บทที่ 167 งานพบปะ
ไม่กี่วันมานี้ จางฮั่นหลินเพิ่งได้สัมผัสว่าการมีภาระหนักอึ้งจนไม่มีเวลากินนอนนั้นเป็นอย่างไร
ทว่าภาระงานเหล่านั้นกลับทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมมาก! มากเสียจนเขาอยากให้หนึ่งวันมีเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงเลยทีเดียว
เวลาหกโมงเช้า หลิวเจิ้นซีถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ แต่เมื่อเขารับสาย คำพูดจากอีกฝ่ายก็ทำให้เขาหลับไม่ลงอีกต่อไป
วันนี้รองผู้ว่าการมณฑลจะมาที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี!
นอกจากนี้ยังมี ‘เอ็นเดอร์ส’ ผู้อำนวยการคนปัจจุบันของสถาบันเอ็มไอโอ และ ‘อวี๋ลี่’ ผู้อำนวยการคณะกรรมการองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน ไอเอสโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการองค์การว่าด้วยมาตรฐานแห่งประเทศจีน เอสเอซี เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยด้วย!
จางฮั่นหลินลุกขึ้นจากเตียงทันทีที่ได้ยินข่าวนี้
เขาแต่งตัวด้วยมือสั่นเทา
ตื่นเต้นชะมัด!
ทันทีที่เขาแต่งตัวเสร็จก็ได้รับโทรศัพท์จากสถาบันจัดการงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำมณฑลว่าจะมาทำการประเมินคุณภาพงานวิจัยและศักยภาพของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี
สถาบันจัดการงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์คือสถาบันระดับชาติที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์แนวหน้ากว่าสองร้อยคน อย่างเช่นเฉียนเสวียเซิน เฉียนซานเฉียง เฉียนเหวยฉาง และหม่าหง
ทั้งเฉียนเสวียเซิน เฉียนซานเฉียง เฉียนเหวยฉาง และหม่าหงต่างเป็นบุคคลมีชื่อเสียงทั้งนั้น
สถาบันนี้เป็นสถาบันที่ให้คำปรึกษาด้านงานวิจัยที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งสถาบันดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาการจัดการและการวิจัย นอกจากนี้ยังเป็นหน่วยงานที่คอยกำกับดูแลสมาคมนักศึกษาแห่งชาติอีกด้วย
สถาบันจัดการงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มีสถาบันวิจัยและศูนย์วิจัยในสังกัดมากกว่าเก้าสิบแห่งและมีสิ่งตีพิมพ์กว่ายี่สิบฉบับ โดยมักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์การจัดการรวมถึงศาสตร์อื่นๆ ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากลายประเภท
จางฮั่นหลินรู้เรื่องนี้แล้วก็อดกังวลไม่ได้ จึงรีบโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยให้จัดการประชุมขึ้นโดยด่วน
สภาพอากาศในเดือนมิถุนายนค่อนข้างอบอุ่น บุคลากรมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีทุกคนต่างมาเข้าร่วมการประชุมที่ศูนย์จัดนิทรรศการในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพร้อมหน้ากัน
ส่วนไป๋เยี่ย เขาถูกจางฮั่นหลินโทรปลุกตั้งแต่หกโมงเช้า ทั้งยังเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยให้ฟังและขอความร่วมมือจากไป๋เยี่ยด้วย
ไป๋เยี่ยจึงรีบตื่นมาจัดการตนเองแต่เช้า ถ้าเขายังไม่รู้จักลำดับความสำคัญล่ะก็ จะต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ
จางฮั่นหลินเพิ่งได้เป็นผู้อำนวยการครั้งแรก แม้ว่าเขาจะพอมีประสบการณ์มาบ้าง แต่ในแง่ของการตรวจสอบก็ต้องยอมรับว่าเขายังไม่เก่งเท่าหลี่เผยซั่วจริงๆ
หลี่เผยซั่วขอให้ทุกคนร่วมมือกันจัดการบางเรื่อง จากนั้นจึงเริ่มจัดเตรียมขั้นตอนการต้อนรับอย่างเป็นระเบียบ
หลี่เผยซั่วเหมือนจะไม่ได้มีท่าทีหัวแข็งเหมือนที่ผ่านมา เขาเดินไปพูดกับจางฮั่นหลินเป็นการส่วนตัว “นี่เป็นโอกาสที่ดีของสถาบันเรา เราต้องทำให้ดีนะครับ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่สิบปีตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมาเลยนะครับ”
พูดจบ หลี่เผยซั่วก็ถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจยุคสมัยใหม่หรือการพัฒนาอะไรนั่นนะ แต่คุณก็ยังด้อยประสบการณ์เกินไป การแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ผิดนั้นไม่ใช่ทางออกหรอกครับ ผมจึงไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำบางอย่างของคุณก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พวกเราต้องคว้าโอกาสนี้ไว้โดยไม่ลังเล ผมขอร่วมเป็นแรงสนับสนุนให้คุณอีกคนแล้วกันนะ”
จางฮั่นหลินทั้งรู้สึกยินดีและประหลาดใจที่จู่ๆ หลี่เผยซั่วมาสนับสนุนตนเอง
เวลาแปดโมงครึ่ง เดิมทีจางฮั่นหลินต้องยกเลิกการตรวจสอบรายงานผลสรุปของไป๋เยี่ย ทว่าเขาก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้ดำเนินการตรวจสอบรายงานผลสรุปของไป๋เยี่ยต่อไป
จางฮั่นหลินจึงรีบแจ้งผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่จะมาเข้าร่วมตรวจสอบให้เตรียมตัวล่วงหน้า
จนเวลาเก้าโมง ทั้งรองผู้ว่าการมณฑลจิ้นซี เอ็นเดอร์ส – ผู้อำนวยการสถาบันเอ็มไอโอ อวี๋ลี่ – ผู้อำนวยการเอสไอโอและเอสเอซี และ เผิงหมิ่น คณะกรรมการจากสถาบันจัดการงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็มาถึงที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีแล้ว
นอกจากนี้ยังมีผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่จากสถานีโทรทัศน์จำนวนมากเดินทางมาที่นี่ด้วย
นี่ถือเป็นการมีแขกมาเยือนครั้งยิ่งใหญ่ของมณฑลจิ้นซีเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
ไป๋เยี่ยมาถึงหน้าห้องประชุมเมื่อเวลาเก้าโมงครึ่งโดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก
ไป๋เยี่ยเดินเข้าไปในห้องประชุม จังหวะเดียวกันกับที่จางฮั่นหลินกำลังเดินออกมาจากด้านใน
จางฮั่นหลินหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องเครียดนะไป๋เยี่ย รายงานผลสรุปของวันนี้อาจจะต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย คุณรายงานไปตามปกติก็พอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้กังวลเลยสักนิด เพราะเขาได้เตรียมตัวมาพร้อมสำหรับการรายงานในวันนี้แล้ว
“ครับ อาจารย์จาง ผมไม่กังวลหรอก…แต่มือของอาจารย์ดูสั่นๆ นะครับ”
ไป๋เยี่ยเหลือบมองมือที่สั่นระริกของจางฮั่นหลินก็เกร็งขึ้นมาทันที
ใบหน้าของจางฮั่นหลินซีดเซียวลง เขาจึงรีบเอามือไพล่หลังไว้ก่อนจะหันมามองไป๋เยี่ยด้วยสายตาเย็นชา “ไร้สาระน่า ไปเตรียมตัวซะเถอะ!”
ไป๋เยี่ยยิ้มก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องประชุม เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็เห็นว่าในห้องประชุมมีคนนั่งรออยู่ราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบคนแล้ว แต่ละคนดูมีตำแหน่งไม่ธรรมดาเสียเลย นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติอีกสองคนคอยส่งยิ้มมาให้เขาด้วย
ไป๋เยี่ยโค้งคำนับทุกคนแล้วจึงเดินขึ้นไปประจำที่โพเดียม
หลังจากจัดเตรียมสไลด์พาวเวอร์พอยต์แล้ว จางฮั่นหลินก็หันไปพูดกับไป๋เยี่ย “เริ่มเลยไหม ไป๋เยี่ย”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าและเริ่มรายงานผลสรุปของงานวิจัย
เนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีของงานวิจัยชิ้นนี้ไม่ซับซ้อนมากนัก
ไป๋เยี่ยเลือกใช้การเปรียบเทียบพื้นฐานง่ายๆ ซึ่งนอกจากข้อมูลแล้ว ก็ไม่มีส่วนใดที่เข้าใจยากเลย
ก็…โครงการนี้มีทุนสนับสนุนแค่หนึ่งหยวนนี่นา
จำเป็นต้องทำอะไรใหญ่โตขนาดนั้นเชียวเหรอ
การรายงานผลสรุปจำเป็นจะต้องรายงานถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการวิจัยและสรุปผลการทดลองทั้งหมด
การรายงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเกินกว่าที่ไป๋เยี่ยคิดไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าผู้คนจะหัวเราะเยาะเขาด้วยซ้ำ ทว่าทุกคนกลับพยักหน้าด้วยความโล่งอกโล่งใจแทน
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ไป๋เยี่ยกระแอม “ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังนะครับ ขอจบการรายงานผลสรุปแต่เพียงเท่านี้ครับ ผู้เชี่ยวชาญโปรดเสนอข้อชี้แนะด้วยครับ!”
ชายสวมแว่นตากรอบทองเป็นผู้พูดขึ้นก่อน “เป็นการรายงานที่ยอดเยี่ยมมากครับ กระชับแต่ไม่เรียบง่ายจนเกินไป วัตถุประสงค์ของการทดลองนั้นชัดเจนมาก ขั้นตอนของการทดลองก็มีรายละเอียดครบถ้วน ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติก็ทำได้ดีมาก บอกผมทีว่านี่คือมาตรฐานของการทำวิจัยสมัยใหม่”
ไป๋เยี่ยเหลือบมองป้ายชื่อที่ตั้งอยู่ด้านหน้าชายคนนั้น ‘หยางมู่จวิน’
นี่น่ะหรือ ผู้รับผิดชอบจากศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติ
ไป๋เยี่ยโค้งคำนับ “ขอบคุณครับ”
หยางมู่จวินเป็นคนเปิดประเด็นให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ได้เริ่มแสดงความคิดเห็นต่อจากเขา แม้ว่าจะมีคนเข้าร่วมการรายงานนี้จำนวนมาก แต่ท้ายที่สุดก็มีผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบการตรวจสอบเพียงห้าคนเท่านั้น
ได้แก่ หยางมู่จวิน หลูซินกว๋อ จางฮั่นหลิน เฮ่อจาง และ หลี่หวายจง
ทุกคนต่างเสนอปัญหาที่ตนเองพบในแต่ละแง่มุม แต่โดยรวมแล้วทุกคนก็กล่าวชมเชยไป๋เยี่ยทั้งนั้น
วันนี้จางฮั่นหลินมาในฐานะหัวหน้าผู้ตรวจสอบ เขาจึงกล่าวสรุปประเด็นบางอย่างเพิ่มเติมและกล่าวปิดโครงการนี้ลง “การรายงานผลสรุปผ่านครับ อนุมัติโครงการ!”
ทันทีที่จางฮั่นหลินพูดจบ เสียงปรบมือจากด้านล่างเวทีก็ดังลั่น
ผู้ชมคนอื่นๆ ต่างไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงผู้ฟัง ไม่มีสิทธิ์ในการออกความคิดเห็นใดๆ อยู่แล้ว
หลังจากการรายงานจบลง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป
จู่ๆ หยางมู่จวินก็ลุกขึ้นและเดินมาพูดคุยกับไป๋เยี่ย “ไป๋เยี่ย คุณอยากให้โครงการของคุณกลายเป็นโครงการขนาดใหญ่ขึ้นไหม เช่นทำให้เป็นโครงการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติน่ะ”