ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 423 เยี่ยเฉิน

ตอนที่ 423 เยี่ยเฉิน

ปลายลิ้นยังมีรสเลือดของนางอยู่ ในใจจดจำความหวานนั้นได้

 

 

ดวงหน้าที่ก่อนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด จนไม่อาจมองเห็นรูปโฉมได้อย่างชัดเจน ตอนนี้พอได้เห็นอีกครั้ง แม้แต่เยี่ยเฉินยังต้องหยุดมองอยู่เนิ่นนาน

 

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นองค์หญิงทะเลตะวันตกอยู่ในสายตา จึงไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย

 

 

ที่เลือกนางก็เพียงเพราะฐานะของมังกรทองเท่านั้น

 

 

คิดไม่ถึงว่า อนุคนที่สองร้อยห้าสิบ จะสามาสรถสร้างความตื่นเต้นยินดีให้กับเขาได้ถึงเพียงนี้!

 

 

เขามองดูจุดสีแดงสดบนข้อมือที่ขาวสะอาดและละเอียดลออของนาง

 

 

ริมฝีปากบางค่อยมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา

 

 

บุตรของเขา จะต้องเกิดมามีรูปลักษณ์ที่ล้ำเลิศเท่านั้น ดังนั้นมารดาของบุตรต่อให้ไม่ได้เป็นยอดหญิงที่งดงามล่มบ้านล่มเมือง ก็ต้องมีรูปโฉมดั่งบุปผางดงามดุจจันทรา

 

 

สำหรับโฉมสะคราญที่ล้ำเลิศตรงหน้านี้…..เขาย่อมพึงพอใจอย่างที่สุด

 

 

เขาเอนร่างลงไป สูดดมกลิ่นกายจากร่างของนางเข้าไปในจมูกช้าๆ กลิ่นดอกกุหลาบกลบกลิ่นดอกฮว๋ายฮวาจางๆบนร่างของนางไป แต่ก็ปลุกเร้าผู้คนได้ดั่งเปลวไฟ

 

 

ฝ่ามือที่ได้รูปสัมผัสลงไปบนองค์เอวของนาง ปลายนิ้วบัดผ่านไปเบาๆ ค่อยคลายสายรัดบนเอวของนางออก

 

 

เผยให้เห็หน้าท้องแบนเรียบและขาวเกลี้ยงเกลา

 

 

เอวของนางบอบบาง ไม่มีเนื้อส่วนเกินแม้แต่น้อย แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารกอบกุมไปได้เกินครึ่งแล้ว

 

 

สตรีผู้นี้งามล้ำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

 

 

เยี่ยเฉินก้มลงมอง เขาผ่านอิสตรีมามากมาย …แต่ละคนนับว่าเป็นชั้นยอด แต่เมื่อเทียบกับนางแล้ว ก็ต้องถือว่าอ่อนด้อยไปหมด

 

 

สตรีผู้นี้…..เป็นของชั้นยอด

 

 

เขาขยับมือ ปลายนิ้วสัมผัสลงบนผิวพรรณของนาง

 

 

ทันใดนั้น ดวงตาที่ปิดอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาในทันที สายตาที่ลึกล้ำคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้นมา

 

 

ชั่วพริบตาที่สบตากันนั้น ทำให้มือของเยี่ยเฉินหยุดชะงักลง

 

 

เขาเงยหน้าขึ้น เห็นประกายตาของนางเปี่ยมไปด้วยแววสังหาร!

 

 

หน้าผากของตู๋กูซิงหลันยังพันด้วยผ้าพันแผลอยู่ แต่แววตาที่พุ่งออกมา แหลมคมอย่างยิ่ง

 

 

“ตื่นแล้ว?” มือของเยี่ยเฉินถอยออกไปเพียงครึ่งนิ้ว

 

 

เขาจดจ้องมองดูตู๋กูซิงหลัน ก็เข้าใจไปว่าสายตาของนางนั้นคือความหวาดกลัว

 

 

นางพึ่งจะมาถึง ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมในตำหนักไท่จื่อ ถึงได้จดจ้องเขาเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้นางได้บังอาจสักครั้ง แต่ว่าเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

 

นางเป็นอนุ ไม่ได้ต่างอะไรกับคนรับใช้ คนรับใช้ย่อมไม่มีสิทธิจะมาจดจ้องเขาเช่นนี้

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูบุรุษตรงหน้า

 

 

ช่างคล้ายคลึงกับเยี่ยอิงมาก!

 

 

เส้นผมสีน้ำเงินเข้มอมดำ นัยตาก็เป็นสีน้ำเงินเข้ม แตกต่างกันเพียงรูปร่างของเขามีข้อมุมกว่าอย่างใบหน้าของบุรุษ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาลึก คล้ายจะมีสัดส่วนของเลือดผสมอยู่บ้าง

 

 

ขนตาของเขายาวและหนาเป็นแพ กึ่งกลางหน้าผากมีรูปมังกร

 

 

ที่ดูทั้งสูงส่งและโหดเ**้ยมตัวหนึ่ง!

 

 

ตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันเริ่มค่อยๆรู้สึกตัว ก็พยายามจะขยับควบคุมร่างกาย เพราะที่จริงแล้วร่างกายของนางในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

 

 

ที่ศีรษะแตกนั้นเป็นเรื่องเล็ก เพียงแต่ว่าพิษของแมงกระพรุนนั้นยังคงอยู่ในร่าง ขับออกไปไม่หมด

 

 

ด้วยระดับของนางในตอนนี้ ขอเพียงมิใช่พิษที่ถึงกับพิฆาตชีวิตในทันที ก็สามารถจะค่อยๆขับออกไปด้วยกำลังของตนเองได้อยู่

 

 

พิษยังไม่ทันหมด บุรุษผู้นี้ก็ถือเอาว่าตนเองเป็นอนุของเขา คิดจะจับนางทำนั่นทำนี้เสียแล้ว

 

 

นางได้แต่ฝืนประคองร่างกายเอาไว้ก่อน อย่างไรไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นกลืนลงไปเพราะพลาดพลั้งมิใช่หรือ?

 

 

ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองโดยรอบครั้งหนึ่ง ตำหนักบรรทมสร้างด้วยชั้นหินทั้งหมด ไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตูที่ปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ด้านนอกมีแต่ความมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไรชัดเจน

 

 

สุดท้ายนางค่อยกวาดตากลับมาที่ร่างของเยี่ยเฉิน

 

 

“ไท่จื่อทรงคิดจะลงมือกับคนที่สิ้นสติ ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อหรอกหรือ?”

 

 

ริมฝีปากสีแดงของนางเชิดน้อยๆ หางตาแตะแต้มด้วยละอองสีแดงบางๆ เป็นเสน่ห์ที่บรรยายไม่ถูก

 

 

นางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

 

เยี่ยเฉินจะอย่างไรก็ผ่านสตรีมามากแล้ว เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย

 

 

เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก สตรีที่ไม่เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน พอเอ่ยปากขึ้นก็พูดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา

 

 

เขาขยับเขาไปใกล้ขึ้นอีกทั้งตัว ปลายนิ้วเชยคางของนางขึ้นมา

 

 

จากนั้นก็จับจ้องไปยังดวงตาดอกท้อของนาง ยิ่งดูก็ยิ่งใกล้ขึ้นกว่าเดิม ค่อยกระซิบลงไปที่ข้างหูของนางว่า “เจ้าตื่นแล้ว ก็ไม่น่าเบื่อแล้ว”

 

 

แน่นอน ทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่หมดสติย่อมไม่สนุกสนานอันใด

 

 

ดวงตาของนางคล้ายคลึงกับดวงตาของเยี่ยอิงมาก

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่ปิดตาอยู่จึงยังไม่รู้ ตอนนี้พอนางลืมตา จึงยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าใต้หล้านี้จะมีนัยตาที่เหมือนกันได้ถึงขนาดนี้

 

 

น่าเสียดาย……ที่เขาไม่อาจมีลูกกับเสี่ยวอิงได้

 

 

บางทีนี่อาจจะเป็นการชดเชยให้กับเขาก็เป็นได้

 

 

ถึงได้พบกับคนที่คล้ายกับเสี่ยวอิง……

 

 

ตู๋กูซิงหลันฝืนความรู้สึกรังเกียจเอาไว้ในใจ นางพยายามรวบรวมพลัง ขับพิษที่อยู่ในร่างกายออกไป

 

 

สำนักหุบเขาภูตเร้นลับของนางมีวิชาพลังจิต สามารถดึงดูดพลังในธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายกลายเป็นพลังจิตของตนเองได้

 

 

ตู๋กูซิงหลันเองก็เป็นของแปลก นอกจากฝึกฝนพลังจิตแล้ว นางยังฝึกฝนพลังวิญญาณ

 

 

นางสามารถใช้พลังจิตและพลังวิญญาณได้พร้อมๆกัน พลังทั้งสองด้านถูกนางควบรวมเข้าด้วยกัน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งเสริมนางให้กลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ไสยเวทย์ของโลกปัจจุบัน

 

 

เมื่อมาอยู่ในโลกนี้ ผ่านมาก็สองปีแล้ว นางฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้สามสี่ส่วนอย่างที่ได้เห็นไป

 

 

เมื่อถูกแมงกระพรุนจับมายังรังของเผ่ามังกรทมิฬ ถึงแม้จะรู้ว่าตนมีพลังอยู่พอควร แต่นางก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างวู่วาม

 

 

บุรุษตรงหน้ามีทั้งพลังมังกรสู่งส่งและความโหดเ**้ยม ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าเยี่ยอิงมากมาย

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันยังไม่อาจขับพิษได้หมด นางย่อมไม่ก่อความวุ่นวายกว่าเดิม

 

 

ในเมื่อเฉพาะหน้านี้ยังไม่อาจใช้กำลัง เช่นนั้นก็ต้องใช้ปัญญา

 

 

เยี่ยเฉินพูดแล้ว ก็คว้าหัวไหล่ของนาง กระตุกเบาๆก็ดึงแขนเสื้อชุดนอนของนางลงมา

 

 

เผยผิวพรรณที่ละเอียดราวเนื้อหยกบนหัวไหล่ของนาง ฝ่ามือที่ใหญ่โตของเขายิ่งคว้าลงไป

 

 

ขณะที่มือของเขาคว้าลงมา ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันก็วาดปัดออกไป เคลื่อนไหวอยู่บนทรวงอกของเขา

 

 

นางหัวเราะน้อยๆ “ไท่จื่อเพคะ ข้าเคยได้ยินมาว่า หากสตรีมีอารมณ์ร่วมจึงจะทำให้ตั้งครรภ์บุตรที่แข็งแรง เช่นนี้ไยพวกเราจึงไม่ทำอะไรที่น่าสนุกสนานกันสักหน่อย เมื่อต่างคนต่างก็เกิดความสุขสมจะไม่ยิ่งดีกว่าหรอกหรือ”

 

 

ว่าแล้ว ใบหน้าของตู๋กูซิงหลันเผยความตื่นเต้นเขินอายออกมา

 

 

ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาแล้วบ้างบางส่วน องค์ไท่จื่อแห่งเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้ รับอนุมาตั้งมากมาย ก็เพื่อต้องการให้กำเนิด ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’

 

 

เขาย่อมต้องให้ความสำคัญกับ ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’อย่างแน่นนอน

 

 

ถึงแม้ตู๋กูซิงหลันจะไม่รู้ว่า ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’นี้จะมีประโยชน์อย่างไร แต่ก็รู้ว่าหากนำมาเป็นข้ออ้าง จะต้องได้ผลอย่างอย่างแน่นอน

 

 

เยี่ยเฉินยังคงไม่คลายมือจากหัวไหล่ของนาง หัวคิ้วของเขาเลิกขึ้นมา คล้ายกับว่าไม่เคยพบเจอกับสตรีกล้าเสนอข้อแม้กับเขามาก่อน

 

 

มือของเขาเพิ่มแรงอีกเล็กน้อย จากนั้นค่อยคลายออกช้าๆ ดวงตาก็เพิ่มประกายสนใจ “เจ้าลองพูดมาซิ เจ้าจะเล่นสนุกสนานอย่างไร?”

 

 

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เขาคาดหวังว่าสตรีผู้นี้จะสามารถให้กำเนิด ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’ได้

 

 

ถึงแม้ว่าสิ่งที่นางกำลังทำในตอนนี้อาจทำให้นางสมควรตาย เขาก็จะปล่อยตามใจนาง

 

 

ไม่เพียงยอมทำตามนาง ทั้งยังเกิดความสนอกสนใจขึ้นมา

 

 

ไม่เคยมีสตรีใดเป็นเช่นนางมาก่อน…..ทั้งขวัญกล้าและมีเสน่ห์เฉพาะตัว!

 

 

ตู๋กูซิงหลันวาดมือเป็นวงอยู่บนทรวงอกของเขา แววตาเพิ่มรอยยิ้ม นัยตาก็เพิ่มพูนความเย็นยะเยือกที่ดูลึกล้ำกว่าเดิม

 

 

นางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูยั่วเย้าจนลึกลับอยู่บ้าง “แน่นอนว่า ……ต้องเล่นให้หนักอยู่แล้ว”

 

 

 

 

 

 

………………………………

 

 

ไรท์ : เฮือก!

 

 

 

 

ตอนต่อไป “อนุ หืม?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท