ในตอนนี้หัวใจของพี่รองแทบจะกระดอนขึ้นมาถึงคอหอยอยู่แล้ว
หากบอกว่าน้องเล็กกำลังทุบตีตัวประหลาดอื่นๆก็แล้วไปเถอะ….มิใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่ว่าเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้านั่น คือมังกรของแท้ตัวเป็นๆ!
น้องเล็กไม่ทันได้กระพริบตา ก็ลงมือทุบตีอย่างโหดเ**้ยมไปแล้ว ซวยแน่!
ดาบกระดูกมังกรนั้นพอปรากฏออกมา เพียงแค่แรงกดดันก็ทำเอาคนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
ขณะที่เห็นว่าดาบนั้นกำลังจะแทงเข้าไปในลำคอของตู๋กูซิงหลัน ติ๊งต๊องก็เตรียมพร้อมจะพ่นไฟเอาไว้อยู่แล้ว…..แต่ว่าเมื่ออยู่ในท้องทะเล พ่นไฟคงมิได้ช่วยอะไรเท่าไหร่กระมั้ง?
ทันใดนั้นเอง ก็เห็นดาบใหญ่ในมือของตู๋กูซิงหลันควงตัวรอบหนึ่ง เปลี่ยนเป็นกำบังอยู่ด้านหน้า สกัดดาบกระดูกมังกรนั้นเอาไว้อย่างตรงๆ
ลู่เวยหัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง “อาวุธของคนธรรมดาก็จะขัดขวางข้าได้หรือ?”
ดาบที่หลอมขึ้นจากกระดูกมังกร แฝงพลังหนักแน่นสามารถผ่าขุนเขา นางคิดจะใช้ดาบยักษ์ของมนุษย์ธรรมดามาสกัดตน?
นี่มิใช่เท่ากับว่าเอาเปลือกไข่มากระทบกับก้อนหินหรอกหรือ?
“สายตาของชือหลีช่างใช้การไม่ได้เสียจริงๆ เรียกทัพหนุนมาทั้งทีกลับมีแต่พวกโง่งม! ถึงจะมีความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่พวกบ้าบิ่นที่ไร้สมอง!” นางเอ่ยอย่างเย็นชา ถ่ายทอดพลังผ่านฝ่ามือ พลังที่แข็งแกร่งโหมออกไปเป่าเสื้อผ้าของตู๋กูซิงหลันปลิวขึ้นไป
ขนาดมุกมังกรในฝ่ามือของนางยังเกิดความสั่นสะท้านขึ้นมา
ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์ด้วยมือเดียว กลับสามารถต้านทานดาบเล่มนั้นเอาไว้ได้
เสียง ‘เปรี้ยง’ สะท้อนออกมาจากจุดที่ดาบกระดูกมังกรและดาบยักษ์กระแทกกันจนเกิดแสงสว่างบาดตา
ทันทีที่แสงสว่างนั้นระเบิดออก เหล่าสัตว์ทะเลที่พากันรายล้อมอยู่ต่างก็แยกย้ายถอยหลังออกไป
ตู๋กูซิงหลันใช้พลังยกดาบยักษ์ขึ้นมา ใจกลางฝ่ามือของนางบังเกิดหมอกสีดำขุมหนึ่ง หมอกสีดำนั้นแทรกซึมเข้าสู่ตัวดาบยักษ์ พอสั่นสะท้านขึ้นมา ก็กระแทกดาบกระดูกมังกรของลู่เวยกลับออกไป
ลู่เวยถูกกระแทกจนต้องถอยกรูดกลับไปหลายก้าว ฝ่ามือถูกแรงกระแทกสะท้อนเข้าใส่จนสะท้านไปหมด จนเกือบจะจับดาบเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
นางใจหายวาบ รู้แค่ว่าไอเย็นที่เหน็บหนาวขุมหนึ่งทะลวงผ่านดาบกระดูกมังกรเข้าสู่ใจกลางฝ่ามือ แทรกซึมและหมุนวนอยู่ภายในร่างของนาง
กลายเป็นไอแห่งความตายที่หน่วงเหนี่ยวร่าง ราวกับพลังที่จะลากคนลงไปยังขุมนรก
ทำให้นางต้องมองดูสตรีเผ่ามนุษย์ตรงหน้านี้ใหม่อีกครั้ง…..
บนโลกใบนี้ เผ่ามังกรไม่เคยมีใครต้องมาเสียทีให้กับมนุษย์ธรรมดามาก่อน
ต่อให้เป็นเหล่านักพรตของพวกมนุษย์ ก็ยังไม่เคยมีใครได้รับการเหลือบแลจากเผ่ามังกรทั้งนั้น
พวกเขาคือผู้ที่สูงส่งกว่าอยู่เสมอมา
โดยเฉพาะลู่เวย นางคือความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรตะวันตก คือว่าที่ผู้นำของเหล่ามังกรทั้งสี่ท้องทะเลในอนาคต …… ตลอดหลายปีมานี้ในบรรดาผู้เยาว์ของมังกรเผ่าต่างๆ ยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเคียงฝีมือกับนางได้สักคน
แต่ว่าตอนนนี้……นางกลับถูกสั่งสอนโดยฝีมือของสาวน้อยในเผ่ามุนษย์คนหนึ่ง?
นัยตาสีทองของนางทอประกายที่ชั่วร้ายออกมา
นางกระชับดาบกระดูกมังกรในมือสะบัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเหล่าสัตว์น้ำทะเลที่เดิมทีรายล้อมอยู่รอบตัวของนางก็ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นพุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลัน
มีความสามารถแล้วจะอย่างไร?
ที่นี่คือทะเลตะวันตก! ที่ถิ่นฐานของนาง ลู่เวย องค์หญิงแห่งทะเลตะวันตก!
นางไหนเลยจะยอมปล่อยให้มนุษย์ผู้หนึ่งมาสร้างความวุ่นวายได้กัน? ทั้งฉลามยักษ์ วาฬ งูทะเล มีอยู่มากมายนับพันตัว นางจะสามารถสังหารได้หมดด้วยดาบเล่มเดียวหรือ?
ลู่เวยคลี่ยิ้มเย็นชาออกมา “ฆ่านางเสีย! เก็บร่างเอาไว้ ข้าผู้เป็นองค์หญิงยังต้องการใช้สอย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เหล่าสรรพสัตว์ในท้องทะเลต่างก็พากันถาโถมเข้าไป
ตู๋กูซิงหลันมิได้รีบร้อน ในมือของนางมียันต์ผืนหนึ่ง ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคาถา ทันใดนั้นก็เห็นเหล่าวิญญาณคนตายจำนวนมากมายผุดขึ้นที่ข้างกายนาง
ทั้งหมดนี้คือเหล่าคนที่ถูกลู่เวยกินเข้าไป
เมื่ออยู่ใต้การบัญชาของตู๋กูซิงหลันพวกมันก็กลายเป็นกองทัพวิญญาณคนตาย บุกออกไปโรมรันพันตูกับเหล่าสัตว์ทะเลทั้งหลาย
เมื่อมีพลังจากหยกสรรพชีวิตของตู๋กูซิงหลันเกื้อหนุน วิญญาณคนตายแต่ละดวงก็มีพลังต่อสู้สู่งส่งยิ่งกว่าดวงวิญญาณแค้นเสียอีก เมื่อปะทะกับเหล่าสัตว์น้ำทะเล ก็มิได้เสียเปรียบแต่อย่างใด
ฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทำให้ลู่เวยถึงกับหุบปากไม่ลง นางกำดาบกระดูกมังกรในมือแน่น ถอยหลังออกไปอีกไกล
ชั่วชีวิตนี้นางฆ่าคนไปมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีวิญญาณคนตายติดตามมาล้างแค้นมาก่อน!
คนธรรมดาผู้นี้มาจากที่ใดกัน ถึงได้สามารถบังคับควบคุมเหล่าวิญญาณคนตายได้มากมายถึงเพียงนี้?
ลู่เวยหรี่ตาดูอย่างพิจารณา คิดจะค้นหาความจริงจากร่างของนาง แต่กลับพบว่า ในตอนนั้นตู๋กูซิงหลันได้หอบเอาดาบยักษ์บุกเข้ามาถึงเบื้องหน้านางแล้ว
ดาบเล่มนั้นสะบั้นลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้นางลงมืออย่างพลิ้วไหวกว่าเดิม ครั้งนี้ ลู่เวยหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่ยกดาบกระดูกมังกรขึ้นมาขวางเอาไว้
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกับรวดเร็วกว่าหลายส่วน ดาบนี้สะบั้นลงไป ก็ตัดแขนขวาของนางลงมาโดยไม่พลาดแม้แต่น้อย
เลือดสดสาดกระจายออกมาในทันที ละลายรวมกับน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว
แขนที่ขาดของนางจมลงสู่พื้นทะเล ในมือยังคงกำดาบกระดูกมังกรเอาไว้อย่างแนบแน่น
ลู่เวยเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา นางไถลร่างออกไปด้านข้าง นางคิดอย่างเร่งร้อนจะพุ่งไปคว้าดาบกระดูกมังกรของตนเองกลับมา แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับเตะขาข้างหนึ่งออกไป
ถีบลงไปบนท้องของนางอย่างพอดิบพอดี
ลูกถีบนั้น ต่อให้วัวตัวหนึ่งก็ต้องถูกนางถีบตายไป
พี่รองที่ชมดูอยู่ด้านข้างยังต้องตกใจว่าเกินจริงไปหรือไม่
ตั้งแต่กลับมาจากเมืองลี่โจว เขาก็รู้อยู่แล้วว่าน้องเล็กของตนเองที่จริงแล้วเป็นผู้เก่งกล้าที่ซุกงำประกายเอาไว้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า นางจะแข็งแกร่งถึงปานนี้!
เพียงแค่เวลาสั้นๆไม่กี่เดือนในแคว้นเหยียน …..นางก็เปลี่ยนแปลงไปมากอย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นตัวประหลาดไปแล้ว!
พี่รองทั้งตระหนกทั้งภาคภูมิใจ เขาขี่หลังราชาสุนัขป่าเอาไว้ เอ่ยออกไปว่า “น้องเล็ก หากว่าเจ้าเป็นบุรุษ พี่ก็ขอแต่งให้กับเจ้าแล้ว!”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
วังหลังของนางมีคนมากมายจนจะล้นอยู่แล้ว ไม่ต้องการคนปากมากมาเพิ่มอีกหรอก
ติ๊งต๊องเองก็ส่งเสียงกะต๊ากๆออกมา มันกระพือปีกเริงระบำอย่างยินดี มันเองก็อยากจะแต่งให้กับพี่สาวตัวน้อยเหมือนกัน นี่ช่างองอาจเกินไปแล้ว!
วิญญาณทมิฬกลับเห็นจนชินชาไปแล้ว …..หลันหลันในโลกก่อนต่างหากจึงจะเรียกว่าผู้แข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งขนาดที่สามารถทำให้พวกเจ้าตกใจตายไปได้! แต่พอมาอยู่ที่โลกนี้กลับต้องคุดคู้อยู่ในเปลือกนิ่มๆ ความสามารถถูกจำกัดด้วยขอบเขตของร่างกาย
หลายเดือนที่ผ่านมาตอนที่อยู่ในแคว้นเหยียน ในที่สุดก็สามารถดูดซับพลังจากเศษหยกทั้งหกชิ้นเข้าไปได้จนหมด จากนั้นก็ฝึกฝนตนเองอย่างบ้าคลั่งรอบใหญ่ ความก้าวหน้าของร่างเนื้อนี้ย่อมทำให้ผู้คนตระหนกจนตกใจตายได้
ยิ่งเมื่อผสานกับ…..พลังมารที่เจ้าจิ้งจอกนั้นถ่ายทอดมาให้
สามารถกล่าวได้ว่า หลันหลันในตอนนี้ฟื้นคืนพลังเดิมในโลกก่อนได้สามสี่ส่วนแล้ว เมื่ออยู่ในโลกมิตินี้ นับว่าเป็นระดับตัวพ่อตัวแม่ผู้หนึ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาหยามได้ง่ายๆ
หากว่าเป็นโลกก่อนนั้น….อย่าว่าแต่มังกรตัวหนึ่งเลย ต่อให้ยกกันมาทั้งรัง ก็ต้องถูกนางทุบตีอยู่ดี!
ใช้แล้ว นางก็อหังการเช่นนี้เอง!
วิญญาณทมิฬมองดูภาพตรงหน้า ก็รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อไม่ต้องถูกบีบคั้นอย่างก่อนหน้านี้ ทั่วทั้งร่างค่อยรู้สึกเบาสบาย
มันมองดูตู๋กูซิงหลัน ก็เห็นดวงตาดอกท้อทั้งคู่ของสาวน้อยผู้นั้น เปล่งประกายที่ทั้งป่าเถื่อนทั้งดุร้าย
เหล่าสัตว์น้ำขนาดใหญ่ต่างก็ได้กลิ่นเลือดจนเกิดความดุร้ายจนคลุ้มคลั่งขึ้นมา
เมื่อไม่มีดาบกระดูกมังกรเป็นอาญาสิทธิ์ พวกมันก็ติดตามกลิ่นเลือดไปโดยสัญชาติญาณ กลายเป็นกลับมารายล้อมรอบตัวของลู่เวย
พอไม่ได้เห็นสิ่งที่เป็นเครื่องหมายแสดงฐานะขององค์หญิงเผ่ามังกร แต่ละตัวก็สาดสายตาหิวกระหายออกมา
ตู๋กูซิงหลันเข้าไปเก็บดาบกระดูมังกรจากมือที่ขาดข้างนั้นขึ้นมาอย่างช้าๆ
ตัวดาบทอประกายสีทองออกมาจางๆ เป็นสีทองที่เหมือนกับสีทองของมังกรน้อยในมุกมังกรที่ชือหลีมอบให้กับนาง
พอสูดดมดูอย่างละเอียด บนตัวดาบนั้นมีกลิ่นอายของชือหลี…..ถูกกักเอาไว้ กลิ่นอ่อนจางอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ยังสามารถสัมผัสได้
………………………………………
ไรท์ : ยัง ยังไม่พอ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เพราะว่า
ตอนต่อไป “รังแกมันกลับไป!”