ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 5 สอบถาม

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 5 สอบถาม

ตอนที่ 5 สอบถาม

ได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อน่า เหยาจิ้งจือก็ออกปากตำหนิทันที

“น่าน่า อย่าพูดจาไร้สาระ ทุกคนเห็นกับตาว่ามู่หลานช่วยเสี่ยวอวี่เอาไว้ หล่อนมีความสามารถจริง ๆ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าเห็นด้วยแล้วเอ่ย “ใช่ ตอนนั้นพี่ก็อยู่ข้าง ๆ เป็นน้องสะใภ้ที่ช่วยเสี่ยวอวี่เอาไว้จริง ๆ”

สุดท้ายหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็อดพูดกับเซี่ยเจ๋อน่าไม่ได้ “น่าน่า มู่หลานเป็นพี่สะใภ้รองของเธอ ครั้งต่อไปเธอจะพูดอย่างนี้กับหล่อนไม่ได้นะ”

“พี่…..พวกพี่……”

เซี่ยเจ๋อน่าพบว่าตั้งแต่พี่รองของหล่อนแต่งงาน คนในครอบครัวก็ค่อย ๆ ยอมรับในตัวฉินมู่หลานแล้วหันมาตำหนิหล่อนแทน ซึ่งทำให้หล่อนทนไม่ได้จริง ๆ ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงวิ่งกลับเข้าห้องไปด้วยความโมโห

“ปัง…..”

เสียงประตูกระแทกปิดดังปัง เซี่ยเจ๋อน่าขังตัวเองไว้ในห้องนอนแล้ว

เหยาจิ้งจือเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ก็ส่ายหัวอย่างอับจนปัญญา นางไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวของตนถึงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว แต่เมื่อคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานเดินทางมาไกลขนาดนั้นคงจะหิวแล้ว ดังนั้นจึงรีบบอกพวกเขา “ปล่อยน่าน่าไว้คนเดียวเถอะ นั่งลงกินข้าวกัน”

หลังจากเดินมานาน วินาทีนี้ฉินมู่หลานก็ทั้งหิวทั้งเหนื่อยแล้วจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าก่อนมากินบะหมี่ไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะหิวเร็วขนาดนี้ แต่ขณะกินข้าว เธอควบคุมปริมาณอาหารที่จะกิน จึงกินข้าวแค่หนึ่งถ้วยเท่านั้น กินหมดแล้วก็ไม่กินอีก

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นแบบนี้จึงหันไปมองฉินมู่หลานแวบหนึ่ง ด้วยคิดว่าเธอคงกินไม่อิ่ม หลังจากลังเลใจอยู่พักหนึ่งและกำลังจะเปิดปากถามออกไป หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็พูดขึ้นก่อนแล้ว

“มู่หลาน ฉันจะตักให้เธออีกถ้วย”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นพลันรีบส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่สะใภ้ ฉันกินอิ่มแล้ว ก่อนกลับมาฉันหาอะไรกินกับเจ๋อหลี่แล้ว จึงไม่ได้หิวเท่าไหร่ กินเยอะขนาดนี้พอแล้วล่ะค่ะ”

หลังจากได้ยินคำนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่พูดอะไรอีก

หลังจากกินเสร็จ ฉินมู่หลานก็เดินเอื่อย ๆ กลับห้องไป

เมื่อคืนนี้นอกเหนือจากความงุนงงแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร แต่คืนนี้กลับต่างออกไปตรงที่เธอตื่นเต็มตา หลังคิดว่าต่อไปตัวเองต้องนอนเตียงเดียวกับเซี่ยเจ๋อหลี่ แก้มของเธอก็แดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถ้าเธอเสนอให้นอนแยกกัน ก็จะขัดแย้งกับท่าทางหลงใหลอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้มากเกินไป ดังนั้นจู่ ๆ เธอจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้

ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรนั้นเอง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เข้ามาแล้ว

“มู่หลาน วันนี้ขอบคุณคุณมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวอวี่ ครอบครัวเราต้องแย่แน่”

ได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงส่ายหัวแล้วเอ่ย “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ในเมื่อเห็นแล้วก็ต้องช่วยเหลือ โชคยังดีที่พบเร็ว ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงเกินกว่าจะจินตนาการ”

เซี่ยเจ๋อหลี่มองดวงตาเปล่งประกายของฉินมู่หลานตอนที่เธอพูดถึงเรื่องช่วยคน ก็อดกระพริบตาไม่ได้ จากนั้นจึงนั่งลงข้าง ๆ เตียง “นี่ก็ดึกแล้ว พวกเรานอนเถอะ”

ฉินมู่หลานได้ยินคำนั้นก็อดชะงักไม่ได้ เธออ้าปากพะงาบ ๆ แต่ไม่พูดอะไรอีก ด้วยกลัวว่าถ้าพูดมากเกินไปอาจพลั้งปากจนแสดงพิรุธออกมาได้ จึงทำเพียงพยักหน้าหงึกหงัก หันหน้าเข้าหาผนังห้องแล้วนอนลงบนเตียงข้างในสุด

เห็นฉินมู่หลานนอนหลับไปแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ล้มตัวลงนอนเช่นเดียวกัน

ฉินมู่หลานสัมผัสได้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่นอนลงแล้ว จึงหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นว่าพวกเขานอนห่างกันมากกว่าหนึ่งเมตรก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทว่ายังคงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

เดิมทีเธอคิดว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับ แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัว เธอก็ค่อย ๆ หลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันใหม่แล้ว

ฉินมู่หลานลุกขึ้นนั่งตัวตรง พบว่าในห้องเหลือแค่เธอคนเดียว

ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้อง เหยาจิ้งจือกำลังให้อาหารไก่อยู่ในลานบ้าน

จะว่าไปแล้วภาพตรงหน้าเธอก็ให้ความรู้สึกขัดแย้งกันเล็กน้อย ถึงอย่างไรหน้าตาของเซี่ยเจอหลี่ก็ถอดแบบมาจากแม่ของเขา ดังนั้นแม้ว่าเหยาจิ้งจือจะมีอายุและหน้าตาเริ่มมีริ้วรอย แต่นางก็ยังสวยไม่สร่าง ไม่เหมือนหญิงชนบทสักนิด

เมื่อเหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานตื่นแล้ว นางจึงส่งยิ้มให้ก่อนเอ่ยขึ้น “มู่หลาน มีอาหารเช้าส่วนของเธอเหลืออยู่ในครัวน่ะ เธอล้างหน้าล้างตาแล้วไปกินเสียสิ”

ฉินมู่หลานได้ยินอย่างนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา เธอตื่นสายอีกแล้ว บางทีคนอื่น ๆ คงไปทำงานกันหมดแล้ว

เหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานกระดากอาย ก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน เมื่อวานลำบากเธอแล้ว ทั้งช่วยคนแล้วต้องไปสอนพวกหมอ ๆ อีก เธอคงเหนื่อยล้า ตื่นสายหน่อยก็ไม่แปลก วันนี้เธอก็พักอยู่ที่บ้านดี ๆ สักวันเถอะ”

เมื่อวานนี้ฉินมู่หลานอยากไปสำรวจดูรอบ ๆ หมู่บ้าน แต่ก็ล้มเหลวกลางคัน ดังนั้นวันนี้เธอจึงอยากไปดูรอบ ๆ เขาต้าชิงซาน หลังจากได้ยินคำพูดของเหยาจิ้งจือ เธอจึงพูดยิ้ม ๆ “แม่ ฉันว่ากินข้าวเช้าแล้วจะไปดูเขาต้าชิงซานหน่อยน่ะค่ะ”

เขาต้าชิงซานก็คือภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้านชิงซาน เพราะภูเขาลูกนี้เอง ทั้งหมู่บ้านจึงเรียกว่าหมู่บ้านชิงซาน

“ก็ได้ เธอรีบไปกินข้าวเถอะ”

หลังจากเรื่องเมื่อวานนี้ ความรู้สึกของเหยาจิ้งจือที่มีต่อฉินมู่หลานก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นท่าทางที่มีต่อเธอจึงเปลี่ยนไปจากท่าทางเย็นชาเมื่อก่อน

เมื่อฉินมู่หลานมาถึงห้องครัว ก็พบว่าบนเตามีหมั่นโถวสองลูก ปาท่องโก๋ โจ๊กขาวหนึ่งถ้วย และไข่หนึ่งฟอง อาหารเช้าอย่างนี้นับว่าล้นเหลือ แต่เมื่อคิดถึงน้ำหนักของตัวเองแล้ว สุดท้ายเธอจึงกินแค่เพียงไข่หนึ่งฟองและปาท่องโก๋ จากนั้นก็สะพายกระบุงขึ้นหลังออกจากบ้านไป

“แม่ ฉันไปก่อนนะคะ”

เหยาจิ้งจือบอกลาฉินมู่หลานด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ลืมเตือน “มู่หลาน เธอเดินอยู่แค่รอบ ๆ ตีนเขาก็พอล่ะ อย่าเข้าไปลึกเกินไป”

“ได้ค่ะแม่ ฉันรู้แล้ว”

ฉินมู่หลานยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้า แต่เมื่อเดินออกมาจากประตู ก็ชนเข้ากับเซี่ยเจ๋อน่าแล้ว

เซี่ยเจ๋อน่ายังคงไม่พอใจจนถึงตอนนี้ เมื่อเห็นฉินมู่หลาน หล่อนก็อดมองเขม่นอย่างเกรี้ยวกราดไม่ได้ เมื่อคืนนี้พวกเขาต่างพากันกินข้าว โดยนึกไม่ถึงว่าจะปล่อยให้หล่อนหิวจริง ๆ ถ้าหล่อนไม่ไปหาอะไรกินในครัว หล่อนคงต้องเข้านอนทั้งที่ยังหิวแล้ว

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ก็ไม่สนใจเซี่ยเจ๋อน่าอีก เดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง

“แม่ แม่ดูหล่อนสิ”

เซี่ยเจ๋อน่าเห็นฉินมู่หลานเมินตน ก็อดมองแม่ตนเองอย่างอยากฟ้องไม่ได้

เหยาจิ้งจือมองลูกสาวตัวเองแล้วเอ่ย “น่าน่า วันนี้เวรลูกถอนวัชพืชไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลับมาเร็วอย่างนี้”

“แม่…..ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันก็เลยกลับมาดื่มน้ำที่บ้านน่ะ”

เซี่ยเจ๋อน่ารีบหาข้อแก้ตัว เอ่ยถามด้วยท่าทางเหมือนได้ใส่ใจ “แม่ ฉินมู่หลานจะสะพายกระบุงไปทำไมน่ะ? หรือหล่อนจะไปตัดหญ้าให้หมู?”

“ฉินมู่หลานอะไร นั่นพี่สะใภ้รองของลูกนะ”

“แม่…..”

เมื่อเห็นว่าแม่กำลังจะสั่งสอนตนอีกแล้ว สายตาของเซี่ยเจ๋อน่าก็คุกรุ่นไปด้วยความขุ่นเคือง…เป็นความผิดฉินมู่หลานอีกแล้ว แต่เมื่อนึกถึงคำถามที่ตนอยากถาม หล่อนจึงพยายามฝืนยิ้มสุดความสามารถ โน้มตัวไปตรงหน้าแม่แล้วออดอ้อนเหมือนเมื่อก่อน “ได้ๆๆ ฉันจะไม่เรียกฉินมู่หลานแล้ว ต่อไปหล่อนก็คือพี่สะใภ้รองของฉัน”

เหยาจิ้งจือได้ยินดังนี้ก็สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย จากนั้นจึงบอกหล่อน “มู่หลานออกไปสำรวจรอบ ๆ เขาต้าชิงซานน่ะ”

ได้ยินอย่างนี้แล้วเซี่ยเจ๋อน่าก็กลอกตา จากนั้นเดินออกไป “แม่ ฉันจะไปทำงานต่อแล้ว”

“น่าน่า ลูกบอกว่าอยากดื่มน้ำไม่ใช่เหรอ”

“โอ๊ะ….แม่ ฉันจำได้แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่เอาขวดน้ำไปด้วย ฉันจะไปดื่มกับหล่อนแล้วกัน” ขณะที่พูด เซี่ยเจ๋อน่าก็วิ่งออกไปจากบ้านแล้ว

อีกทางด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานก็เดินมาถึงตีนเขาต้าชิงซานแล้วเช่นกัน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ช่วงที่กล่าวถึงยัยน้องสาวนี่เดจาวูมากเลยค่ะ นึกถึงยัยจี้อวิ๋นอวิ๋นในเรื่องทะลุมิติไปเป็นเศรษฐินียุค 80 ที่ผู้แปลเคยแปลเลย ต่อไปจะนิสัยเหมือนกันหรือเปล่านะ กลัวใจจริงๆ

มู่หลานจะได้ไอเทมเด็ดๆ อะไรจากการมาที่ภูเขาลูกนี้กันนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน