ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 48 ต้อนรับแขกอย่างดี

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 48 ต้อนรับแขกอย่างดี

ตอนที่ 48 ต้อนรับแขกอย่างดี

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเอ่ย จึงยกยิ้มแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง พลางเอ่ยถาม “ทำไมหรือคะ?”

“ผอ.โรงงานอาหารของพวกเราอยากจะเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อ เพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้ง แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอว่างหรือเปล่า จึงอยากมาถามเธอให้แน่ใจก่อน” หลังจากเอ่ยจบ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มองด้วยสายตาคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องสะใภ้จะผูกมิตรเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับ ผอ.โรงงานอาหาร ในฐานะที่หล่อนเป็นพี่สะใภ้ก็จะได้พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับฉินมู่หลานว่าจะไปหรือไม่ไป

และฉินมู่หลานก็ส่ายหัว

“ไม่ต้องกินข้าวอะไรหรอกค่ะ นอกจากนี้ พวกเขายังมอบตำแหน่งพนักงานเพื่อเป็นการขอบคุณแล้วด้วย เรื่องอื่นจึงไม่จำเป็นแล้วล่ะ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดให้มากความ เพียงแค่พยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้สิ เรื่องนั้นฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันบอก ผอ.โรงงานของเราให้นะ”

แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเข้าไปในเมือง ฉินมู่หลานก็มีแผนที่จะเข้าไปอยู่เหมือนกัน

“พี่สะใภ้ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าเมืองไปพร้อมกับพี่นะคะ อยากจะไปซื้อหนังสือสักเล่ม”

“ได้สิ”

ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างทำอาหาร ไม่นานนักก็ทำอาหารธรรมดาแสนเรียบง่ายจนเสร็จเรียบร้อย

เหยาจิ้งจือได้ยินเรื่องข่าวลือนั้นก็รู้สึกโกรธมาก จึงยังไม่ได้ออกมารับประทานอาหารเย็นเลยแม้แต่น้อย ส่วนเซี่ยเหวินปิงก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเช่นกัน วันนี้มีหลายคนเอ่ยถึงเรื่องของลูกสาวให้เขาฟัง แต่ข่าวพวกนั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเขาต้องการเอ่ยปฏิเสธก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ จึงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วทำได้เพียงมองดูคนอื่นพูดคุยกัน “เอาเถอะ พวกเรากินข้าวกันดีกว่า ไม่ต้องไปกัวลเรื่องแม่หรอก”

ฉินมู่หลานไม่ค่อยรู้สึกอยากอาหาร หลังจากกินไปได้เพียงเล็กน้อยก็วางตะเกียบลง

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ออกเดินทางเข้าเมืองไปด้วยกัน

“มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำงานก่อนนะ เธอก็รีบไปซื้อหนังสือเข้าล่ะ แล้วรีบกลับบ้านหลังจากซื้อของนะ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าพร้อมทั้งรอยยิ้ม แล้วเอ่ยตอบ “ค่ะ”

แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเอ่ยตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ “หมอฉิน ใช่คุณจริงด้วย”

ฉินมู่หลานหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นต่งหม่านเฟิน ภรรยาของผอ.โรงงานอาหาร อีกฝ่ายเห็นแล้วก็ก้าวเดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับมือฉินมู่หลานขึ้นแล้วเอ่ย “หมอฉิน ตอนแรกฉันว่าจะแวะเข้าไปถามพี่สะใภ้ของคุณว่าวันนี้สรุปคุณมาหรือไม่มา นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นไปนั่งที่บ้นของพวกเราก่อนเถอะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ยิ้มค้าง

วันนี้เธอเพียงจะเข้าเมืองมาพร้อมกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนเพื่อซื้อหนังสือ ไม่ได้ตั้งใจอยากจะรับสิ่งตอบแทนจากใคร ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังจะปฏิเสธ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ชิงเอ่ยกับฉินมู่หลานก่อน

“มู่หลานแค่จะมาซื้อหนังสือค่ะ และก็มีธุระต้องทำด้วย จึงไม่สามารถอยู่รับประทานอาหารได้ค่ะ”

ฉินมู่หลานเอ่ยพร้อมทั้งพยักหน้าไปด้วย “ใช่ค่ะ ฉันมีธุระต้องจัดการให้เสร็จ และนอกจากนี้พวกคุณก็เคยแสดงความขอบคุณฉันไปแล้ว จึงไม่ต้องเลี้ยงข้าวอะไรฉันอีกแล้วค่ะ”

ต่งหม่านเฟินเอ่ยด้วยพร้อมรอยยิ้ม “หมอฉินจะไปซื้อหนังสือหนังสือใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนคุณเอง แล้วถ้าคุณอยากไปทำธุระอะไรก็ไปทำได้เลยค่ะ วันนี้ถ้าไม่มีเวลา ค่อยมากินข้าวกันพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ”

ครอบครัวของพวกเขาต้องการที่จะขอบคุณฉินมู่หลานจากใจจริง ยิ่งไปกว่านั้น การได้พบมิตรสหายที่มีฝีมือทางการแพทย์ยอดเยี่ยมนั้นเป็นเรื่องที่ดีด้วย สิ่งนั้นทำได้เพียงใฝ่ฝันถึงเท่านั้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงทราบว่าพวกเขาตั้งใจอยากจะเลี้ยงอาหารเธอจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้น พี่สะใภ้ ฉันไปร้านหนังสือก่อนนะคะ แต่ว่าฉันไม่ได้รีบมากสักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นเรามากินมื้อเที่ยงแบบเบา ๆ กันดีกว่าค่ะ”

ในเมื่ออีกไม่นานจะต้องกินข้าว ก็กินมื้อกลางวันเสียให้เสร็จสรรพ

เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งหม่านเฟินก็รู้สึกดีใจมาก

“แบบนั้นดีมากเลยค่ะ ผู้อาวุโสที่บ้านอยากพบคุณอีกครั้งมากเลย แม้แต่เสี่ยวเหล่ยของพวกเราก็อยากขอบคุณด้วยตัวเองเหมือนกัน”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างรู้สึกดีใจอย่างมากที่น้องสะใภ้ยอมตกลงไปกินข้าว จึงรีบโบกมือลาฉินมู่หลานพร้อมทั้งเอ่ย “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธอรีบไปซื้อหนังสือเถอะ ฉันเองก็จะไปทำงานแล้ว” เมื่อเอ่ยจบก็จากไปทันที

และต่งหม่านเฟินก็ได้พาฉินมู่หลานไปร้านหนังสือในเมือง

ฉินมู่หลานค้นหาหนังสืออย่างตั้งใจ เมื่อไม่พบ《ชุดหนังสือฝึกทำโจทย์คณิต ฟิสิกส์ เคมี》ที่เธอต้องการแต่พบ《พีชคณิต》หนึ่งเล่มที่คล้ายกัน สุดท้ายจึงซื้อเล่มนี้ แล้วยังซื้อเพิ่มอีกสองสามเล่มด้วย

“พี่สะใภ้ต่ง ฉันเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”

ต่งหม่านเฟินได้ยินเช่นนั้น จึงรีบจ่ายเงิน

“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ฉันมีของตัวเอง” ฉินมู่หลานขัดขืนอย่างมาก สุดท้ายเธอจึงได้จ่ายเอง

ต่งหม่านเฟินรู้สึกเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาก แล้วพาฉินมู่หลานกลับไปที่บ้านทันที

เมื่อแม่เฒ่าอวี๋เห็นฉินมู่หลาน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “หมอฉิน เธอมาแล้วเหรอ รีบเข้ามานั่งข้างในเร็ว”

เสี่ยวเหล่ยเดินตามหลังหญิงชรา มีบางจังหวะที่แอบเหลือบมองฉินมู่หลานด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย แต่เขาทราบว่าพี่สาวคนนี้ที่มาที่บ้านเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในตอนแรก จึงตั้งใจขอบคุณจากใจจริง

ฉินมู่หลานอดใจลูบหัวของเสี่ยวเหล่ยไม่ได้ พลางเอ่ยบอก “ไม่ต้องขอบคุณหรอกจ้ะ เสี่ยวเหล่ยเก่งมากเลย”

ต่งหม่านเฟินเตรียมชาและของว่าง นอกจากนี้ยังมีผลไม้จานใหญ่มาวางเสิร์ฟด้วย

สมัยนี้ผลไม้หาได้ยาก ตระกูลอวี๋ช่างต้อนรับด้วยความสุภาพเสียจริง

ระหว่างที่หญิงชราพูดคุยกับฉินมู่หลาน ต่งหม่านเฟินก็ไปเตรียมอาหารกลางวัน สำหรับอาหารต้อนรับแขก ทางตระกูลได้เตรียมคิดการเอาไว้เนิ่นนานแล้ว หลังจากยุ่งอยู่ในครัวสักพัก อาหารกลางวันมื้อหรูหราก็ถูกเตรียมจนเสร็จสิ้น

เมื่ออวี๋ไห่เฉากลับมา ทั้งตระกูลก็พร้อมใจกันเลี้ยงอาหารรสเลิศให้แก่ฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานมองไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ เห็นได้ชัดว่ามันต้องอร่อยอย่างแน่นอน เพียงแค่ตอนนี้เธอไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าใด

แต่ทั้งตระกูลตั้งใจเลี้ยงเธอมาก เธอจึงยอมกินข้าวไปหนึ่งชามเต็ม

เมื่อถึงเวลาที่ฉินมู่หลานกำลังจะกลับไป ต่งหม่านเฟินก็ได้ส่งมอบผลไม้ถุงใหญ่ให้เธอกลับไปด้วย

ฉินมู่หลานรีบโบกมือปฏิเสธทันที

ต่งหม่านเฟินรีบยัดมันใส่ลงในมือของฉินมู่หลานทันที “หมอฉิน นี่เป็นของที่ลุงอวี๋ของคุณซื้อเอาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน เอากลับไปกินกับครอบครัวของคุณนะคะ”

แม่เฒ่าอวี๋เอ่ยสนับสนุนอยู่ด้านข้าง นอกจากนี้ยังบอกให้ฉินมู่หลานมาที่บ้านบ่อย ๆ ด้วย สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะคว้าจับมือของฉินมู่หลาน พลางเอ่ย “หมอฉิน คุณซูบผอมลงไปเยอะมากเลย เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า พักผ่อนเยอะ ๆ หน่อยนะ”

อันที่จริงต่งหม่านเฟินเห็นตั้งนานแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าตอนนี้ฉินมู่หลานดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เป็นเพราะลดน้ำหนักไปบางส่วน จึงทำให้ใบหน้าดูมีมิติชัดเจนมากขึ้น

และเมื่อฉินมู่หลานได้ยินสิ่งที่แม่เฒ่าอวี๋เอ่ย ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “จริงหรือคะ ถ้าอย่างนั้นวิธีนี้คงได้ผลแล้ว เดิมทีฉันต้องการลดน้ำหนักค่ะ”

แม่เฒ่าอวี๋กลับเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก “หมอฉิน ถ้าอ้วนหน่อยก็ดีนะ ลดน้ำหนักมันไม่ดีหรอก”

“ถ้าอ้วนเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นจึงไม่ควรให้อ้วนเกินไปค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงชราก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดให้มากความอีก

หลังจากฉินมู่หลานเอ่ยอำลา จึงกลับไปพร้อมกับผลไม้และหนังสือทันที เธอแบ่งผลไม้ออกเป็นสองส่วน เพื่อนำไปฝากที่บ้าน อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปที่ตระกูลฉิน

ซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานมาพร้อมกับสิ่งของบางอย่างอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่เอ่ย “มู่หลาน ต่อไปไม่ต้องเอาอะไรติดไม้ติดมือมาหรอกนะ ซื้อทุกครั้งมันสิ้นเปลือง”

“แม่ นี่ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ มีคนให้มา”

เธอเอ่ยถามอีกครั้ง “เคอวั่งล่ะคะ ฉันเอาหนังสือมาให้น้อง ถ้าเจอน้องแม่ก็เอาให้แทนก็ได้ค่ะ”

“พี่ หาผมอยู่หรือเปล่า”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ดวงผู้ใหญ่อุปถัมภ์ชัดๆ เลยมู่หลาน ต้อนรับเลี้ยงอาหารอย่างดี

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท