ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 37 เส้นทางที่เลือกเอง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 37 เส้นทางที่เลือกเอง

ตอนที่ 37 เส้นทางที่เลือกเอง

เย่เสี่ยวเหอพาเซี่ยเจ๋อน่าไปถึงในเมือง หลังจากนั้นก็เอ่ยกับหล่อนอย่างยิ้มแย้ม “น่าน่า เธอรอที่นี่สักแปบนะ ฉันจะไปที่บ้านเกาหยวนดูว่าเขาอยู่หรือเปล่า”

หล่อนจำวันนี้ของทุกสัปดาห์ได้ว่าเป็นวันพักผ่อนของเกาหยวน

เมื่อเย่เสี่ยวเหอได้พบเกาหยวน อีกฝ่ายก็มีท่าทางสับสนนิดหน่อย “คุณมาหาใครครับ?”

เย่เสี่ยวเหอเห็นเกาหยวน ก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา พลางเอ่ย “มาหาคุณนั่นแหละค่ะ”

เดิมทีเกาหยวนอยากเอ่ยไปว่าเขาไม่รู้จัก แต่เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์อันงดงามของเย่เสี่ยวเหอ ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา คำพูดคำจาก็เปลี่ยนไป “ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ? ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นท่าทางที่เกาหยวนจ้องมองตน ปฏิกิริยาของเย่เสี่ยวเหอก็ไม่ได้เปลี่ยนไป หล่อนเอ่ยขึ้นต่อ “พวกเราไม่เคยเจอกันหรอกค่ะ แต่ฉันรู้จักคุณ วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อแนะนำคู่ครองให้คุณ”

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเกาหยวนก็เต็มไปด้วยความสงสัย

เย่เสี่ยวเหอจึงเล่าเรื่องราวของเซี่ยเจ๋อน่าให้ฟัง หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ถึงตระกูลเซี่ยจะอาศัยที่หมู่บ้านชิงซาน แต่พื้นฐานครอบครัวก็ค่อนข้างดี นอกจากนี้พี่ชายคนรองของตระกูลยังมีตำแหน่งยศในกองทัพค่อนข้างสูงด้วย นี่จึงเป็นการแต่งงานที่ดีมาก เพียงแต่ว่า…”

เมื่อเล่าจนจบ เย่เสี่ยวเหอก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเสียดาย “เซี่ยเจ๋อน่าเองก็เต็มใจ แต่ครอบครัวหล่อนอาจจะไม่เห็นด้วย เพราะตระกูลเซี่ยไปทาบทามตระกูลอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

เกาหยวนรู้สึกดีใจมากเมื่อได้ฟังเนื้อเรื่องครึ่งแรก แต่เมื่อเย่เสี่ยวเหอเอ่ยถึงเนื้อเรื่องครึ่งหลัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนลง “คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม?”

“ไม่ล้อเล่นหรอกค่ะ”

ริมฝีปากของเย่เสี่ยวเหอโค้งขึ้น ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางประหม่า “ถึงตระกูลเซี่ยจะไม่เห็นด้วย แต่…ถ้าคุณทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกได้ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องยอมตกลงแน่”

“คุณ…”

เกาหยวนจ้องมองเย่เสี่ยวเหอด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ได้แต่คิดว่าหล่อนเสียสติไปแล้ว หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองอีกครั้ง

“นี่คุณกำลังจะฆ่าผมทางอ้อมหรือไง ให้ผมทำข้าวสารเป็นข้าวสุกเนี่ยนะ ถ้าทางบ้านพวกเขาฟ้องผมขึ้นมา ผมได้ไปกินข้าวแดงในคุกแน่”

เย่เสี่ยวเหอยกยิ้มพลางส่ายหัว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่รู้สิ สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงคือศักดิ์ศรี หากเป็นไปเพราะเพื่อเซี่ยเจ๋อน่าแล้ว พวกเขาไม่มีทางฟ้องคุณหรอก”

ดวงตาของเกาหยวนเป็นประกายเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ก็ยังรู้สึกกังวลในความเสี่ยง

ดูเหมือนว่าเย่เสี่ยวเหอจะเห็นท่าทางลังเลของเขา หล่อนจึงพูดไปตามตรง “คุณไปเจอเซี่ยเจ๋อน่าก่อน ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจก็ไม่สาย แต่ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนว่าจะต้องตัดสินใจโดยเร็ว เพราะตระกูลเซี่ยนัดดูตัวหล่อนในวันพรุ่งนี้

ไม่ทันรอให้เกาหยวนได้เอ่ยปฏิเสธ เย่เสี่ยวเหอก็กวักมือเรียกเซี่ยเจ๋อน่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักให้เข้ามาก่อนแล้ว

เซี่ยเจ๋อน่าเห็นดังนั้น จึงรีบเข้ามาทันที

เมื่อหล่อนได้พบเกาหยวน หล่อนก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายหน้าตาดูดีตามที่เย่เสี่ยวเหอบรรยายไว้ทุกอย่าง

เมื่อเย่เสี่ยวเหอเห็นว่าเซี่ยเจ๋อน่าเดินเข้ามาแล้ว หล่อนจึงแอบถอยห่างออกไปอย่างเงียบ ๆ

ทันทีที่เกาหยวนได้สบตากับเซี่ยเจ๋อน่า ก็รู้ได้ทันทีว่าหล่อนเป็นคนโง่เขลาอีกทั้งยังทะเยอทะยาน เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เสี่ยวเหอเมื่อสักครู่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา

หากผู้หญิงคนนี้เข้าข้างเขา เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้เป็นปัญหา

เมื่อเห็นดังนั้น ใบหน้าของเกาหยวนก็ปรากฏรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นขึ้นมา “สวัสดีครับสหายเซี่ย ผมคือเกาหยวน”

อีกด้านหนึ่ง เดิมทีเหยาจิ้งจือต้องการพูดคุยเรื่องนัดดูตัวในวันพรุ่งนี้กับลูกสาว แต่กลับกลายเป็นว่าหล่อนไม่อยู่ในห้อง

“เหวินปิง ลูกสาวหายไปแล้ว”

เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเดินมา “เกิดอะไรขึ้น เซี่ยเจ๋อน่าต้องอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ?”

แต่ไม่นานนักเขาก็พบกับหน้าต่างที่เปิดกว้างอยู่ จึงอดไม่ได้ที่เอ่ยออกมา “นังเด็กบ้านี่ ปีนหนีออกไปทางหน้าต่างแล้วแน่ๆ”

เหยาจิ้งจือเองก็ตระหนักได้ว่าลูกสาวน่าจะปีนหน้าต่างหนีไปแล้ว

“นังเด็กบ้าคนนี้ เวลาแบบนี้ยังจะหนีออกไปอีก”

ฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ก็ต่างได้ยิน เมื่อรู้ว่าเซี่ยเจ๋อน่าไม่ได้อยู่ในห้อง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลี่เสวี่ยเยี่ยนหันไปมองเหยาจิ้งจือพลางเอ่ยถาม “แม่คะ อยากออกไปตามหาไหม”

อันที่จริงหล่อนไม่ได้สนใจสักนิดว่าเซี่ยเจ๋อน่าไปอยู่ที่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วเซี่ยเจ๋อน่าก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่น่าต้องให้ใครมาดูแล และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หล่อนก็ต้องอยู่ในหมู่บ้านสิ จะไปไหนได้อีก

ฉินมู่หลานเองก็ไม่อยากให้ความสนใจเช่นกัน จึงได้แต่ยืนเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด ถึงอย่างไรเธอก็ตัดขาดกับเซี่ยเจ๋อน่าแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์แต่อย่างใด

แต่เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงยังรู้สึกเป็นห่วงนิดหน่อย ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ไม่รู้ว่าลูกสาวออกไปข้างนอกตอนไหน

“พวกเธออยู่บ้านไปกันนะ ฉันกับพ่อของพวกเธอจะออกไปตามหา”

แต่สุดท้ายทั้งเซี่ยเจ๋อเหว่ยและเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ต่างพากันออกไปตามหา แล้วให้สองแม่ลูกหลี่เสวี่ยเยี่ยนกับฉินมู่หลานอยู่เฝ้า

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็หันมองไปทางฉินมู่หลานพลางเอ่ยบ่น “มู่หลาน น้องสามีคนนี้ก็เหลือเกินเสียจริง สร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน จนบ้านที่สงบสุขวุ่นวายอยู่ตลอด”

ตอนนี้หล่อนมีความเห็นมากมายเกี่ยวกับเซี่ยเจ๋อน่า แม้จะเกลียดแต่ก็ยังรู้สึกกลัว หล่อนรู้สึกกังวลว่าต่อไปข้างหน้าเซี่ยเจ๋อน่าจะวางแผนกลั่นแกล้งตน นอกจากนี้หล่อนยังไม่ได้มีความสามารถเหมือนกับฉินมู่หลาน เมื่อถึงเวลานั้นคงต่อกรไม่ได้ ดังนั้นหล่อนจึงตั้งหน้าตั้งตารอให้เซี่ยเจ๋อน่าแต่งงานออกไปโดยเร็วที่สุด

“จริงสิมู่หลาน ตอนนี้เธอคงจะหิวมากแล้ว เธออยากกินอะไรสักหน่อยก่อนไหม”

เป็นเพราะน้องสามีหายตัวไป พวกเขาทั้งหมดจึงยังไม่ได้กินมื้อเย็น

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ย “ก็ดีค่ะ แต่พวกเรามากินด้วยกันเถอะ เสี่ยวอวี่ยังเด็ก ไม่ควรปล่อยให้ท้องหิว”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนไม่ได้ปฏิเสธ แล้วรีบพาลูกชายไปกินข้าว

แต่หลังจากพวกเขากินเสร็จ คนอื่น ๆ ก็ยังไม่กลับมา หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงขมวดคิ้ว พลางเอ่ย “เกิดอะไรขึ้นนะ พวกเขายังไม่เจอตัวอีกหรือ เซี่ยเจ๋อน่าไปอยู่ที่ไหนกันแน่”

ฉินมู่หลานเอ่ยด้วยท่าทางครุ่นคิด “ฉันคิดว่าเซี่ยเจ๋อน่าอาจจะไปหาเย่เสี่ยวเหอค่ะ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย พลางเอ่ยขึ้น “เป็นไปได้อยู่ พวกหล่อนสองคนนี่แหละทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายในหมู่บ้าน”

ทั้งสองพูดคุยกันและเฝ้ารอ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่มกว่าได้แล้ว

หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป

“มู่หลาน อยู่กับเสี่ยวอวี่ไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวฉันออกไปดูรอบ ๆ สักหน่อย”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนยังไม่ทันจะเดินออกไป เซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ก็กลับมากันแล้ว เพียงแต่สีหน้าของทุกคนดูไม่สู้ดีสักเท่าใด

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นดังนั้น จึงรีบตรงปรี่เข้าไปหาเซี่ยเจ๋อเหว่ยพลางเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง เจอตัวไหม?”

“ไม่เลย หาทั่วหมู่บ้านแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอตัว”

“แล้วพวกคุณลองไปหาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหรือยัง ฉันว่าเซี่ยเจ๋อน่าอาจจะไปหาเย่เสี่ยวเหอก็ได้”

ครั้งนี้ไม่ใช่เซี่ยเจ๋อเหว่ยที่เอ่ยตอบ แต่กลับเป็นเซี่ยเจ๋อหลี่แทน “ไปแล้ว แต่พวกเขาต่างก็บอกว่าไม่เห็นเซี่ยเจ๋อน่า”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้วขึ้นแล้วเอ่ย “พวกเขาต้องไม่ยอมบอกอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกคุณลองไปถามคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านหรือยัง ว่าเห็นเซี่ยเจ๋อน่าออกไปข้างนอกหรือเปล่า”

“แต่ตอนนั้นคงไม่มีใครเห็นแน่นอน”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ใบหน้าของฉินมู่หลานก็ดูประหลาดใจ หลังจากนั้นจึงส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”

“กำลังหาฉันอยู่ใช่ไหมคะ”

ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางฝั่งประตู

เมื่อทุกคนหันกลับไปมอง ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อน่ายืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเกาหยวนที่ยืนอยู่ข้างหล่อน

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เรียบร้อยโรงเรียนเกาหยวน เตรียมเดบิวต์เป็นกระสอบทรายให้ abuser ชายแทร่ตีเมียได้เลยค่ะยัยเจ๋อ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท