ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 50 เจอโดยบังเอิญ

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 50 เจอโดยบังเอิญ

ตอนที่ 50 เจอโดยบังเอิญ

ซ่งโหย่วเต๋อได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเอ่ย จึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “กลุ่มอาการเส้นลมปราณตับติดขัดจากความเย็นหรือ? ตรวจได้ยังไง?”

“เป็นเพราะการมีเพศสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับระบบเลือดของไต จึงต้องทำให้ไตอุ่นเพื่อลดการเกิดโรคผกผันค่ะ”

ซ่งโหย่วเต๋อถึงบางอ้อทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลังจากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว ใช่เลย เป็นอย่างนั้นจริงด้วย” ขณะที่เอ่ยก็อดหันมองฉินมู่หลานไม่ได้ “สหายฉิน คุณเก่งเกินไปแล้ว”

ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉินที่เก่งกาจ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้จะเป็นฉินมู่หลานที่มีศักยภาพในตัวเอง แม้จะเคยเห็นเคสแบบนี้ผ่านตา แต่เธอก็นึกออกได้ในทันที นอกจากนี้ยังมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งด้วยว่าผู้ป่วยปิดบังความลับ ความสามารถเช่นนี้จึงค่อนข้างพิเศษมาก

“เป็นเพราะผู้ใหญ่ในครอบครัวสอนมาดีค่ะ”

ฉินมู่หลานกล่าวทั้งรอยยิ้ม จากนั้นก็ส่งใบสั่งยาให้เขา

ซ่งโหย่วเต๋อมอบยาให้ฉินมู่หลาน สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “หมอฉิน ตอนนี้รู้ตัวโรคแล้ว เช่นนั้นในใบสั่งยาควรจะใช้อะไรดี” เขารู้ดีว่าใบสั่งยาทุกใบเป็นความลับสุดยอดของแพทย์ แต่เขาก็ยังเอ่ยถามละลาบละล้วง คนไข้รายนี้ปวดศีรษะมาหลายปีแล้ว เขาจึงรู้สึกเจ็บปวดใจมากจริง ๆ

“ไม้กฤษณาสิบกรัม ปู่กู่จือสิบกรัม เฟิร์นกู่ซุ่ยปู่สิบกรัม กำมะถันหนี่งกรัม โร่วฉงหรงสิบห้ากรัม อู๋จูอวี๋สิบกรัม ตังกุยสิบกรัม” ฉินมู่หลานไม่ปิดบังอะไรเลย แล้วบอกใบสั่งยาให้ตามตรง หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “หมอสามารถจ่ายให้คนไข้สามโดสก่อนก็ได้ค่ะ แล้วดูว่าได้ผลหรือไม่”

ซ่งโหย่วเต๋อคาดไม่ถึงว่าฉิมู่หลานจะเอ่ยบอกออกมาอย่างหมดเปลือก เขาเพียงแค่ลองถามดูเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับไม่ปกปิดเลย “หมอฉิน ช่างมีน้ำใจยิ่งนัก”

ฉินมู่หลานไม่คิดว่ามันมีอะไรพิเศษเลย

“หมอซ่งคะ ลองให้พวกแพทย์ได้รู้แนวทางการรักษามากขึ้น ก็จะสามารถรักษาคนไข้ให้หายป่วยได้มากขึ้น” เธอหวังเพียงว่าแพทย์ทุกคนจะได้รับความรู้มากขึ้น หากต่อไปต้องรับมือกับโรคที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ก็จะได้ให้การรักษาที่ดีขึ้นด้วย

“หมอฉิน คุณใจกว้างเหลือเกินที่คิดแบบนั้น แต่คนอื่นไม่ได้เป็นเหมือนกับคุณเนี่ยสิ” ขณะเอ่ยปากพูดเขาก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างคิดเสียใจ สุดท้ายแล้วความรู้มากมายที่ปิดบังไว้ก็สูญหายไป เพราะอยากเก็บเอาไว้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว

แต่ครั้งนี้ฉินมู่หลานกลับบอกใบสั่งยาในทันที ทำให้ซ่งโหย่วเต๋อดีใจเป็นอย่างมาก “หมอฉิน คุณวางใจได้เลย สูตรยาดีเช่นนี้ ผมจะตั้งใจทำงานอย่างหนักเป็นรางวัลตอบแทนให้กับคุณอย่างแน่นอน”

“ค่ะ ขอบคุณหมอซ่งมากเลยค่ะ”

ซ่งโหย่วเต๋อรีบโบกมือทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอฉิน เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำแล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” และในตอนนั้นเอง เขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับทันที “หมอฉิน ใบสั่งยาที่คุณนำมาทุกครั้งนี่คุณเป็นคนเขียนเองใช่ไหม”

ฉินมู่หลานเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “แค่จัดตำรับยาให้กับคนไข้คนหนึ่งค่ะ”

“คุณเป็นคนคิดเองจริงด้วย”

ซ่งโหย่วเต๋อเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นอีก “ถ้าอย่างนั้น…สมุนไพรพวกนี้ คุรก็เป็นคนปรุงเองด้วยใช่ไหม”

“ผู้ใหญ่ที่บ้านสอนมาค่ะ จึงปรุงยาสมุนไพรด้วยตัวเองได้”

“หมอฉิน คุณก็ถ่อมตัวเกินไป ยาสมุนไพรพวกนั้นคุณปรุงออกมาได้ดีมากนะ” ซ่งโหย่วเต๋อชมเชยฉินมู่หลานอีกครั้ง หวังอยากให้เธอเป็นผู้สืบสกุลของครอบครัวตัวเองเสียเหลือเกิน น่าเสียดายที่ทางบ้านไม่มีลูกหลานคนไหนเรียนแพทย์เลยสักคน

หลังจากฉินมู่หลานพูดคุยกับซ่งโหย่วเต๋ออยู่สักพักก็กลับไป

เธอนำยาไปให้เจี่ยงสือเหิงก่อน หลังจากนั้นจึงไปส่งบทความและจดหมายของเจี่ยงสือเหิง

จดหมายฉบับนั้นถูกส่งไปยังเมืองหลวง โดยไม่ทราบว่าเจี่ยงสือเหิงส่งไปถึงใคร แต่เรื่องพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจ สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดในตอนนี้คือการซื้อหนังสือ ซึ่งเกรงว่าในตัวอำเภอก็อาจจะหาซื้อไม่ได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องหาทางกลับเข้าไปดูในตัวจังหวัด แต่หากยังหาซื้อไม่ได้อีก เธอเองก็ไม่ทราบแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร

นับว่าโชคยังเข้าข้างฉินมู่หลานที่หาซื้อได้แล้วถึงแม้ว่าจะมีเพียงสองเล่ม แต่เธอก็พึงพอใจแล้ว

จัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ในที่สุดใบหน้าของฉินมู่หลานก็ผ่อนคลายลง เธอลงรถประจำทางในเมือง ก่อนจะเห็นเหยาจิ้งจือเดินอยู่บนถนนด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว

“แม่คะ แม่มาที่นี่แล้วเสี่ยวอวี่เล่า?”

เมื่อได้ยินเสียงของฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือจึงเงยหน้าแล้วมองกลับไป หลังจากนั้นจึงเอ่ยว่า “ฉันฝากเสี่ยวอวี่เอาไว้กับป้าพานพักหนึ่งน่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงไม่เอ่ยถามอะไรอีก เพียงแค่ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “แม่คะ แล้วธุระของแม่เสร็จหรือยัง กลับด้วยกันเลยไหมคะ ”

เหยาจิ้งจือดูท่าทางสับสนนิดหน่อย ก่อนจะส่ายศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันมีเรื่องต้องทำ เธอกลับไปก่อนเถอะ”

“แม่ อยากให้ฉันอยู่ช่วยไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็เอ่ยปฏิเสธตรง ๆ “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้อง ฉันแค่จะมาซื้อของสักหน่อย เธอกลับก่อนเถอะ”

เมื่อเห็นว่าเหยาจิ้งจือยืนกรานว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือ ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันกลับก่อนนะคะ”

“อืม เธอรีบกลับไปเถอะ”

ฉินมู่หลานหมุนตัวหันหลังกลับไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหาร เธอจึงคิดอยากจะซื้อของสักหน่อย หากรู้ตัวเร็วกว่านี้ คงไปเดินร้านค้ากับเหยาจิ้งจือแล้ว

แต่เมื่อฉินมู่หลานมาถึงร้านค้า ก็พบว่าเหยาจิ้งจือไม่ได้อยู่ที่นั่น

เมื่อเห็นดังนั้น ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วอย่างฉงนใจเสียไม่ได้ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แล้วซื้อคุกกี้วอลนัตสองห่อและบ๊วยตากแห้งอีกหนึ่งห่อ แล้วเตรียมพร้อมที่จะกลับ

แต่เดินออกมาจากร้านค้าได้ไม่นาน ก็ชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง

“ขอโทษค่ะ”

ฉินมู่หลานรีบกล่าวขอโทษทันที เธอเป็นฝ่ายรีบร้อนเอง คิดไม่ถึงว่าจะชนใครเข้า

ผู้มาเยือนเป็นผู้หญิงผมสั้นสีดำ บุคลิกท่าทางเรียบร้อยมาก

หญิงสาวคนนั้นกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็รีบเกินไปหน่อยไม่ได้มองเหมือนกัน”

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นอะไร นอกจากนี้ยังโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองเช่นกันด้วย ฉินมู่หลานจึงรู้สึกประทับใจในตัวหล่อนมาก

“คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานก้มโค้งให้ผู้หญิงคนนั้น หลังจากนั้นจึงเดินกลับออกไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาอะไร เธอก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นเกาหยวน

เกาหยวนมาที่นี่เพียงลำพัง ดูเหมือนว่ากำลังจะมุ่งตรงมาที่ร้านค้าด้วย

ฉินมู่หลานไม่ได้อยากประจันหน้ากับเกาหยวน จึงรีบหลบไปตรงหัวมุมริมถนน

โชคดีที่เกาหยวนไม่เห็นเธอ

ในขณะที่ฉินมู่หลานกำลังจะออกไป เธอก็ได้ยินเกาหยวนเอ่ยเรียกผู้หญิงคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หานลี่ เธอมาที่นี่ได้ยังไง”

ผู้หญิงผมสั้นคนนั้นคือหานลี่ อดีตคู่หมั้นของเกาหยวน

หานลี่เห็นเกาหยวน จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นตอบกลับเช่นกัน “เกาหยวน ที่นี่เป็นร้านค้า แน่นอนว่าฉันต้องมาหาซื้อของ ดูนายสิ ได้ข่าวว่าเพิ่งแต่งงาน ยินดีด้วยนะ”

“เหอะ…เธอไม่ต้องแกล้งแสดงความยินดีกับฉันหรอก”

หลายปีก่อนหากไม่ใช่เพราะหานลี่ เขาคงแต่งงานไปแล้ว แล้วเขาจะแต่งงานกับเซี่ยเจ๋อน่าอย่างกะทันหันอีกครั้งได้อย่างไร

หานลี่เห็นเกาหยวนเป็นเช่นนั้น จึงไม่ไว้หน้าให้เขาสักนิด

“ใช่ ฉันมันเสแสร้งเองล่ะ ฉันภาวนาให้นายไม่มีคู่ แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงแสนโชคร้ายคนนี้จะยอมมาแต่งกับนาย หล่อนคงไม่รู้ว่านายชอบตบตีผู้หญิงสินะ”

“เธอ…เธออย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ”

ฉินมู่หลานที่ยืนอยู่ตรงหน้าจ้องมองเกาหยวนด้วยความประหลาดใจ

ไม่อาจตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้จริง ๆ เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของเกาหยวนอย่างถี่ถ้วน เธอก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนประเภทชอบทุบตีทำร้ายผู้หญิง

เอ๊ะ…ถ้าอย่างนั้นต่อไปเซี่ยเจ๋อน่าคงทุกข์ทรมานน่าดู

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โลกกลมเหลือเกิน เจอคู่หมั้นเก่ามาแฉเรื่องตัวเองได้เนี่ย ทีนี้คนอื่นเลยรู้กันหมดเลยว่าเป็นคนยังไง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท