ตอนที่ 18 งานแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีน
แม้ว่าการทำงานที่ชั้นยี่สิบสี่จะฟังดูน่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
เพราะว่าผู้ดูแลศูนย์ค้นคว้าแต่ละคนนั้นล้วนเป็นบุคลากรอาวุโสของโรงพยาบาลที่กลับมาทำงานอีกครั้งหลังเกษียณอายุ ทั้งไปขึ้นวอร์ด เขียนหนังสือ จัดระเบียบเอกสารต่างๆ และพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเก่า นับเป็นชีวิตการทำงานแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ
ในหนึ่งวันพวกเขาใช้เวลาทำงานไม่นานนัก แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น อย่างไรเสียพวกเขาก็อายุเยอะแล้ว คงทนทำงานนานๆ ไม่ไหว
เมื่อมีเด็กๆ ทั้งสองคนมา ผู้สูงอายุเหล่านี้ก็พลอยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
การใช้คอมพิวเตอร์สแกนนั้นไวกว่าการตรวจสอบเองค่อนข้างมาก ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อจึงมีเวลาว่างเยอะ
พ่างจื่อชอบอ่านหนังสือ ทว่าดูแล้วกลับรู้สึกแปลกๆ เพราะอะไรน่ะหรือ
เพราะว่าเห็นเจ้าหมอนี่เอาแต่ถือ ‘ตำรา**’ อยู่ตลอด แถมยังอ่านออกเสียงอีกด้วย ดี! ดีจริงๆ! นี่แหละสิ่งที่ชีวิตนี้ต้องการ!
ระหว่างที่กำลังจัดหนังสือ ไป๋เยี่ยก็พบว่าที่นี่มีหนังสือหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหมวดไหนก็มีหมด แถมมีตำราแพทย์แผนจีนเยอะด้วย
มันเยอะจนไป๋เยี่ยไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี อย่างไรเสียการค้นหาและเรียนรู้อย่างมีจุดมุ่งหมายก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็วที่สุด
การทำอะไรตรงกันข้ามดูไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดสักเท่าไหร่
ไป๋เยี่ยยอมทำภารกิจอ่านหนังสือร้อยเล่มเสร็จช้าหน่อย ดีกว่าไปตะลุยอ่านทั้งร้อยเล่มแบบสะเปะสะปะ
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังงุนงงอยู่ท่ามกลางกองหนังสือ ก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูสูงวัยดังขึ้น
“ไอ้หนู กำลังหาเล่มไหนอยู่เหรอ”
ไป๋เยี่ยหันกลับไป พบว่าคือฉินฉางเจิง หรือคนที่พ่างจื่อเรียกว่าคุณปู่ฉินนั่นเอง เขาทำงานเป็นแพทย์ในวอร์ดมาตลอดชีวิต ย่อมมีประสบการณ์และความรู้มากกว่าไป๋เยี่ยแน่นอน
ไป๋เยี่ยรีบตอบกลับ “คุณปู่ฉิน ผมเห็นว่าที่นี่มีหนังสือเยอะมาก เลยไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอ่านจากเล่มไหนดี”
ชายชราได้ฟังก็หัวเราะ “เหอะๆ ไอ้หนู ชอบอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่ดี ไม่ไปตะลอนหาหนังสือตามใจชอบก็เป็นเรื่องที่ดี การเรียนรู้น่ะ ให้หลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้ามโดยเร็ว และจดจำสิ่งที่มีคุณค่าไว้ในใจ”
“เห็นว่าคุณดูสนใจอยู่ไม่น้อย งั้นในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง ผมจะแนะนำให้แล้วกัน ตำราแพทย์แผนจีนทั้งสี่เล่มนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจ เริ่มต้นจาก ‘หวงตี้เน่ยจิง’[1] จากนั้นก็ค่อยเป็น ‘ซังหันจ๋าปิ้งลุ่น’[2] และ ‘จินคุ่ยเย่าเล่ว์’[3] สุดท้ายคือ ‘เวินปิ้ง’[4]”
“จะดูแม่น้ำให้ดูต้นน้ำก่อน จะอ่านหนังสือให้อ่านตำราก่อน เมื่ออ่านสี่เล่มนี้จบแล้วก็จะมีหลักแห่งการแพทย์แผนจีนในหัว พอถึงตอนที่ต้องอ่านความคิดเห็นจากหลากหลายที่ ก็จะพบว่านั่นล้วนเป็นสิ่งที่ตกตะกอนมาจากเหล่าผู้อาวุโสนานนับหลายปี ล้วนเป็นแก่นสารสำคัญ ทว่าการไม่ฟังเลยนั้นยังดีกว่าการฟังเพียงข้างเดียว จงใช้หูทั้งสองข้างฟังให้มากความ”
“ค่อยๆ ก็ได้ พูดเยอะเกินคุณก็คงจะไม่เข้าใจ แต่ต่อไปคุณก็จะเข้าใจเอง แพทย์แผนจีนน่ะต้องใช้เวลากับมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
ขณะที่ไป๋เยี่ยฟังชายสูงวัยพูด เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนเป็นเลเวลสอง เลเวลปัจจุบัน: เลเวลสอง: 120/5000 สำเร็จภารกิจที่หนึ่ง ได้รับแต้มสมาชิกยี่สิบแต้ม และโอกาสจับรางวัลสองดาวจำนวนหนึ่งครั้ง]
ไป๋เยี่ยนึกไม่ถึงเลยว่าเพียงคำพูดของคุณปู่ฉินจะทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นเกือบสองร้อยแต้ม
ความหมายของประโยคที่ว่า ‘เพียงหนึ่งวจีมีประโยชน์กว่าอ่านหนังสือเป็นสิบปี’ ก็คงประมาณนี้
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็ไปหาตำรา ‘หวงตี้เน่ยจิง’ แบบไม่มีคำอธิบายมาอ่าน
อ่านไม่รู้เรื่องไม่ใช่เรื่องสำคัญ มีคนเฒ่าคนแก่อยู่ที่นี่ตั้งหลายคน ไป๋เยี่ยไม่กลัวหรอก
คัมภีร์ ‘หวงตี้เน่ยจิง’ เป็นพื้นฐานแห่งการแพทย์แผนจีน เป็นรากฐานของทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ไป๋เยี่ยอ่านไวมาก แต่กลับใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจ
แพทย์ในประวัติศาสตร์ต่างมีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับ ‘หวงตี้เน่ยจิง’ ทุกยุคสมัยล้วนมีคำอธิบายที่ต่างกัน
จากนั้นไป๋เยี่ยก็ดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรแห่ง ‘หวงตี้เน่ยจิง’ เขาอ่านหนังสือของทุกยุคสมัย และทำความเข้าใจคำอธิบายจากแต่ละคนอย่างละเอียด จากนั้นก็ไปให้พวกคุณปู่ฉินอธิบายให้ฟังอีกที
ด้วยความสามารถใน ‘การอ่านเร็ว’ ของเขา ทำให้ความเร็วในการอ่านหนังสือและพัฒนาการของเขาไวขึ้นมาก
วันที่สามสิบ ธันวาคม ไป๋เยี่ยก็ได้รับใบประกาศจากแผนกการบริการทางการแพทย์
‘บุคลากร (ครอบคลุมทั้งนักศึกษาฝึกงาน นักศึกษาชั้นปริญญาโท และนักศึกษาเตรียมแพทย์) อายุต่ำกว่าสามสิบห้าปีในแผนกของเรา โปรดลงสมัครเข้าร่วมการแข่งขันความรู้พื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนระดับประเทศครั้งที่หนึ่ง’
ไป๋เยี่ยอึ้ง
การแข่งขันความรู้พื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนงั้นเหรอ
จะเป็นการแข่งแบบไหนกันนะ
ไป๋เยี่ยเปิดโทรศัพท์ เตรียมจะเข้าหน้าเว็บไป๋ตู้ จึงเห็นว่าที่หน้าแรกของไป๋ตู้นั้นมีแถบสีแดงแถบหนึ่งปรากฏขึ้น!
‘การแข่งขั้นความรู้พื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนครั้งที่หนึ่ง เงินล้านกำลังรอคุณอยู่!’
ไป๋เยี่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง รางวัลใหญ่คือล้านหยวนเหรอ เยอะขนาดนั้นแล้วจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ!
เมื่อลองอ่านดีๆ ไป๋เยี่ยก็แทบช็อกไปทันที
สุดยอด!
[ต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความโดดเด่นของการแพทย์แผนจีน สร้างความแข็งแกร่งให้กับวัฒนธรรม และสืบทอดวัฒนธรรมการแพทย์แผนจีนต่อไป…
อีกทั้งวัฒนธรรมดั้งเดิมนั้นนับวันยิ่งจางหายไป จึงต้องทำให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกับการแพทย์แผนจีน
คุณสมบัติในการเข้าแข่งขัน:
1. อายุต่ำกว่าสามสิบห้าปี
2. เป็นประชาชนสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีใจรักต่อแพทย์แผนจีน
ทุกๆ คน ทั้งคนที่ไม่มีอาชีพ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือไม่มีวุฒิการศึกษาสามารถสมัครได้]
ไป๋เยี่ยเข้าใจแล้ว เหล่าผู้คนในโรงพยาบาลที่มีคุณสมบัติตรงจะต้องสมัครการแข่งขันครั้งนี้
ดูท่าการแข่งขันครั้งนี้จะไม่ธรรมดาเลย!
การแข่งขันแบ่งออกเป็นระดับดังนี้
รอบที่หนึ่ง: การคัดเลือก ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นทางการ และทำข้อสอบผ่านอินเทอร์เน็ต
รอบที่สอง: การแข่งขันระดับมณฑล ผู้เข้าแข่งขันทุกคนในมณฑลนั้นๆ แข่งขันกันโดยอิงจากรอบคัดเลือก
รอบที่สาม: การแข่งขันระดับประเทศ เป็นด่านสุดท้ายของการแข่งขัน แบ่งเป็นการแข่งแบบทีมและการแข่งเดี่ยว ซึ่งการแข่งขันในระดับนี้จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเป็นเงินสดจำนวนหนึ่งล้านหยวน
ถ้าการแข่งขันครั้งนี้ไม่จำกัดอายุล่ะก็ ไป๋เยี่ยก็คงไม่คาดหวังมากนัก เพราะว่าพวกแพทย์อาวุโสเหล่านั้นทั้งเก่งกาจและมีความรู้มากมาย เมื่อเทียบกันแล้ว ไป๋เยี่ยยังคงอ่อนหัดกว่าเยอะ แม้แต่ระดับวิชาชีพเขายังไปไม่ถึงขั้นนั้นเลย จะเอาอะไรไปแข่งด้วยล่ะ
ทว่าการสอบครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนอย่างเดียว โดยหลักๆ จะครอบคลุมความรู้จากสองวิชา คือ ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนและวิชายาจีน สองวิชานี้เป็นเนื้อหาสำคัญที่ใช้ในการสอบ
ไป๋เยี่ยเปิดดูแผงคุณสมบัติของตนเอง
ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน: เลเวลสอง: 2190/5000
วิชายาจีน: เลเวลหนึ่ง: 890/3000
วิชาที่มีเลเวลสูงสุดอย่างทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนยังขาดค่าประสบการณ์อีกเกือบๆ สามพันแต้มกว่าจะขึ้นเลเวลสามได้ ทว่าวิชายาจีนยังขาดเยอะกว่านั้น ถ้าใช้สอบเรียนต่อปริญญาโทก็ยังพอว่า แต่เรนจ์ของอายุที่จำกัดในการสอบครั้งนี้กว้างกว่านั้นมาก ถึงตั้งอายุสามสิบห้า ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าถ้าความรู้ของตนเองไม่ถึงเลเวลสาม แม้แต่รอบระดับมณฑลก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว
วันนี้เป็นวันที่สามสิบ ธันวาคม วันสอบคือวันที่หนึ่ง มกราคม มีเวลาอีกแค่หนึ่งวัน คงเตรียมตัวไม่ทันอยู่แล้ว
หลังจากที่ไป๋เยี่ยดาวน์โหลดแอป กดสมัครบัญชี และยืนยันตัวตนผ่านบัตรประชาชนแล้ว ก็ถูกจัดให้ไปอยู่เขตมณฑลจิ้นซี
ทันทีที่ไป๋เยี่ยลงทะเบียนเสร็จ ก็ได้รับภารกิจจากระบบ
[ติ๊ง! เริ่มภารกิจ ผ่านการแข่งขันรอบที่หนึ่งสู่รอบระดับมณฑล รางวัล: ค่าประสบการณ์จำนวนมากและโอกาสจับรางวัล คำเตือน: ยิ่งได้อันดับดี รางวัลก็ยิ่งเยอะ]
[1] หวงตี้เน่ยจิง คือตำราแพทย์แผนจีนตั้งแต่สองพันปีก่อน ถือเป็นตำราแพทย์เล่มแรกของจีนและของโลก
[2] ซังหันจ๋าปิ้งลุ่น คือตำราแพทย์ซึ่งมีหลักการวินิฉัยรักษาโรคและสูตรยาต่างๆ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการแพทย์
[3] จินคุ่ยเย่าเล่ว์ คือตำราแพทย์แผนจีนเกี่ยวกับการรักษาโรคโดยทั่วไป
[4] เวินปิ้ง หรือ เวินปิ้งเถียวป้าน คือตำราแพทย์แผนจีนเกี่ยวกับไข้