ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 31 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 31 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ตอนที่ 31 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

เย่เสี่ยวเหอและเซี่ยเจ๋อน่าที่ไม่ทันได้เห็นฉินมู่หลานกำลังลืมตาตื่นอยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทานของเฟิงจื้อหมิงดังขึ้น พวกหล่อนจึงต่างพากันตกใจ

“เฝิงจื้อหมิง นายเป็นอะไร”

เย่เสี่ยวเหอชักสีหน้าไม่พอใจทันที “ทำไมไม่รีบถอดเสื้อผ้า”

“หล่อน…หล่อนฟื้นแล้ว”

เฝิงจื้อหมิงชี้ไปที่ฉินมู่หลาน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นจึงหันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อน่า “เธอไม่ได้ทำอะไรเลย คงไม่ได้หลอกให้พวกเรามาติดกับอย่างนั้นหรอกใช่ไหม”

“เป็นไปไม่ได้ ฉันใส่มันลงไปในโจ๊กแล้วนะ”

เซี่ยเจ๋อน่ามั่นใจอย่างยิ่งว่าตนได้ใส่บางอย่างลงไปในโจ๊กแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นฉินมู่หลานกินโจ๊กกับตาตอนอยู่ข้างนอก จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร

ในตอนนี้เอง เย่เสี่ยวเหอก็ได้เห็นฉินมู่หลานลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ก่อนที่หล่อนจะหันมองเซี่ยเจ๋อน่าด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน

“นี่คือสิ่งที่เธอบอกว่าลงมือเรียบร้อยแล้วอย่างนั้นหรือ เธอดูสิว่าตอนนี้หล่อนตื่นแล้ว หล่อนกินยาจีนแทนล่ะสิไม่ว่า”

แต่สุดท้าย เย่เสี่ยวเหอก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่สำคัญหรอก ถึงฉินมู่หลานจะตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไร พวกเราก็แค่จับหล่อนมัดเอาไว้”

ในขณะที่กำลังพูด เย่เสี่ยวเหอก็เอ่ยกับเฝิงจื้อหมิง “มัวทำอะไรอยู่เล่า ทำไมไม่จับฉินมู่หลานเอาไว้ล่ะ นายจับหล่อนไว้ แล้วฉันจะเอาอะไรแข็ง ๆ ฟาดหล่อน ฉันมั่นใจว่าแบบนี้หล่อนไม่มีทางตื่นอย่างแน่นอน”

เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด หล่อนได้เตรียมไม้ท่อนหนึ่งเอาไว้ล่วงหน้า และตอนนี้มันก็มีประโยชน์แล้ว

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนั้น จึงจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา

โชคดีที่ได้เข็มทองนี้มาจากฉินอวิ๋นเฮ่อ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับทั้งสามเพียงลำพังเป็นแน่

แต่สุดท้ายแล้วเซี่ยเจ๋อน่าก็ยังเป็นคนของตระกูลเซี่ย ดังนั้นฉินมู่หลานจึงหันมองพลางพูดกับหล่อนก่อน “เซี่ยเจ๋อน่า แม้ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่เธอกลับช่วยคนนอกวางแผนเล่นงานฉัน เธอนี่เหลือเกินเสียจริง ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอคิดว่าพี่รองของเธอจะมีชื่อเสียงไปในด้านดีได้อย่างนั้นเหรอ”

เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินดังนั้นก็ตะคอกเย็นชา “ฮึ…ขอเพียงแค่เธอไปจากพี่รองของฉัน พี่รองฉันหาผู้หญิงที่ดีกว่าเธอได้แน่นอน อีกอย่างเธอยังมาเป็นตัวปัญหาในบ้านของพวกฉันด้วย ครอบครัวของฉันจึงไม่สบายใจกันอยู่ทุกวัน”

“เป็นเธอคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกไม่สบายใจ”

ฉินมู่หลานเหนื่อยหน่ายที่จะสนใจเซี่ยเจ๋อน่าต่อแล้ว จึงหันมองไปทางเย่เสี่ยวเหอและเฝิงจื้อหมิง พลางเอ่ยว่า “พวกเธอทั้งสองคนเอาแต่วางแผนจะเล่นงานฉันอยู่เรื่อย ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

“ฮึ…ฉันอยากจะรู้นักว่าเธอจะอวดดีไปได้อีกนานแค่ไหน”

เย่เสี่ยวเหอไม่ได้เอะใจในคำพูดของฉินมู่หลานเลย หล่อนเอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนโดยสั่งสอนบนเขาต้าชิงซาน จึงเอ่ยออกคำสั่งให้เฝิงจื้อหมิงเข้าไปลงมือ

เฝิงจื้อหมิงคอยทำตามคำสั่งเย่เสี่ยวเหอมาโดยตลอด พุ่งตรงเข้าไปหาฉินมู่หลานทันที

ฉินมู่หลานแอบหยิบเข็มทองไม่กี่เล่มออกมาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เฝิงจื้อหมิงกำลังก้าวเดินเข้ามานั้น เธอก็ใช้เข็มทองปักเข้าตรงจุดฝังเข็มของเขาอย่างรวดเร็วแม่นยำ

เฝิงจื้อหมิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ร่างคนทั้งคนจะเซล้มไปข้างหลัง

โครม…

เฝิงจื้อหมิงหมดสติล้มลงไปนอนกองกับพื้น

เย่เสี่ยวเหอที่ถือแท่งไม้กำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้า แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ในขณะเดียวกัน ในส่วนลึกของดวงตาก็ฉายสะท้อนแววตื่นตระหนกออกมา

“เธอ…เธอทำอะไรเฝิงจื้อหมิง?”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ให้เฝิงจื้อหมิงพักสักหน่อย”

หลังเอ่ยเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างช้า ๆ “ถึงคราวของเธอสองคนแล้วนะ”

เย่เสี่ยวเหอเห็นฉินมู่หลานเข้ามาใกล้ จึงอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง

เดิมทีหล่อนคิดไว้ว่าแผนการจะสำเร็จอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าจะเกิดการพลิกผัน นอกจากฉินมู่หลานจะไม่ตกใจแล้ว ยังจัดการเฝิงจื้อหมิงได้ในคราเดียว และในไม่ช้าหล่อนก็จะเป็นคนต่อไปที่โดนจัดการ

แต่ท่อนไม้ที่อยู่ในมือก็ทำให้เย่เสี่ยวเหอรู้สึกปลอดภัย หล่อนจึงไม่คิดปรานีอีกต่อไป ยกไม้ขึ้นหวังจะตีศีรษะของฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวเดียวกันก็ปักเข็มทองสวนไปบนร่างของเย่เสี่ยวเหอ

เธอรู้จุดฝังเข็มบนร่างกายคน แน่นอนว่าต้องรู้จักวิธีทำให้คนสลบ ดังนั้นเย่เสี่ยวเหอจึงได้เผชิญชะตาเดียวกับเฝิงจื้อหมิง หมดสติลงไปนอนกองกับพื้นโดยไม่รู้ตัว

เซี่ยเจ๋อน่าแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ขณะเดียวกันหล่อนก็ค้นพบว่าตนเองไม่เคยรู้จักตัวตนของฉินมู่หลานมาก่อนเลย

นี่คือฉินมู่หลานที่เอาแต่กินนอนเกียจคร้านไปวัน ๆ ที่หล่อนเคยรู้จักจริง ๆ ใช่ไหม อีกฝ่ายจัดการคนสองคนภายในพริบตาเดียวได้อย่างไรกัน นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต่อไปเป็นคราวของตัวเอง เซี่ยเจ๋อน่าจึงรีบวิ่งไปที่ประตู

แต่ฉินมู่หลานจะปล่อยให้หล่อนมีโอกาสนั้นได้อย่างไร เธอก้าวตามหลังแล้วใช้วิธีเดียวกันกับสองคนก่อนหน้าในการทำให้เซี่ยเจ๋อน่าสลบล้มลง

ขณะมองคนทั้งสามที่นอนกองอยู่บนพื้น แววตาของฉินมู่หลานก็เย็นชา

ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในตระกูลเซี่ย ดังนั้นเธอจะไม่ลงมือต่อเซี่ยเจ๋อน่าอย่างเปิดเผยเหมือนกับเย่เสี่ยวเหอที่สลบลงไปกองอยู่บนพื้น แต่ก็จะแอบลงโทษให้สาสม

ใครใช้ให้เซี่ยเจ๋อน่าร่วมมือกับเย่เสี่ยวเหอหวังจะตีกรอบเธอกันล่ะ

ฉินมู่หลานลากเซี่ยเจ๋อน่ากลับไปที่เตียงของหล่อน แล้วก็หยิบเข็มทองออกมาปักลงตามเนื้อตัวของเซี่ยเจ๋อน่า

“ตั้งแต่นี้ไปอย่าได้คิดไม่ซื่ออีก อยู่เฉย ๆ ไปซะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยเธอไป แต่ถ้าเธอยังคิดจะทำร้ายฉันอีกล่ะก็ ต่อไปชีวิตเธอได้ลำบากแน่”

เธอปิดผนึกจุดฝังเข็มของเซี่ยเจ๋อน่าไว้หลากหลายจุด หากเป็นไปเช่นนี้ต่อไปโดยไม่ได้รับการรักษา ร่างกายของเซี่ยเจ๋อน่าก็จะมีปัญหา ดังนั้นชีวิตหล่อนในภายหน้าขึ้นอยู่กับการกระทำของหล่อนแล้ว

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็พยายามลากตัวเย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิงออกไปยังทุ่งข้าวโพดบริเวณใกล้ ๆ

หลังจากทิ้งร่างทั้งสองคนไว้ในทุ่ง ฉินมู่หลานก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของทั้งคู่ให้เปลือยเปล่า

เมื่อวานเธอได้ยินเซี่ยเหวินปิงเล่าว่าวันนี้ทุกคนจะมาเก็บข้าวโพดกัน เพียงแต่พื้นที่ตรงนี้ยังไม่มีการเก็บเกี่ยว พวกเขาจึงจะไปเก็บเกี่ยวในพื้นที่ตรงนั้นช่วงบ่าย ถึงเวลานั้นก็จะมีสิ่งน่าสนใจให้รับชม

เมื่อจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่หลานจึงรีบกลับบ้าน แล้วทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเริ่มปรุงยาสมุนไพรอยู่ที่บ้านด้วยท่าทางใจเย็น

เมื่อเหยาจิ้งจือกลับมาพร้อมกับเสี่ยวอวี่ ก็พบว่าฉินมู่หลานกำลังนั่งปรุงยาสมุนไพรอยู่ตรงบริเวณลานบ้าน

“มู่หลาน กำลังยุ่งกับการปรุงยาอยู่เหรอ”

ฉินมู่หลานเอ่ยตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะแม่ แม่กับเสี่ยวอวี่ไปเดินเล่นที่ไหนกันมาคะ?”

“เจ้าหนูเสี่ยวอวี่คนนี้ไม่รู้วันนี้เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ลากฉันไปเดินทั่วหมู่บ้านอยู่ตั้งนาน กว่าจะกลับมาได้ก็ป่านนี้แล้ว” เหยาจิ้งจือยิ้มพลางส่ายหน้าแล้วลูบศีรษะหลานชาย

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานจึงหันไปมองเสี่ยวอวี่ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล “เสี่ยวอวี่ ทำไมวันนี้ถึงพาคุณย่าออกไปเดินวนอ้อมหมู่บ้านอย่างนั้นล่ะ”

เสี่ยวอวี่ได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยเสียงแผ่ว “อาหญิงบอกให้ทำแบบนั้นครับ หล่อนบอกว่าอยากให้ผมพาคุณย่าออกไปเดินเล่น”

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น แววตาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาทันที

เซี่ยเจ๋อน่าหลอกใช้เสี่ยวอวี่เพียงเพื่อจะไล่คนในครอบครัวออกไป แล้วพวกเขาจะทำอะไรเธอก็ได้ แต่พวกเขากลับคิดผิด

เหยาจิ้งจือได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้วขึ้นทันที

“อะไรนะ…อาหญิงบอกให้หลานทำแบบนี้ แล้วมันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สะใจจังค่า มู่หลานเก่งมาก จัดการสามคนหมอบในคราวเดียวเลย แถมเอาคืนแบบแสบมากด้วย ตอนที่สองคนนั้นตื่นขึ้นมาในไร่ข้าวโพดคงกระอักกระอ่วนพิลึก

ส่วนนังเจ๋อน่า รบกวนฝังเข็มให้ลมปราณมันพิการไปเลยค่ะ ต่อไปมันจะได้เป็นหมัน จะได้ไม่ส่งต่อพันธุกรรมเลวให้ลูกหลานลำบาก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท