ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 52 ทำตัวดี

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 52 ทำตัวดี

ตอนที่ 52 ทำตัวดี

เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือทะเลาะกันค่อนข้างหนัก ฉินมู่หลานจึงรีบเดินออกไปทันที

เซี่ยเจ๋อเหว่ย หลี่เสวี่ยเยี่ยนและเสี่ยวอวี่เองก็ออกมาด้วย เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวนิดหน่อย “พ่อครับแม่ครับ คุณปู่คุณย่าเป็นอะไรเหรอครับ?”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็ดึงลูกชายมาพูดคุยด้วย “คุณปู่คุณย่าไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ ลูกเข้าไปห้องก่อนเถอะ”

เสี่ยวอวี่พยักหน้า แล้วตามหลี่เสวี่ยเยี่ยนเข้าห้องไป

เซี่ยเจ๋อเหว่ยเองก็หันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน เธอเองก็กลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้น”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความ แล้วหันหลังกลับเข้าห้อง

ส่วนเซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือก็เพิ่งรู้ตัวว่าทะเลาะกันเสียงดังเกินไป ดังนั้นทั้งสองจึงค่อย ๆ สงบลง

ในตอนนั้นเองเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ได้เข้ามา

“พ่อแม่ กำลังทะเลาะเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ ทำไมเสียงดังกันจัง”

เมื่อเซี่ยเหวินปิงเห็นลูกชายคนโตเข้ามาหา ก็อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วชี้ไปที่เหยาจิ้งจือ “ลองถามแม่แกดูสิ วันนี้หล่อนเข้าเมืองเพื่อไปตามหาน้องสาวแก ฉันก็บอกไปแล้วว่าจะตัดขาดกับเซี่ยเจ๋อน่า กลายเป็นว่าหล่อนไม่เคยนึกถึงคำพูดของฉันเลย”

เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ยินเช่นนั้น ก็อดเอ่ยออกไปเสียไม่ได้ “พ่อครับ ถึงแม่จะแอบออกไปหาเซี่ยเจ๋อน่า แต่พ่อก็ไม่ควรโกรธขนาดนี้นะ เซี่ยเจ๋อน่าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ ท่านก็คงจะคิดถึง”

“ฉันเข้าใจอยู่ว่าต้องคิดถึง แต่หล่อนไม่ได้แค่ไปเจอเซี่ยเจ๋อน่าเท่านั้น แต่ยังอยากให้พวกเราไปถามไถ่พูดคุยกับครอบครัวของเกาหยวนเรื่องกิจการและพื้นฐานครอบครัวของเขาด้วย นี่มันไม่ได้จำเป็นเลย ขอแค่เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนต้องหย่ากัน ก็ไม่มีอะไรต้องถามกันแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็อดที่จะเอ่ยออกมาไม่ได้ “ตอนนี้ลูกสาวแต่งงานกับเกาหยวนแล้ว คุณยังคิดอยากให้หล่อนหย่าอีกหรือ เรื่องพวกนี้ ชาวบ้านพูดกันหนาหูมาก หากพวกเขามาถามเกี่ยวกับเรื่องของเกาหยวน ก็คงอยากจะรู้ว่าเกาหยวนนั่นเป็นคนดีพร้อมหรือเปล่า”

“คุณก็พูดอยู่ว่าเซี่ยเจ๋อน่าแต่งงานแล้ว แล้วไปถามตอนนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าเกิดเห็นว่าเกาหยวนไม่ดีพอ คุณจะบังคับให้ลูกสาวหย่าได้อย่างนั้นใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็เงียบไป หล่อนไม่ได้คิดถึงปัญหาเรื่องนี้เลย

“เห็นไหม สิ่งที่ผมบอกมีเหตุผลใช่ไหม แล้วทำไมคุณถึงอยากให้ผมไปทำอะไรแบบนั้นด้วย ครั้งหน้าอย่าได้เข้าเมืองไปหานังเด็กหัวดื้อนั่นอีก”

เหยาจิ้งจือปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก หลังจากนั้นเซี่ยเหวินปิงก็โบกมือให้เซี่ยเจ๋อเหว่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาเถอะ พวกฉันไม่ทะเลาะกันแล้วล่ะ แกรีบกลับไปเถอะ มันเริ่มดึกมากแล้ว รีบไปพักผ่อนซะ”

เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นว่าพ่อแม่ไม่ได้ทะเลาะกันแล้ว จึงพยักหน้า แล้วกลับไปที่ห้อง

ฉินมู่หลานเห็นว่าข้างนอกเงียบลงแล้ว จึงทิ้งตัวลงนอนหัวถึงหมอนแล้วหลับไป เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เธอก็รีบลุกขึ้นรับประทานข้าวเช้าแล้วตรงไปที่บ้านตระกูลฉินทันที

ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวของตนมาหา บนใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“มู่หลาน ลูกมาแล้วเหรอ มานั่งก่อนเร็ว”

ฉินมู่หลานยกยิ้มพลางนั่งลง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่คะ เคอวั่งล่ะอยู่ไหน?”

ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงตะโกนกลับเข้าไปในบ้าน

ฉินเคอวั่งรีบวิ่งออกมาทันที “พี่ เรียกหาผมเหรอ”

ฉินมู่หลานหยิบหนังสือ《ชุดหนังสือฝึกทำโจทย์คณิต ฟิสิกส์ เคมี》ที่ซื้อออกมาหนึ่งเล่มก่อนจะเอ่ยขึ้น “เคอวั่ง ตั้งใจอ่านหนังสือพวกนี้ให้ดี ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ก็ให้มาถามพี่นะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเคอวั่งก็ดูท่าแปลกใจนิดหน่อย “พี่ จริงเหรอ?”

“แน่นอนว่าต้องจริงสิ ถ้านายมีอะไรไม่เข้าใจ ก็แค่มาถามพี่”

ฉินเคอวั่งพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในใจ ถึงแม้ว่าพี่สาวจะเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว ผลการเรียนของเธอก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น คะแนนสอบของเขายังจะดีกว่าพี่สาวเสียด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อพี่สาวเอ่ยเช่นนั้น เขาจึงไม่อยากพูดอะไรให้มากความ

ระหว่างที่หลายคนพูดคุยกัน หวังจาวตี้ก็เข้ามาอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นฉินมู่หลาน เธอก็รีบยกยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวทักทาย “มู่หลาน มาแล้วเหรอ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

ฉินมู่หลานขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นดังนั้น พลางจ้องมองหวังจาวตี้อย่างคิดสงสัย ไม่รู้ว่าวันนี้คนผู้นี้จะต้องการทำอะไรอีก ถึงได้พูดจาประจบประแจงเธอ

หวังจาวตี้เห็นว่าฉินมู่หลานไม่เอ่ยสิ่งใด จึงเอ่ยต่อไปด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน อยู่กินข้าวเที่ยงที่บ้านด้วยกันเถอะ ที่บ้านกำลังจะทำเจียนปิ่ง เธอต้องกินให้เยอะหน่อยนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับไปกินที่บ้านดีกว่า”

หวังจาวตี้รู้สึกกังวลใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นโดยเร็ว “มู่หลาน อยู่กินข้าวที่บ้านเถอะ ฉันกำลังจะไปทำอาหาร หรือเธออยากกินอะไร บอกฉันมาตรง ๆ ก็ได้ ขอแค่ที่บ้านมี ฉันจะทำให้เธอเลย”

ในตอนนี้ฉินมู่หลานค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าหวังจาวตี้ต้องการอะไรบางอย่างจากเธอ จึงทำตัวเช่นนี้

“พี่สะใภ้ใหญ่ มีธุระอะไรก็บอกมาตามตรงเถอะค่ะ ฉันรู้สึกแปลกที่พี่ทำตัวแบบนี้”

หวังจาวตี้ไม่ได้เอ่ยในทันที แต่หันไปมองที่ฉินเคอวั่งพลางเอ่ย “เคอวั่ง ฉันอยากคุยกับพี่สาวนาย นายกลับเข้าไปก่อนได้ไหม”

เมื่อฉินเคอวั่งได้ยินดังนั้น จึงหันมองหวังจาวตี้อีกครั้ง เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร ก่อนจะถือหนังสือแล้วกลับเข้าห้องไปทันที

หลังจากฉินเคอวั่งไปแล้ว หวังจาวตี้ก็มีท่าทางลังเลอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยออกมา

“มู่หลาน ธ…เธอช่วยตรวจชีพจรให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดที่จะเอ่ยถามเสียไม่ได้ “ทำไมเหรอคะ? รู้สึกไม่สบายตัวเหรอ?”

หวังจาวตี้ได้ยินดังนั้น จึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงรีบรีบโบกมือให้หวังจาวตี้ พลางเอ่ย “พี่นั่งก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันตรวจชีพจรให้”

หวังจาวตี้ได้ยินดังนั้น จึงรีบนั่งลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะยื่นมือออกไปทันที

เมื่อฉฺนมู่หลานเห็นว่าหวังจาวตี้พร้อมแล้ว จึงเริ่มจับชีพจรของเธอ หลังจากนั้นก็คิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากพูด “ช่วงนี้อยากเข้าห้องน้ำบ่อยใช่ไหมคะ?”

หวังจาวตี้พยักหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบบอกกล่าว “ใช่ๆๆ อยากเข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเลย และก็ปวดท้องหนักอยู่เป็นบางครั้ง แต่เข้าไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็เลยรู้สึกไม่สบายตัว”

เมื่อเอ่ยจนจบ หวังจาวตี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกเขินอาย “แล้วก็…ยังมี…ตรงส่วนล่าง ฉันรู้สึกว่ามันมีกลิ่นแปลก ๆ”

ยิ่งพูด ใบหน้าของหวังจาวตี้ก็เริ่มแดงมากขึ้น เมื่อใกล้จบ ก็ลังเลที่จะเอ่ยมากขึ้นจนไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา

แม้แต่ซูหว่านอี๋เองก็หน้าแดงนิดหน่อย จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองลูกสาวอย่างนึกตำหนิ พลางเอ่ย “มู่หลาน รีบดูอาการให้พี่สะใภ้ใหญ่ของลูกเร็ว”

เมื่อฉินมู่หลานคิดวินิจฉัยได้แล้ว จึงเอ่ยพูดตามตรง “มีอาการอักเสบ และอักเสบค่อนข้างรุนแรงด้วย”

เมื่อได้ยินดังนั้น หวังจาวตี้ก็ไม่สนใจเรื่องเขินอายอีกต่อไป แล้วรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน ถ้า…ถ้าอย่างนั้นจะรักษาหายไหม?”

เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของหวังจาวตี้ ฉินมู่หลานจึงเอ่ยขึ้นทันที “หายแน่นอนค่ะ เดี๋ยวฉันเขียนใบสั่งยาให้ มีทั้งที่ใช้ภายนอก กับที่ใช้ภายในอย่างละใบ”

เมื่อเอ่ยจบ ฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าพี่อยากให้หายเร็วหน่อย ก็ไปโรงพยาบาลในเมืองได้นะคะ หรือไปแผนกสูตินรีเวชที่โรงพยาบาลเขตก็ได้”

หวังจาวตี้ส่ายหัวอย่างรุนแรง “ไม่ๆๆ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก เขียนใบสั่งยาให้ฉันก็พอ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แม่ยังเป็นห่วงลูกสาวอยู่สินะ เลยอยากรักษาชื่อเสียงลูกในหมู่บ้านไว้ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ในเมื่อยัยเจ๋อมันไม่อยากรักษาชื่อเสียงตัวเอง เราก็ทำอะไรไม่ได้

พี่สะใภ้มู่หลานไปติดเชื้ออะไรเข้าเนี่ย ไม่ได้รักษาความสะอาดตรงนั้นบ่อยๆ แน่เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน