนทางเดินโรงเตี๊ยม
“โอ้? พูดดีไม่น้อย!”
เสียงที่ดูราบเรียบทว่าหนักแน่นเปี่ยมไปด้วยกำลังดังมาแต่ไกล ครั้นเสียงเพิ่งมาถึง ตัวคนค่อยปรากฏตัวกลางทางเดินโรงเตี๊ยม ยืนอยู่ข้างเสี่ยวเอ้อร์ที่ตกใจกลัวจนปัสสาวะราดผู้นั้น
ผู้มาเยือนสวมชุดสีขาว มัดมวยผมหลวมๆ กลัดไว้ด้วยปิ่นหยกสีดำ สองตาสีเทาดึงดูดน่ามองเป็นพิเศษ
จี้หยวนก้มหน้ามองเสี่ยวเอ้อร์ครั้งหนึ่ง จากนั้นมองหญิงสาวนางนั้นและผีเด็กเหล่านั้น
“ท่านจี้!”
เสียงร้องทักทายของตู้เหิงทั้งดีใจและแปลกใจอยู่ในที หัวใจที่แขวนคว้างอยู่กลางอากาศพลันกลับที่เดิมแล้ว
จี้หยวนพยักหน้าให้เขา ก้าวเท้าเดียวปรากฏกายข้างจอมยุทธ์หลายคนข้างหน้า เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งเดียว เด็กโปร่งแสงหลายจนถูดพัดกระเด็นไปถึงข้างกายหญิงสาวนางนั้น ขณะเดียวกันก็นับว่าเข้าใกล้นางและเหล่าผีเด็กด้วย
“เจ้าเป็นอะไรกัน ไม่ใช่คนไม่ใช่ผี ไม่ใช่มารไม่ใช่ปีศาจ ผีแม่ลูกเก้า? ก็ไม่เหมือนนะ…ใครเป็นคนสอนวิชาปีศาจให้เจ้ากัน”
จี้หยวนยืนมองนางอย่างเรียบเฉย ย่อมมองออกว่านี่ไม่ใช่ปีศาจเฒ่าที่มีอายุหลายร้อยปีอะไร
นางไม่รู้เลยว่าจี้หยวนมาได้อย่างไร แม้กระทั่งคนตรงหน้าผู้นี้เหมือนจะมองไม่เห็นนางด้วยซ้ำ ทว่านางรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างๆ อย่างไรอย่างนั้น นางจึงถอยหลังช้าๆ อย่างอดไม่ได้ ด้วยรู้ว่าอาจเจอเข้ากับผู้สูงส่งแล้ว
“ฆ่าเขา!”
หญิงสาวไม่ตอบความ สั่งการผีเด็กให้จู่โจมตี้หยวน ส่วนตนเองหมุนกายวิ่งหนีไป
จอมยุทธ์คนอื่นและตู้เหิงเพิ่งคิดเตือนให้จี้หยวนระวัง กลับเห็นจี้หยวนเป่าควันสีเทาแดงออกจากปากเบาๆ
“ฟู่…”
ควันกระจายออกไป ผีเด็กที่จอมยุทธ์เจ็ดคนมองไม่เห็นปรากฏกายอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้พวกมันเหมือนคนกระดาษถูกจุดไฟ วินาทีที่ไฟสว่างขึ้นกลายเป็นเถ้า แม้แต่ร้องเสียงร้องน่าเวทนาก็ไม่มีโดยสิ้นเชิง
‘รับไฟสมาธิจากข้ากลายเป็นเถ้า นับว่าให้เกียรติพวกเจ้าแล้ว!’