ตอนที่ 106 คุณเล่านิทานให้ฟังได้ไหม
ไป๋เยี่ยนอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น
การได้ตีพิมพ์บทความลงในวารสารระดับโลกที่มีคะแนนไอเอฟสูงเสียดฟ้าถึงสามฉบับและได้ร่วมเป็นผู้เขียนบทความอีกสิบเอ็ดบทในวารสารชั้นนำต่างๆ เป็นเรื่องชวนขนลุกมาก!
อย่าว่าแต่คนอื่น แม้แต่เฮ่ออันยังทำไม่ได้เลย!
เขาได้ตีพิมพ์บทความลงในวารสารมากกว่าสามสิบฉบับก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่วารสารที่มีคะแนนไอเอฟสูงมากนัก ไป๋เยี่ยลองตรวจสอบคะแนนไอเอฟของวารสารเหล่านั้นก็พบว่าคะแนนสูงสุดคือเก้าเท่านั้น ส่วนฉบับอื่นๆ ก็มีคะแนนอยู่แค่สองถึงสี่คะแนน
บทความของไป๋เยี่ยที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ‘เซลล์‘ มีคะแนนไอเอฟสูงถึงสามสิบคะแนน รวมสองบทความก็เป็นหกสิบคะแนน ไหนจะบทความที่ได้ตีพิมพ์กับเอ็มไอโออีกยี่สิบคะแนน แค่นี้ก็รวมกันได้แปดสิบคะแนนแล้ว
ทว่าการได้เป็นผู้เขียนร่วมนั้นยังมีจุดที่แตกต่างจากการเป็นผู้เขียนต้นฉบับอยู่เล็กน้อย
ผู้เขียนต้นฉบับคือผู้ที่จัดพิมพ์บทความคนแรกและมีคุณค่ามากที่สุด หากมีผู้เขียนร่วมก็จะขึ้นอยู่กับมาตรฐานของหน่วยงานในประเทศนั้นๆ
ผู้เขียนต้นฉบับถือเป็นผู้เขียนคนแรก ส่วนผู้เขียนคนที่สองเป็นต้นไปจะถือว่าเป็นผู้เขียนร่วมทั้งสิ้น
ในประเทศจีน บางหน่วยจะนับเฉพาะผู้เขียนคนแรกในการประเมินตำแหน่งทางวิชาชีพ อย่างไรก็ตามถ้าหากสังกัดอยู่ภายใต้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ ผู้เขียนร่วมก็จะถูกนับเป็นผู้เขียนคนแรกด้วย
แต่เนื่องจากในต่างประเทศมีบทความและหัวข้อระดับสูงจำนวนมากจึงจำเป็นต้องมีการแบ่งงานและทำงานร่วมกันของหลายๆ หน่วยงาน ลำพังผู้เขียนต้นฉบับคนเดียวคงไม่พอ การทำงานเป็นทีมจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
แน่นอนว่าสำหรับวารสารชั้นนำอย่าง ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ และ เดอะแลนซิต ฯลฯ ย่อมให้คุณค่าแก่ผู้เขียนคนที่สองและสามมากกว่าที่วารสารทั่วๆ ไปที่ให้คะแนนเพียงสองสามคะแนน
คงจะพอเข้าใจแล้วว่าทำไมไป๋เยี่ยจึงตื่นเต้นมาก
หลังจากที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาราวๆ สองสามชั่วโมง ไป๋เยี่ยก็นอนไม่หลับสักที เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูโมเมนต์ของเพื่อนๆ
คุณคงคิดในใจว่าโมเมนต์น่ะไถดูแป๊บๆ ก็หมดแล้ว ใช้เวลาไม่นานหรอก
ทว่าตั้งแต่ที่ไป๋เยี่ยไปเมืองหลวงตอนนั้น หน้าโมเมนต์ของเขาก็เปลี่ยนไปมาก
ตัวอย่างเช่น
จางเสวียเวิ่น [การรักษาอาการวิงเวียนศีรษะต้องเริ่มจากการรักษาตับ ในหวงตี้เน่ยจิงกล่าวว่า อาการวิงเวียนศีรษะซึ่งเกิดจากลมนั้นมีสาเหตุมาจากตับ…]
คาริส: [การจัดเรียงโครงสร้างของโมเลกุลใหม่จากวารสาร ‘นิวอิงแลนด์’…]
เดซี่: [จากการทดลองล่าสุดของผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ประจำปี 2011 อ้างว่าโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์มีหน้าที่ในการส่งสัญญาณ…]
สวี่โฮ่วเต้า: [การรักษาโรคอัลไซเมอร์ด้วยการฝังเข็มบนหนังศีรษะ พบว่าไฮโปทาลามัส…]
นอกจากนี้ยังมีโมเมนต์จากคนอื่นๆ อีก ไป๋เยี่ยจึงนั่งไถโมเมนต์อ่านไปเรื่อยๆ จนเช้า
พวกผู้ใหญ่ไม่ได้เข้ามาเช็กโมเมนต์ทุกวัน ส่วนใหญ่มักจะบังเอิญเข้ามาเห็นอะไรดีๆ แล้วกดแชร์ต่อกันไป
โดยเฉพาะจางเสวียเวิ่น เขามักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือไม่ก็เป็นวันในการเขียนบทความลงโมเมนต์
ทั้งหมดล้วนเป็นบทสรุปของประสบการณ์ที่เขาได้เจอมาซึ่งมีคุณค่าต่อการศึกษาค้นคว้ามาก
แม้ว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นจะเกิดขึ้นนานๆ ที ทว่าก็มีบางเคสที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปเหมือนกัน
ดังนั้นไป๋เยี่ยจึงไถโมเมนต์ด้วยความใฝ่รู้ไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ ขาได้รับประสบการณ์มากมายเลยทีเดียว
บางคนอาจจะเข้ามาดูโมเมนต์เพื่อผ่อนคลาย ทว่าบางคนก็เข้ามาเพราะต้องการค้นคว้า
กว่าจะอ่านจบก็เช้าแล้ว…
ไป๋เยี่ยง่วงขึ้นมาในทันใดเมื่อมองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง…ทว่าเมื่อเขากำลังจะพลิกตัวนอน เสียงแจ้งเตือนจากวีแชทก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ไป๋เยี่ยกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ ที่แท้ก็เมิ่งอวิ๋นซีนี่เอง…
ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดจะทำอะไร
เมิ่งอวิ๋นซี: [ตื่นหรือยังคะ]
ตื่นงั้นเหรอ ยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก!
ไป๋เยี่ย: [ครับ เพิ่งตื่น]
เมิ่งอวิ๋นซี: [ค่ะ ฉันยังไม่ได้นอนเลย]
ไป๋เยี่ย: [บังเอิญจริงๆ เลยครับ]
เมิ่งอวิ๋นซี: [???]
ไป๋เยี่ยรู้สึกเคอะเขินมาก โอเค ก็ยังไม่ได้นอนจริงๆ นี่นา จะให้ตอบว่าอะไรเหรอ ไม่มีทาง…ต้องเป็นคนซื่อสัตย์สิ…หรือว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงยังไม่มีแฟนกันนะ
ไป๋เยี่ย: [แค่กๆ ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรเหรอครับ]
เมิ่งอวิ๋นซี: [คุณกำลังเรียนแพทย์ใช่ไหมคะ ฉันได้ยินมาจากเดซี่ว่าคุณเป็นคนเก่งมาก พอจะมีวิธีแก้อาการนอนไม่หลับบ้างไหมคะ]
ไป๋เยี่ยชะงัก นอนไม่หลับงั้นเหรอ โรคนอนไม่หลับถือเป็นโรคที่รักษายากมากโรคหนึ่ง เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาจนหายขาดไม่ได้ ซึ่งทางการแพทย์แผนปัจจุบันก็ยังหาสาเหตุของโรคนี้ไม่เจอ
‘ความบกพร่องของระบบประสาทอัตโนมัติ’ โอเค เข้าใจยากจริงๆ
โดยทั่วไปวิธีการรักษาที่นิยมใช้กันคือ ใช้ยานอนหลับชนิดต่างๆ
ตั้งแต่เบนโซไดอะซีพีน เช่น ไดอะซีแพม และโคลนาซีแพม ไปจนถึงยาเม็ดเอสโซปิโคลนที่ไม่ใช่เบนโซไดอะซีพีน ที่ได้รับการพัฒนามาจากรุ่นสู่รุ่น
อย่างไรก็ตาม ยานอนหลับเหล่านี้ก็มีผลข้างเคียงมากมาย อย่างแรกคือภาวะดื้อยา ยิ่งรับประทานมากเท่าไรก็ยิ่งต้องรับประทานมากขึ้นเท่านั้น ในบางเคสอาจจะต้องรับประทานวันละเจ็ดหรือแปดเม็ด แล้วเกิดการติดยา หยุดยาไม่ได้ การหยุดยามีแต่จะทำให้อาการนอนไม่หลับแย่ลง นอกจากนี้ยังมีทั้งผลข้างเคียงของการหยุดยา อาการฟื้นตัวหลังการหยุดยา และอาการการนอนไม่หลับที่แย่ลง รวมถึงความเสียหายต่อการทำงานของตับและไต…
ดังนั้นถึงแม้การนอนไม่หลับจะไม่ใช่โรค แต่มันเป็นอันตรายถึงชีวิตได้!
เมื่อไปเยี่ยได้รู้ว่าที่แท้เมิ่งอวิ๋นซีก็เป็นโรคนอนไม่หลับ จึงถามว่า [คุณเป็นโรคนอนไม่หลับบ่อยไหม]
เมิ่งอวิ๋นซี: [ฉันนอนไม่หลับมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บางครั้งก็นอนไม่หลับทั้งคืนเลย]
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังระดมความคิดและเตรียมจะพิมพ์ถามในกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ จู่ๆ เมิ่งอวิ๋นซีก็ถามขึ้นมา: [คุณเล่านิทานให้ฟังได้ไหม]
ไป๋เยี่ยผงะ เล่านิทานเหรอ
เราก็เล่าไม่ค่อยเก่งด้วยสิ
เถ้าแก่ไป๋เป็นคนเล่านิทานเก่งมาก เขามักจะเล่าเกินจริงเสมอ ไป๋เยี่ยเองก็ฟังเขาโม้มาตั้งเยอะ บางทีเขาอาจจะใช้ประโยชน์จากส่วนนั้นก็ได้
ไป๋เยี่ย: [คุณอยากฟังอะไรล่ะ]
เมิ่งอวิ๋นซี: [ได้หมดค่ะ เล่ามาเถอะ] ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็กดโทรมา
ไป๋เยี่ยชะงัก เพื่อนทั้งสามคนของเขายังหลับอยู่เลย เขาพูดเบาๆ ว่า “รอสักครู่” จากนั้นก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากหอพักไป
เมืองไท่หยวนในเดือนเมษายนไม่อบอุ่นเลยสักนิด ยังคงมีไอเย็นแผ่นซ่านไปทั่วอยู่ ทว่าไป๋เยี่ยกลับตอบตกลงไปแต่โดยดี
“ผมจะเล่าเรื่องของจิตรกรคนหนึ่งให้ฟัง ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในฝรั่งเศส มีเด็กน้อยคนหนึ่งผู้มีพ่อและปู่ทำงานเป็นช่างฝีมือธรรมดาๆ ทั้งคู่ ต่อมาพ่อของเขาได้เลื่อนตำแหน่งจากผู้จัดการร้านหมวกมาเป็นนายธนาคาร” ผู้จัดการ…”
นี่เป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจที่เถ้าแก่ไป๋มักจะนำมาสอนไป๋เยี่ยเมื่อตอนเด็กๆ ไป๋เยี่ยไม่มีนิทานเรื่องอื่นในหัวเลย จึงได้แต่เล่านิทานที่เคยฟังตอนเด็กๆ
แรกๆ ไป๋เยี่ยก็ยังได้ยินเสียงพึมพำในลำคอจากอีกฝ่ายอยู่ ทว่าหลังจากนั้นเสียงนั้นก็ค่อยๆ เงียบลงไป…
ไป๋เยี่ยหยุดเล่าพร้อมกับเอ่ยถาม “คุณ…ฟังอยู่หรือเปล่าครับ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ ไป๋เยี่ยก็ถามซ้ำ “คุณหลับแล้วเหรอ”
ยังไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย ไป๋เยี่ยห่อร่างกายที่กำลังสั่นไปด้วยความหนาวแน่นพลางย่ำเท้าไปด้วย…มันหนาวมากจนเขาต้องวางสายโทรศัพท์แล้ววิ่งกลับไปที่หอพัก
หลังจากนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาหนาวจนง่วงไปเอง…ง่วงสุดๆ…หัวถึงหมอนไม่ทันไรก็หลับไปเสียแล้ว
………………………………………………………………