บทที่ 162 ภารกิจลูกโซ่
หลังจากที่จางฮั่นหลินวางสายโทรศัพท์ เขาก็มองไปที่ไป๋เยี่ยด้วยสายตาแปลกๆ “รู้จักหยางมู่จวินไหม”
ไป๋เยี่ยสับสนเล็กน้อย “หยางมู่จวินคือใครครับ”
จางฮั่นหลินพูดต่อ “ผู้รับผิดชอบศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติน่ะ เขาบอกว่าจะมาเป็นผู้ร่วมพิจารณางานวิจัยของคุณ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีจึงถามขึ้น “เขาจะมาทำให้ผมเสียชื่ออีกหรือเปล่าครับเนี่ย”
จางฮั่นหลินยิ้ม “คงไม่หรอก อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับโครงการของคุณมาก บางทีเขาอาจจะสนใจเกณฑ์บีพีเอฟเอชของคุณ พวกเขาคงรู้ว่าคุณทำผลงานที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ!”
บ้าจริง เกือบลืมภารกิจต่อเนื่องไปแล้วเชียว ภารกิจนี้รางวัลยิ่งเยอะๆ อยู่ด้วย
ไป๋เยี่ยได้ยินก็ยิ้มออกมา “ทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์จางเลยครับ”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดถึงเรื่องนี้และตระหนักได้ว่าหลังจบงานนี้แล้วเขาควรจะหันมาค้นคว้าเรื่องนี้ต่อ
จู่ๆ โทรศัพท์ของจางฮั่นหลินก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง!
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็ถามอีกฝ่ายขึ้น “แล้วอยากได้หนูทดลองแบบไหนล่ะ”
สวี่เหยียนยื่นรายงานในมือให้ไป๋เยี่ย “แบบนั้นก็ไม่เอา แบบนี้ก็ไม่เอา! เมื่อเร็วๆ นี้ อาจารย์เป็นคนบอกให้ฉันไปติดต่อกับบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองเพื่อหาหนูทดลองชนิดที่เหมาะสมน่ะ ฉันยังไม่ได้ลองคุยกับอาจารย์เลย เพราะว่าเดือนสิงหาฉันมีสอบแล็บด้วย ฉันต้องหาหนูให้ได้ก่อนจะสอบ”
แต่ตอนนี้กลับมีแต่คนอยากมาตรวจสอบโครงการนี้ เหมือนว่ากลัวจะพลาดอะไรไปอย่างนั้นแหละ!
จางฮั่นหลินยิ้ม “ไม่มีปัญหาครับ กำหนดการของเราคือเช้าวันจันทร์…”
หลังจากนัดหมายกันแล้ว จางฮั่นลิหนก็วางสายโทรศัพท์ก่อนจะหันไปพูดกับไป๋เยี่ย “คุณเนี่ยแหละสมบัติของมหา’ลัยเรา!”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “เพราะอาจารย์สอนมาดีครับ…”
จางฮั่นหลินกลอกตา จะมาก่งมาเกี่ยวอะไรกันอีก!
จางฮั่นหลินได้แต่คลี่ยิ้มและตำหนิไป๋เยี่ยต่อ “กลับไปแก้ไขให้ดี คุณก็ได้ยินแล้วนี่ว่าใครจะมาตรวจสอบคุณบ้าง มีแต่คนมีชื่อเสียงทั้งนั้น อย่าประมาทเด็ดขาดเชียวล่ะ!”
หลังจากบอกลาจางฮั่นหลินแล้ว ไป๋เยี่ยก็เอารายงานผลสรุปกลับไปแก้ไข ทันทีที่เดินออกมาเขาก็พบเข้ากับคนคุ้นเคย
ไป๋เยี่ยเห็นว่าสวี่เหยียนกำลังเดินเข้ามาหาเขาจึงชิงทักทายอีกฝ่ายก่อน “ดีครับรุ่นพี่!”
สวี่เหยียนที่กำลังเดินเหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้งเสียงของไป๋เยี่ย ยิ่งมองเห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังขำเธออยู่ เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดๆ “หัวเราะทำไมยะ ฉันตกใจแทบแย่!”
ไป๋เยี่ยหัวเราะเบาๆ “ผิดไปแล้ว รุ่นพี่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ เดินเหม่อเชียว!”
สวี่เหยียนว่าฉุนๆ “ยุ่ง!”
แต่เมื่อสวี่เหยียนเห็นว่าไป๋เยี่ยเดินออกมาจากที่ไหนก็ถามต่อ “อาจารย์ของฉันอยู่ไหนเหรอ แล้วเขาอารมณ์เป็นไงบ้าง”
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง พลันนึกถึงจางฮั่นหลินที่ดูอารมณ์แปรปรวนเมื่อเช้านี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสวี่เหยียนไปอย่างไรดี จึงคิดคำพูดให้ดีก่อนจะตอบเธอไป “ก็ไม่ดีไม่แย่นะ!”
สวี่เหยียนนิ่งไป อะไรคือไม่ดีไม่แย่
“หา ถ้าดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกว่าไม่ดีสิยะ! เฮ้อ ก็สองสามวันมานี้อาจารย์ดูยุ่งมากเลยน่ะสิ”
ไป๋เยี่ยถาม “มีอะไรเหรอครับ”
“ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากโครงการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาตินั่นแหละ เรื่องหนูทดลองคราวที่แล้วก็ยังไม่เคลียร์เลย ราคาที่ลอนก้าเสนอมามันบานปลายเกินไป หนูดีๆ ก็ราคาตั้งห้าร้อยเจ็ดสิบดอลลาร์! มันเกินไปอะ!”
ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงภารกิจต่อเนื่องของจางฮั่นหลิน!
จางฮั่นหลินและไป๋เยี่ยหันมามองหน้ากัน ใครอีก
คราวนี้จางฮั่นหลินรู้ตัวแล้วว่าควรจะทำอะไรต่อ จึงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายก่อน “สวัสดีครับ ผมจางฮั่นหลิน”
“ผอ.จาง ผมชื่อหลูซินกว๋อ นะครับ เป็นผอ.มหาวิทยาลัยเกษตรจิ้นซี ผมชื่นชมคุณมานานมากแล้วครับ”
จางฮั่นหลินผงะ ไหงผอ.มหา’ลัยเกษตรถึงมาที่นี่ด้วย
มหาวิทยาลัยเกษตรไม่ได้อยู่ในย่านมหาวิทยาลัย และมีการติดต่อกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีค่อนข้างน้อย การที่อยู่ดีๆ ผู้อำนวยการโทรมาเองแบบนี้จะเป็นเพราะโครงการของไป๋เยี่ยหรือไม่กัน
“โอ้! ผอ.หลู ได้ยินชื่อคุณมานานแล้วเหมือนกันครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
น้ำเสียงของหลูซินกว๋อฟังดูเกร็งเล็กน้อย “ทางมหาวิทยาลัยเกษตรของผมอยากจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนมาโดยตลอดเลยครับ อยากจะมาแลกเปลี่ยนความรู้เชิงวิชาการกันสักหน่อย ยังไงทางเราก็ค้นคว้าวิธีการเพาะสมุนไพรจีนมาโดยตลอดครับ ผมคิดว่ามันจะกลายเป็นการร่วมมือระหว่างสถาบันที่ดีมากเลยครับ! เลยอยากจะมากระชับมิตรกับทางคุณสักหน่อย…”
จางฮั่นหลินได้ฟังก็คิดได้ว่าตนคงเข้าใจอีกฝ่ายผิด ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นก็ฟังดูมีเหตุผลไม่น้อยเลย เขาจึงตอบอีกฝ่ายไปทันที “ผอ.หลูความคิดดีจริงๆ ครับ ผมยังนึกไม่ถึงเลย ผอ.หลูนี่เก่งสมคำร่ำลือจริงๆ ครับ พวกเราน่าจะลองมาร่วมมือกันจริงๆ ครับ ยิ่งในปัจจุบันการแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันเพื่อการพัฒนาก็เป็นที่นิยมด้วยใช่ไหมล่ะครับ ผมคิดว่า…”
จู่ๆ หลูซินกว๋อก็ขัดจังหวะ “เอ่อ…ผอ.จางครับ คือผมได้ยินมาว่ามีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของคุณชื่อไป๋เยี่ยเพิ่งจะทำโครงการเรื่อง ผลของอาหารหนูบีวายวันต่อการประเมินโดยใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอช ผมคิดว่าในแง่ของสูตรอาหารยังพัฒนาและวิจัยต่อไปได้อีกไกลครับ ผมคิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันในประเด็นนี้ได้นะครับ…มันจะทำให้โครงการชิ้นนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้นแน่นอนครับ!”
จางฮั่นหลินนิ่งไป ให้ตายเถอะ มีคนโดนไป๋เยี่ยตกอีกคนแล้ว ที่เขาไปได้ไกลกว่าฉันก็เพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ
“ผอ.หลูครับ โครงการกำลังจะมีการรายงานผลสรุปในวันจันทร์หน้าแล้วครับ”
อีกฝ่ายได้ยินก็เงียบไปทันที ก่อนจะโพล่งออกมาอีกรอบ “รายงานผลสรุปงั้นเหรอครับ! ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง ผมก็อยากจะเป็นคนตรวจสอบครับ ผมจะได้มาหารือกับทางผอ.จางเรื่อความร่วมมือด้วย ผอ.คิดว่าไงบ้างครับ”
จางฮั่นหลินเริ่มจะรู้สึกด้านชาแล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ที่โทรไปหาคนมาตรวจสอบถึงมีแต่คนหนี
จางฮั่นหลินเห็นสายที่ไม่คุ้นเคยอีกครั้ง
“สวัสดีครับ ผอ.จาง ผมหลี่หวายจง”
จางฮั่นหลินรู้จักหลี่หวายจงดี เขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการแพทย์แผนจีนประจำมณฑลจิ้นซี คนในแวดวงแพทย์แผนจีนต้องรู้จักเขาอยู่แล้ว!
ไป๋เยี่ยลองอ่านดูคร่าวๆ สิ่งที่เขาต้องทำคือแบบจำลองหนูที่มีความดันเลือดในไตสูง ซึ่งอาศัยเงื่อนไขหลายข้อ ไป๋เยี่ยต้องพิจารณามันอย่างละเอียด
“โครงการของไป๋เยี่ยเป็นอย่างไรบ้างแล้วครับ”
เขาจึงถ่ายรูปรายงานของสวี่เหยียนไป “ผมขอถ่ายรูปเก็บไว้นะ ไว้ผมเจอบริษัทที่มีหนูตามที่ต้องการ ผมจะช่วยติดต่ออีกแรงแล้วกัน ยังไงได้คนช่วยอีกสักคนก็คงพอเปลี่ยนอะไรได้บ้าง”
จางฮั่นหลินถึงกับตกตะลึงในคำถาม
เขาจึงตอบไปตามตรง “โครงการกำลังจะเสร็จสิ้นแล้วครับ รายงานผลสรุปพร้อมแล้ว และจะมีการตรวจสอบขั้นสุดท้ายในวันจันทร์หน้าครับ”
สวี่เหยียนพยักหน้าทั้งรอยยิ้มก่อนจะกล่าวขอบคุณไป๋เยี่ยและแยกทางกันไป
******************************
“ผมก็อยากร่วมเป็นผู้ตรวจสอบครับ พอจะสะดวกไหม” หลี่หวายจงพูดความต้องการของเขาออกมาตรงๆ
จางฮั่นหลินถึงกับเงียบไปเพราะความตะลึง ใครจะไปตอบว่าไม่สะดวกกันล่ะ ไหนๆ ตอนนี้คนก็ขาดอยู่แล้วด้วย!
เขาจึงรีบตอบรับอีกฝ่ายทันที “ได้เลยครับ ผอ.หลี่ เป็นเกียรติให้ไป๋เยี่ยจริงๆ ครับ!”
หลังจากพูดคุยกันอีกสักพักหนึ่ง จางฮั่นหลินก็วางสายโทรศัพท์ลง เขาถอนหายใจออกมาพลางจิบน้ำชาในแก้ว ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขั้นอีกครั้ง!