ตอนที่ 228 ประมุขมังกรโกรธเกรี้ยว
มังกรเจียวดำว่ายน้ำตามกระแสน้ำ มวลน้ำไหลลงสู่ทะเลสาบไพศาล เรือประมงหรือเรือเล็กที่จอดอยู่ข้างคูน้ำเล็กล้วนถูกคลื่นน้ำซัดจนขยับขึ้นลง ช่วงเวลาหนึ่งถ้วยชาถึงทำให้ผิวน้ำของทะเลสาบไพศาลตรงนี้สงบลงได้
เมื่อลงสู่ทะเลสาบไพศาล แม้จากสภาวะร่างกายไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ แต่กลับมอบความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านให้กับมังกรเจียวดำ จิตใจจึงแจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฝนห่าใหญ่ยังคงตกต่อเนื่อง แต่เทียบกับเมื่อครู่นี้แล้วเบาลงมาก เมื่อครู่นี้มังกรเจียวหลงอาศัยน้ำท่วมไหลลงสู่ทะเลสาบ ทำให้กลางทะเลสาบเกิดคลื่นน้ำขนาดใหญ่ เรือประมงริมฝั่งจำนวนหนึ่งจึงขยับไหวอย่างรุนแรง
แม้ตอนนี้ยังมีฝนตกอยู่ แต่มีชาวประมงอาศัยอยู่ริมฝั่งคลุมเสื้อกันฝนใส่หมวกสานออกมาตรวจดูเรือของตนเองอย่างอดไม่ได้
มวลน้ำเมื่อครู่แปลกประหลาดมากจริงๆ ทว่าเรือเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ชาวประมงใช้ทำมาหากินจึงวางใจไม่ได้อยู่บ้าง รออยู่พักหนึ่งแล้วเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีกถึงมีคนใจกล้าออกมาตรวจสอบ รอจนเห็นเรือริมฝั่งส่วนใหญ่ไม่เป็นไร อีกทั้งเรือของตนเองไม่คว่ำหรือจมถึงถอนหายใจโล่งอกกลับไป
แน่นอนว่ามีผู้อาวุโสบางคนตื่นตระหนก น้ำท่วมฉับพลันจากทะเลสาบไพศาลในปีนั้นยังคงชัดเจนในความทรงจำ บ้านเรือนที่พังทลายในตอนนั้นถูกมวลน้ำพัดไป คนที่หายตัวไปก็ไม่น้อยเลย
จี้หยวนและเทพหลักเมืองลี่ซุ่นหลี่เป่าเทียนยืนอยู่ข้างทะเลสาบไพศาล มองผิวน้ำทะเลสาบไพศาลที่เรียบสงบ มังกรเจียวกลางน้ำดำลงไปในส่วนลึกของทะเลสาบไพศาลแล้ว
“ท่านจี้รู้ที่มาของมังกรเจียวดำหรือไม่”
เทพหลักเมืองหลี่มองชาวประมงที่มาตรวจดูสถานการณ์เหล่านั้น จากนั้นมองจี้หยวนก่อนถาม
ตอนนี้จี้หยวนกำลังคำนวณว่ามังกรเฒ่าจะมาเมื่อไหร่ อย่างไรเสียแม่น้ำเทียมฟ้าก็ห่างจากที่นี่ไกลมาก คำนวณโดยคร่าวๆ แล้ว จากรัฐหวั่นถึงจังหวัดจิงจี ด้วยความเร็วประกายกระบี่ของกระบี่เครือเขียวใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม แต่ในฐานะที่เป็นมังกรแท้ วิชาเกี่ยวกับการบินย่อมยอดเยี่ยม จึงน่าจะมาถึงที่นี่ได้ก่อนฟ้ามืดสนิท ทว่าเงื่อนไขข้อแรกคือมังกรเฒ่าอยู่ที่จวนบาดาลและมาได้ในทันที
เมื่อได้ยินเทพหลักเมืองพูด จี้หยวนมองเขาแล้วกล่าวตามตรง
“ข้าคนแซ่จี้มารัฐหวั่นเป็นครั้งแรก และมาที่ริมทะเลสาบไพศาลเป็นครั้งแรกเช่นกัน ย่อมไม่รู้ที่มาของมังกรเจียวดำตัวนี้”
ความจริงแล้วครั้งแรกที่จี้หยวนได้ยินชื่อทะเลสาบไพศาลนั้น มาจากคำพูดของชายชุดดำขณะเว่ยอู๋เว่ยเกือบถูกปล้นรถม้าในปีนั้น ต่อมาเก็บคำบอกเล่าเอาไว้และทำความเข้าใจผ่านการเขียน
เทพหลักเมืองหลี่ลูบเครายาว มองผิวน้ำทะเลสาบที่กว้างขวางเสียจนไม่เห็นฝั่งตรงข้าม
“เมื่อประมาณสี่สิบกว่าปีก่อน ขณะนั้นอุตสาหกรรมการทอไหมในรัฐหวั่นยังไม่เป็นที่นิยมกว้างขวาง ทุกพื้นที่ริมทะเลสาบไพศาลล้วนเล่าลือถึงตำนานที่มีชื่อว่าอ๋องบุปผา”
“อ๋องบุปผา?”
จี้หยวนมองผิวน้ำทะเลสาบ นึกถึงมังกรเจียวดำมะเมี่ยม น่าจะไม่ถึงกับเรียกได้ว่าเป็น ‘บุปผา’ กระมัง
“ถูกต้อง อ๋องบุปผาที่ว่าก็คือคางคกพิษลายดอก ซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบไพศาลมาอย่างน้อยหลายร้อยปี มรรควิถีล้ำลึกและเจ้าเล่ห์เพทุบาย มีลูกน้องเป็นปีศาจจำนวนหนึ่ง มันเริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเมื่อประมาณร้อยปีก่อน บางครั้งจะลอบคว่ำเรือประมงในทะเลสาบ เพื่อกินชาวประมงที่จมน้ำเข้าไป”
จี้หยวนมุ่นคิ้วมองเทพหลักเมือง แต่เขายังไม่ได้พูดอะไร เทพหลักเมืองหลี่ก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงพูดต่อไปทันที
“เทพสามจังหวัดติดกับทะเลสาบไพศาลไม่มีทางปล่อยปละ หลังจากเกิดเรื่องคล้ายคลึงกันติดต่อกันหลายครั้ง ศาลมืดก็ตอบสนองเช่นกัน เมื่อแน่ใจแล้วเป็นการกระทำชั่วของปีศาจ สุดท้ายสืบมาถึงทะเลสาบไพศาล ปีศาจตนนั้นยังกล้าใช้วิชาฝันร้ายคุกคามคนในหมู่บ้านชาวประมง คิดให้พวกเขาสร้างศาลตั้งรูปปั้น และคิดกินเด็กชายเด็กหญิงที่ได้จากการบูชายัญ อีกทั้งเรียกตนเองว่าอ๋องบุปผา!”
เทพหลักเมืองหลี่พูดถึงตรงนี้แล้วส่งเสียงหัวเราะเย็นชา
จี้หยวนหรี่ตาพิจารณาเช่นกัน สิ่งที่คล้ายกับอ๋องเช่นนี้ ความจริงที่ต้าเจินพบเห็นได้ยากยิ่งนัก ด้านหนึ่งเพราะมีปีศาจน้อยเกินไป ส่วนอีกด้านหนึ่งเพราะชื่ออ๋องปีศาจหนักหนาเกินไป
เทพหลักเมืองหลี่พูดต่อ
“ในเมื่อทะเลสาบไพศาลไม่มีเทพทะเลสาบ ข้าและเจ้าที่ริมทะเลสาบจึงร่วมแรงร่วมใจกันกวาดล้างทะเลสาบไพศาล ทว่าปีศาจเหลี่ยมจัด ใจกลางทะเลสาบไพศาลลึกหลายพันฉื่อ ภายในนั้นยิ่งเป็นความมืดมนตัดสลับกับน้ำวน ปีศาจหลายตนซ่อนตัวอยู่ที่ก้นทะเลสาบ กอปรกับพวกมันอาศัยวิชาเลี่ยงวารีและพลังวิเศษของตนเอง ทำให้พวกข้าหาพวกมันไม่เจอ หนึ่งเดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้า พวกข้าคิดว่าปีศาจหนีไปตามแม่น้ำแล้ว จนกระทั่งเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน…”
เสียงเทพหลักเมืองเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเสียดายอยู่บ้าง
“หลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในปีนั้น ริมทะเลสาบไพศาลเกิดพายุฝนฟ้าคะนองบ่อยครั้ง ในวันที่ไร้ลมไร้ฝนอันหาได้ยากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน แม่น้ำหลายสายซึ่งเชื่อมต่อกับทะเลสาบไหลย้อนกลับ น้ำจากทะเลสาบท่วมไปไกลสามสิบลี้ในพริบตา หมู่บ้านริมทะสาบหลายแห่งประสบภัยพิบัติ ถูกมวลน้ำม้วนพัดไปไม่น้อย…”
“ในเดือนนั้นน้ำจากทะเลสาบไพศาลรุนแรงมาก มีปีศาจหลายตนในทะเลสาบถือโอกาสร่วมมือกันสร้างน้ำท่วม ด้วยต้องการกินความทุกข์เพื่อเสริมพลังดั้งเดิม และอยากกลายร่างพร้อมๆ กัน ที่ย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นคือมวลน้ำมาเร็วไปเร็วยิ่งกว่า ใช้เวลาไม่กี่เค่อน้ำก็ลดลงแล้ว ปีศาจเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของทะเลสาบไพศาลอีกครั้ง ทำเอาข้าและทพในศาลมืดโมโหยิ่งนัก!”
ถึงจะเป็นตอนนี้ เทพหลักเมืองหลี่พูดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ยังคงเป่าหนวดถลึงตาอยู่บ้าง
“ตอนที่พวกข้าเตรียมตัวลดเกียรติลงและเดินทางไปเชิญเทพแม่น้ำมาช่วย มีมังกรเจียวใช้วิชาเลี่ยงวารีแหวกทะเลสาบไพศาลขึ้นมาในวันฝนตกหนัก มังกรเจียวตัวนี้เคยขึ้นฝั่งมาบอกกล่าวเทพในตอนนั้น เรียกตนเองว่าท่านโม่ มาจากด้านนอกต้าเจิน เคารพนบนอบต่อประมุขมังกร ต้องการครองทะเลสาบไพศาลเพื่อฝึกปราณ จากนั้นมังกรเจียวก็ดำลงไปในทะเลสาบ ต่อสู้กับปีศาจใต้ทะเลสาบ ภายในไม่กี่วันสั้นๆ ในปีนั้นบนทะเลสาบไพศาลเกิดกระแสน้ำวน ไม่มีเรือกล้าลงน้ำ หลังจากทะเลสาบใหญ่สงบนิ่งแล้ว อ๋องบุปผาและปีศาจทั้งหลายก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าในอดีต”
จี้หยวนพยักหน้าเข้าใจ แต่มังกรเจียวตัวนี้คล้ายกับไม่มีความคิดกลายเป็นเทพทะเลสาบ เพียงครองทะเลสาบไพศาลเพื่อฝึกปราณเท่านั้น ทว่าครั้งนี้เจอความยากลำบากยิ่งนัก
หนึ่งคนหนึ่งเทพไม่ได้จากไป ยืนคอยท่าอยู่ริมทะเลสาบอย่างเงียบๆ พายุฝนรอบกายยังคงส่งเสียงซ่าๆ ไม่หยุดหย่อน ดังนั้นท้องฟ้าในวันนี้จึงมืดลงเร็วกว่าวันก่อนๆ เล็กน้อย
หลังจากเข้าช่วงค่ำได้ครึ่งชั่วยามแล้ว ฝนพลันกระหน่ำรุนแรงขึ้นบ้าง
ในสายตาของจี้หยวนและเทพหลักเมือง หยดน้ำที่กระโดดเด้งบนผิวทะเลสาบดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมอย่างชัดเจน
เปรี้ยง…ครืน…
สายฟ้าฟาดปะทุกลางท้องฟ้าส่องสว่างฟ้าดินโดยพลัน ฟ้าผ่าที่เดิมทีหยุดคำรามไปชั่วครู่ส่งเสียงดังสนั่นอีกครั้งในเวลากลางคืน โดยเฉพาะเสียงในครั้งนี้เพียงพอจะทำให้คนเข้านอนเร็วสะดุ้งตื่นได้
“โฮก…”
นอกจากเสียงฟ้าผ่า มีเสียงมังกรเลือนรางดังขึ้นเหนือชั้นเมฆบริเวณขอบฟ้า อานุภาพที่ซ่อนอยู่ภายในกล้ำกรายมาถึง ทำให้เกิดสายฟ้าฟาดอย่างต่อเนื่อง
‘มังกรเฒ่ามาแล้ว!’
‘ประมุขมังกรแห่งแม่น้ำเทียมฟ้ามาแล้ว!’
สองความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของจี้หยวนและเทพหลักเมืองหลี่
ประมาณสองสามลมหายใจให้หลัง มีเงาร่างมังกรคล้ายกระแสอากาศสายหนึ่งปรากฏเลือนรางกลางม่านฝน ก่อนจะพุ่งสู่ทะเลสาบไพศาลด้วยท่วงท่าของมังกรคะนองขอบฟ้า แล้วแหวกผิวทะเลสาบลงสู่ทะเลสาบดังโครม
ครั้งนี้มังกรเฒ่าไม่ได้ทักทายจี้หยวนก่อนอย่างหาได้ยาก ทว่าลงสู่กลางทะเลสาบไพศาลทันที
ขณะมังกรลงทะเลสาบแล้วผิวทะเลสาบยังคงขยับไหวเกิดคลื่นน้ำ กระบี่เครือเขียวพร้อมประกายสีเขียวบินกลับมาถึงข้างหลังจี้หยวนแล้ว
“ประมุขมังกรโกรธมากแล้ว!”
เทพหลักเมืองมองจี้หยวน กล่าวเสียงเบาประโยคหนึ่ง จี้หยวนเพียงตอบรับว่า “อืม” ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น
ตอนกระบี่เครือเขียวส่งข่าว แม้จิตวิญญาณที่เหลือไว้จะมีไม่มาก แต่ก็เพียงพอทำให้มังกรเฒ่ามองเห็นเขตแดนของมังกรเจียวดำในตอนนี้ จากท่าทางของมังกรเจียวก่อนหน้านี้และจากคำบอกเล่าของเทพหลักเมืองเมื่อครู่ ล้วนพิเคราะห์ได้ว่าความสัมพันธ์ของมังกรเจียวและมังกรเฒ่าไม่ธรรมดา
หลังจากนั้นมากกว่าครึ่งชั่วยาม กลางทะเลสาบมีกระแสน้ำบังเกิดขึ้น ชายในชุดเสื้อคลุมเหยียบคลื่นน้ำเดินขึ้นฝั่งอย่างช้าๆ แล้วประสานมือให้กับจี้หยวนและเทพหลักเมือง
“ท่านจี้ เทพหลักเมืองหลี่”
“ผู้อาวุโสอิง”
“คารวะประมุขมังกร!”
เมื่ออยู่ที่นี่ มังกรเฒ่าและจี้หยวนทักทายกันอย่างเป็นกันเอง แต่ฝ่ายเทพหลักเมืองเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ครืน…
สายฟ้าบนท้องฟ้ายังคงรุนแรงเหมือนเดิม ส่องใบหน้ามังกรให้เห็นชัดเจน สีหน้าของมังกรเฒ่ายิ่งน่ากลัว เขาเพียงเดินมาถึงข้างกายของจี้หยวนและเทพหลักเมือง มองผิวน้ำทะเลสาบครุ่นคิดไม่พูดจา
“ไม่รู้ว่ามังกรเจียวดำตัวนั้นอยู่ในสภาพใด ผู้อาวุโสอิงมีกลยุทธ์ต่อไปหรือไม่”
เห็นมังกรเฒ่าไม่พูดจา เทพหลักเมืองก็ไม่ค่อยกล้าเอ่ยปาก จี้หยวนจึงทำได้เพียงถามเอง
ได้ยินสหายถามความ มังกรเฒ่าหยุดความคิด จากนั้นส่ายหน้าให้จี้หยวน
“ถูกดึงเส้นเอ็นมังกรไป อีกทั้งปราณพิสุทธิ์ทั่วร่างเสียหายอย่างหนัก ข้าใช้วิชาฟ้าย้อนกลับแล้วเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะท่านจี้กำจัดมารร้ายพัวพันร่างให้มันทันเวลา เกรงว่าคงรักษาวิญญาณมังกรไม่ได้แล้ว”
“มารร้าย?”
เทพหลักเมืองหลี่มุ่นคิ้วถามเสียงหนึ่ง จี้หยวนอยากรู้เช่นเดียวกัน
“ถูกต้อง กลวิชาพรรค์นี้อุบาทว์และชั่วร้าย ยากจะสัมผัสได้ยิ่งนัก มารร้ายพัวพันร่างนั้นอยู่ภายใต้การควบคุม โม่หรงราวกับถูกทำร้ายให้กลับเป็นสัตว์ป่า ไม่มีความสามารถจะพูดจาด้วยซ้ำไป ยิ่งถูกกัดกินปราณดั้งเดิมภายในร่างกาย หากโม่หรงตายด้วยฝีมือของมารร้าย วิญญาณของมันจะกลายเป็นมารร้ายกลับอยู่ข้างกายผู้ใช้วิชา!”
“ฟืด…”
จี้หยวนสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ วิชาชั่วร้ายแบบนี้เขาแม้กระทั่งไม่เคยได้ยินมาก่อน บางครั้งยอมไม่รู้ดีกว่าจริงๆ
เปรี้ยง…ครืน…
สายฟ้าฟาดฟ้าดินสว่างไสวอีกครั้ง มังกรเฒ่าหันหน้าไปหาจี้หยวน เผยสีหน้าน่ากลัวและเคร่งขรึม เขาหรี่ตามองดวงตาสีเทาเหมือนบ่อน้ำโบราณไร้คลื่นของจี้หยวน การสบตากันแบบนี้เคยเกิดขึ้นตอนเจอกันครั้งแรกในปีนั้นเท่านั้น
“ท่านจี้ ท่านพูดถูดต้อง ปราณของต้าเจินมากมายไม่หมดสิ้น ไม่เพียงแต่หยุดไม่ได้ อีกทั้งจำเป็นต้องผุดขึ้นอย่างฉับพลัน แข็งแกร่งพอจะชักนำทั้งรัฐอวิ๋นได้ เปลี่ยนแปลงกระแสหลักของมนุษยธรรมเพื่อควบคุมความชั่วร้าย ดีกว่าปล่อยให้กลุ่มปีศาจร้ายวุ่นวายไปทั่ว!”
หลังจากสบตาจี้หยวนอยู่ครู่หนึ่ง มังกรเฒ่าเงยหน้าชำเลืองมองท้องฟ้าทางเหนือ
“ผู้ที่ลงมือกับโม่หรงไม่ใช่คนที่จัดการง่าย เดิมทีไม่ปล่อยให้มันหนีกลับต้าเจินด้วยซ้ำ เพียงประเมินความโหดเหี้ยมของโม่หรงต่ำไป ทำลายมรรควิถีระเบิดมุกมังกรถึงหนีรอดได้…หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ ความโกลาหลเริ่มต้น ณ เขตแดนอันแห้งแล้งทั้งสอง เดิมทีคิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรัฐอวิ๋นที่อยู่ห่างออกไปเป็นหมื่นๆ ลี้…”
มังกรเฒ่าพูดถึงตรงนี้แล้วมองเทพหลักเมืองหลี่ตามสัญชาตญาณ จากนั้นถึงประสานมือกล่าวกับจี้หยวน
“ข้าออกจากต้าเจินมาครั้งนี้ รบกวนท่านจี้ช่วยดูแลโม่หรง ตอนนี้มีเรื่องบางเรื่องที่ข้ายังไม่แน่ใจ ขอข้าออกไปก่อน เมื่อกลับมาแล้วจะบอกกับท่านจี้ย่างละเอียด”
ผู้อาวุโสอิงพูดจบแล้วกลายร่างเป็นเงามังกรเลือนรางบินจากไป
“โฮก…”
เสียงร้องของมังกรคล้ายกับซ่อนไอสังหารรุนแรงอยู่ด้วย
“ประมุขมังกรไปเช่นนี้แล้วจะสืบเจอตัวการหรือไม่”
“ไม่แน่ใจ แต่จะต้องสังหารให้สบายใจกระมัง…”
จี้หยวนมองขอบฟ้า พลันเข้าใจขึ้นบ้างแล้วว่าเหตุใดมังกรเฒ่าไม่เคยคิดนั่งตำแหน่ง ‘เทพ’
หลังจากมังกรแท้บินจากไป ฝนห่าใหญ่ที่ยาวนานจนถึงเวลากลางคืนหยุดลงในที่สุด