ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 401 เรื่องในอดีตของชือหลี

ตอนที่ 401 เรื่องในอดีตของชือหลี

เสียงเพลงนั้นเหมือนกับว่าจะพลิ้วมากับสายลม แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับว่าจะสะท้อนขึ้นมาจากเกลียวคลื่น ทั้งลึกลับ และดังอยู่ไกลออกไป

“เป็นนางพรายในทะเลตะวันตก….นางพรายกำลังร้องเพลง!”

ผู้คนบนเรือประมงต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา ความหวาดกลัวขุมหนึ่งครอบคลุมลงไปยังร่างของคนทั้งหลาย

เรื่องที่ในทะเลตะวันตกมีนางพรายร้องเพลงเรียกอยู่นั้น…..เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น

หลายปีมานี้แทบจะไม่มีผู้ใดออกเรือยามกลางคืน ดังนั้นจึงแทบจะลืมเรื่องเล่านี้กันไปหมดแล้ว

พวกเขาออกเรือกันมาตั้งหลายวันแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้อยู่ๆก็บังเอิญเจอะเจอขึ้นมาจึงเริ่มบังเกิดความหวาดกลัว

สีหน้าของชาวประมงและพ่อค้าล้วนย่ำแย่ เหล่านักพรตยังคงสงบนิ่งได้มากกว่า พวกเขาสั่งให้ผู้คนรีบอุดหูเอาไว้ ไม่ต้องไปฟัง

บนโขดหิน เงาร่างที่สวยงามนั้นแย้มยิ้มมากกว่าเดิม

มีผู้ฝึกตนด้วยรึ? เช่นนั้นก็ยิ่งดีนะสิ

หมอกหนาทึบลอยช้าๆ เสียงเพลงที่แสนจะไพเราะดังสะท้อนกลับไปกลับมาบนท้องทะเล……

ในเสียงเพลงที่ดังสะท้อนไปทั่วท่ามกลางความมืดของยามค่ำคืน มีเสียงกรีดร้องของเลือดเนื้อที่ถูกฉีกกระชากปะปนอยู่

………………………..

วันรุ่งขึ้น มีข่าวลือดังไปทั่วน่านน้ำของทะเลตะวันตก

เรือสิบกว่าลำที่ออกทะเลไปจับมนุษย์มัจฉาเมื่อวานล้วนจบสิ้นแล้ว

บนเรือไม่เหลือคนที่มีชีวิตแม้แต่คนเดียว

เมื่อเข้าใกล้เวลาเย็น มีเรือเปล่าๆลอยลำลอยเท้งเต้งกลับมา

บนเรือมีแต่เลือดสาดไปทั่ว …..และรอยขีดข่วนอยู่เต็มไปหมด

………………………

ณ ก้นทะเลตะวันตก ในมุมที่มืดมิด มังกรหินขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดเป็นวงกลม

บนมังกรหินปกคลุมไปด้วยพืชน้ำและสาหร่าย บนนั้นมีเหล่ากุ้ง ปู งูทะเลกำลังปีนป่ายไปมาอย่างขวักไขว่

มังกรหินขนาดใหญ่อ้าปากกว้าง น้ำทะเลสามารถไหลผ่านเข้าไป อีกทั้งภายในก็ยังมีแสงสว่างเรืองรองออกมา

ที่นี่คือวังมังกรทะเลตะวันตก หลังจากบรรพชนแห่งมังกรได้ล่วงลับไป ร่างก็กลายเป็นหิน กลายเป็นสถานที่ปกป้องคุ้มภัยอันแสนปลอดภัยให้กับเหล่าลูกหลาน

เมื่อผ่านเข้าไปทางปากมังกรหิน ก็จะได้พบวังมังกรที่อยู่ภายใน

ภายในมังกรหิน แต่ละวัง แต่ละตำหนัก ถูกสร้างด้วยหินหยกสีเขียวที่ส่องประกายแวววาว

ไข่มุกขาวนวลและอัญมณีมากมายถูกประดับเอาไว้บนยอดตำหนัก ยามเมื่อกระสบแสงไฟแม้เพียงเล็กน้อยก็จะส่องประกายระยิบระยับราวกับแสงดาวพร่างพราวไปหมด

แมงกระพรุนสีเงินอมฟ้าเกาะอยู่บนป้ายด้านหน้า เรียงตัวเป็นอักษร ‘วังมังกรทะเลตะวันตก’ สี่ตัว

………………………….

 

ภายในตำหนักกลาง บนเสาสีทองที่แกะสลักอย่างงดงามนั้น มีสตรีซึ่งมีร่างกายครึ่งล่างเป็นงูอยู่ผู้หนึ่ง

นางก้มหน้าลง เส้นผมสีแดงที่ยาวสลวยปกคลุมไปทั่วเรือนร่าง บนอกของนางมีตะปูกระดูกแท่งยาวเกือบคืบปักอยู่ ตะปูกระดูกแทงทะลุทรวงอกตรึงนางติดเอาไว้กับเสาสลักสีทอง

ใบหน้าของนางซีดขาว ลมหายใจรวยริน

ในตอนนั้นเอง ประตูใหญ่ของวังมังกรก็เปิดออก เงาคนสองคนก้าวเข้ามา

หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรี ทั้งสองสวมใส่ชุดสีครามที่วิจิตรงดงาม เขามังกรบนศีรษะยิ่งส่งเสริมความสูงส่ง

บุรุษผู้นั้นก็คือราชามังกรตะวันตก ลู่กว่าง สตรีผู้นั้นก็คือราชินีมังกรตะวันตก หลิ่วฮุ่ย

ยามที่ทั้งสองมาถึง ชือหลีก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สายตาของนางมีแต่ความชิงชังรังเกียจ

ราชามังกรลู่กว่างทรงเห็นสายตาที่ชิงชังนั้นอย่างเต็มที่ สีหน้าของเขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “กลับบ้านมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เคยทำหน้าทำตาให้ดีเลยสักครั้ง ตอนนี้ยังจะกล้ามาชักสีหน้าถลึงตาใส่ข้าอีกหรือ?”

ชือหลีส่งเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง ก็เบือนหน้าไปทางอื่น คร้านจะพูดกับเขาอีก

“เจ้าดูเอาสิ ช่างจองหองเหมือนกับมารดาของนางไม่มีผิด! ในสายตาไม่เคยมีผู้อาวุโส สมควรตายนัก!” ราชามังกรทรงพิโรธแล้ว แทบอยากจะเอาแส้มาเฆี่ยนตีนางเสียเดี๋ยวนี้เลย

เดิมทีชือหลีหลุบตาลงไปแล้ว แต่ทันใดนั้นนางก็ขุ่นเคืองจนเงยหน้าขึ้นมา จดจ้องไปที่เขาอย่างจริงจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “อย่าได้เอ่ยถึงมารดาของข้า เจ้ามันไม่คู่ควร!”

ราชามังกรพิโรธจนยกหัตถ์ขึ้นมาตบลงไปบนใบหน้าของชือหลีในทันที “ใครสั่งสอนให้เจ้าใช้วาจาเช่นนี้กล่าวกับข้ากัน?”

ฝ่ามือนี้พอตบลงไปก็ทำให้ใบหน้าของชือหลีหันไปอีกทาง

ริมฝีปากของนางมีเลือดไหลซึมออกมา ในดวงตามีแต่ความขุ่นแค้น

ราชามังกรพิโรธจนตบลงไปอีกสองฝ่ามือติดๆกัน ราชินีถึงได้ค่อยยั้งเขาเอาไว้ ช่วยลูบหน้าอกให้กับเขา “ท่านพี่โปรดคลายโทสะ ผ่านไปหายปีหลีเอ๋อร์พึ่งจะกลับมาเป็นครั้งแรก พวกท่านบิดาและบุตรสาวยากนักที่จะได้กลับมาเจอกัน นางยังเป็นเด็กอยู่ ย่อมต้องไม่รู้เรื่องอยู่บ้าง ท่านสั่งสอนเอาก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องรุนแรงถึงเพียงนี้หรอก”

“เจ้าออกตัวแทนนังเด็กสารเลวนี่รึ!” ราชามังกรไม่เพียงแต่คลายพิโรธ แต่ยังถลึงเนตรขึ้นมา “ตอนนั้นหากมิใช่เพราะว่ามารดาของนาง เผ่ามังกรตะวันตกของพวกเราก็คงจะไม่ต้องตกต่ำถึงเพียงนี้!”

ชือหลีหัวเราะเย็นชาออกมา มุมปากของนางมีแต่เลือดนางขบริมฝีปากเอาไว้ แววตามีแต่ความหยามหมิ่น “ไอ้แก่สารเลว ข้าบอกแล้วไง อย่าได้เอ่ยถึงมารดาของข้า!”

“อย่าได้ลืมสิว่า เจ้าก็คือคนที่แต่งเข้ามา มังกรตะวันตกล้วนใช้แซ่ชือ ไม่ใช่แซ่ลู่!”

เนื่องเพราะความขุ่นเคือง ทรวงอกของนางจึงสะท้อนขึ้นลง บดเบียดกับตะปูกระดูกมากกว่าเดิม สร้างความเจ็บปวดจนใบหน้าของชือหลีมีแต่เหงื่อท่วมทั่ว

เพียงแค่ประโยคเดียว กลับทำให้ราชามังกรโกรธแค้นจนชักกระบี่ออกมา แทบจะสับนางอยู่แล้ว

ยังดีที่ฮองเฮายื่นมืออกไปรั้งเขาเอาไว้ในทันที “ท่านพี่อย่าได้หุนหันไป หลีเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของท่านนะเจ้าคะ!”

ว่าแล้ว นางก็กล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่ง “หากว่าท่านสังหารนางไป แล้วใครจะแต่งไปเผ่ามังกรทมิฬกันเล่า?”

ประโยคหลังนั้นทำให้ราชามังกรยอมสงบลง …..หากฆ่าชือหลี แล้วใครจะแต่งไปเผ่ามังกรทมิฬกัน?

“ไอ้แก่สารเลว เจ้าลงมือสิ?” ชือหลีหัวเราะออกมา “ฆ่าข้าเสียเลย แล้วก็ให้บุตรสาวสุดที่รักของเจ้า ลู่เวย แต่งไปแทนไม่ดีหรือไง?”

คำพูดของชือหลีนี้ ทำให้กระทั่งฮองเฮาเองก็ไม่ยินดีขึ้นมาบ้างแล้ว สายตาของนางอึมครึมลง สีหน้าปรากฏความลำบากใจออกมา “หลีเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงได้ใจร้ายเช่นนี้เล่า? เวยเอ๋อร์เป็นพี่สาวแท้ๆของเจ้า นางจะแต่งไปยังเผ่ามังกรตะวันตกได้อย่างไรกัน?”

“เจ้าจะไปพูดกับนางทำไม เวยเอ๋อร์เป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเรา แล้วจะให้แต่งไปยังสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร?” ราชามังกรยังคงพิโรธไม่คลาย เขาเบิ่งเนตรโต กำหมัดจนส่งเสียงกรอบออกมา “เวยเอ๋อร์คือความภาคภูมิใจของพวกเรา เป็นความหวังของเผ่ามังกร ในอนาคตเผ่ามังกรทั้งหมดยังต้องพึ่งพานางนำไปสู่ความรุ่งเรือง”

 

ฮองเฮาซ่อนสีหน้าขุ่นเคืองเอาไว้ นางหลุบตาลงด้วยท่วงท่าน่าสงสาร “จะฝ่ามือหรือหลังมือก็ล้วนเป็นเนื้อ หลีเอ๋อร์เองก็เป็นบุตรสาวของท่านพี่ …..ข้าไม่อาจจะหักใจอยู่บ้างจริงๆ”

“ฮูหยินมีเมตตาเกินไปแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องสำนึกผิดใดๆต่อนังเด็กสารเลวนี่ทั้งนั้น” ราชามังกรสีหน้าไร้อารมณ์ “สามารถแต่งให้กับเผ่ามังกรทมิฬได้ ก็ต้องถือว่าเป็นบุญวาสนาที่นางสั่งสมมาถึงแปดชาติแล้ว! เจ้าควรจะยินดีกับนางถึงจะถูก”

คราวนี้ชือหลีหัวเราะออกมาแล้ว

เมื่อได้เห็นบุรุษที่ชั่วช้าตรงหน้า บิดาแท้ๆของนาง กล่าวออกมาอย่างไร้น้ำใจและไม่รักศักดิ์ศรีใดๆ หัวใจของนางก็เย็นยะเยือกลงไปอีก

ทั้งๆที่เขาก็เป็นเพียงแค่ชาวมังกรตะวันตกตนหนึ่งแท้ๆ แต่เพราะตอนนั้นได้รับการเหลือบแลจากมารดา จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวังมังกร พอได้ครองบัลลังก์ ก็ค่อยๆยึดเอาอำนาจการปกครองทุกอย่างไปจนสิ้น

 

ใครจะไปนึกว่า พออดีตราชมังกรพึ่งจะสิ้นไป เขาก็สำแดงนิสัยที่ชั่วช้าออกมา ไม่เพียงแต่ทอดทิ้งมารดาของนาง แต่ยังนำเอาสตรีที่แอบเลี้ยงดูอยู่ภายนอกอย่างหลิ่วฮุ่ยเข้าวัง

 

ทั้งยังยกย่องหลิ่วฮุ่ยให้เป็นภรรยาที่มีฐานะเท่าเทียมกันโดยมิได้สนใจความรู้สึกของมารดาแม้แต่น้อย

มารดาถูกทำร้ายอย่างหนัก ด้วยความโกรธเคืองจึงฉีกหน้าเลิกกับเขา เกิดเป็นสงครามยิ่งใหญ่ที่พลิกท้องทะเลจนคว่ำ คลื่นทะเลซัดโหม จนจมเมืองริมทะเลไปทั้งเมือง

 

และในสงครามครั้งนั้น เขาได้สังหารมารดาของนาง!

จากนั้น….บุรุษผู้นี้ก็ผลักเอาความผิดทั้งหมดมาไว้ที่มารดาของนาง

คนที่ตายไปแล้วจะให้แก้ตัวได้อย่างไร? ในเมื่อตายไปแล้วก็ได้แต่ต้องยอมแบกความผิดนั้นเอาไว้กับตัว

ตอนนั้นนางพึ่งจะมีอายุครบร้อยปีเท่านั้นเอง ยังเป็นเพียงมังกรน้อยที่อ่อนเยาว์ตัวหนึ่ง

น้องสาวของนางชือฉิงพึ่งจะออกมาจากเปลือกไข่มังกร…..

ในขณะที่พวกนางยังไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ก็ถูกเขาลากออกไปรับโทษแทน….

นางไม่มีทางลืมเลือนความเจ็บปวดยามเมื่อถูกกระชากกระดูกมังกรออกไป……ความเจ็บปวดที่ลึกลงไปถึงแก่นกระดูกนั้น ย่อมจดจำได้ไปชั่วชีวิต

 

 

……………………………………….

ตอนต่อไป “มังกรทอง”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท