ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 54 ยืนหยัด

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 54 ยืนหยัด

ตอนที่ 54 ยืนหยัด

เซี่ยเหวินปิงได้ยินสิ่งที่ลูกสาวกล่าว สีหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมลงทันที

“เกาหยวนมันทำร้ายร่างกายแกขนาดนี้ แกยังไม่อยากหย่ากับมันอีกหรอ?”

เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยเสียงแผ่ว “ถ้าหนูหย่าหลังจากแต่งงานไปแล้ว ต่อจากนั้นจะทำยังไง หลังจากนี้จะมีใครต้องการหนูอีกเหรอ”

“ฉันบอกแกไปแล้วว่าอยู่บ้านก็ได้ แกอยู่ไม่ได้เหรอถ้าไม่มีผู้ชาย แกก็แค่ทำงานแล้วดูแลตัวเองไป” เซี่ยเหวินปิงมองลูกสาวของตนด้วยความชิงชังที่เอ่ยถามออกมา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “แกอยากจะหย่าไหม”

เซี่ยเจ๋อน่าเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยกับผู้เป็นพ่อด้วยความหนักแน่น “ไม่ หนูไม่หย่า เป็นเพราะพวกพ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของหนู มันก็เหมือนกับว่าหนูไร้ครอบครัว เพราะอย่างนั้นตระกูลเกาถึงได้ดูถูกหนู เกาหยวนจึงทำร้ายร่างกายหนู ถ้าทุกคนพร้อมใจจะยืนหยัดเข้าข้างหนู หนูก็คงไม่ต้องเจอกับความอยุติธรรมแบบนี้”

“แก…”

หลังเซี่ยเหวินปิงเห็นว่าจนถึงตอนนี้ลูกสาวก็ยังถือโทษพวกเขา หัวใจจึงเย็นเยือกขึ้นมา

ส่วนเหยาจิ้งจือทนไม่ได้ที่เห็นลูกสาวของตนโดนทำร้ายร่างกายแบบนี้ จึงหันไปพูดกับเซี่ยเหวินปิงพร้อมทั้งตาแดงก่ำ “คุณทนเห็นลูกสาวเราโดนข่มเหงแบบนี้ได้หรือ เกาหยวนคนนี้มันทำเกินไปแล้ว ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องทวงคืนความยุติธรรมให้น่าน่านะ”

ครั้งนี้เซี่ยเจ๋อเหว่ยเองก็เห็นด้วยว่าเซี่ยเจ๋อน่าโดนทำร้ายรุนแรงมาก จึงมองข้ามเรื่องที่ครอบครัวของเขาไม่ชอบหล่อนไปเสีย ถึงอย่างไรจะปล่อยให้คนนอกมารังแกข่มเหงไม่ได้ เขาจึงหันไปมองพ่อแล้วเอ่ยขึ้น “พ่อ ครั้งนี้เกาหยวนมันทำเกินไป ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องตอบโต้”

“ตอบโต้น่ะมันทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องคิดถึงชีวิตของเซี่ยเจ๋อน่าในวันข้างหน้าด้วย ครั้งนี้พวกเราตอบโต้กลับได้ก็จริง แต่ถ้ามันไม่อยากหย่า มันก็จะต้องโดนเกาหยวนทำร้ายอีกครั้งแน่ เช่นนั้นแล้วพวกเราจะยังอยากไปสู้กับเกาหยวนอีกหรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็รู้สึกตกใจ หลังจากนั้นจึงหันไปถามเซี่ยเจ๋อน่าอีกครั้ง “เธอจะไม่หย่าจริงหรือ?”

เซี่ยเจ๋อน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง “ไม่หย่า หนูก็บอกไปแล้วว่าไม่หย่า เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วันเอง ถ้าให้หย่า คนอื่นจะมองหนูอย่างไรเล่า”

“แล้วแกไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเองบ้างเหรอ สนใจแต่ว่าคนอื่นจะคิดเห็นยังไ?” เซี่ยเหวินปิงไม่ได้สนใจเรื่องที่ลูกสาวจะหย่าด้วยซ้ำ เป็นหล่อนที่ยังห่วงชื่อเสียงตัวเอง

“ใช่ หนูสนใจแค่สายตาคนรอบข้างที่มองมา”

เซี่ยเจ๋อน่ากล่าวตามตรง หลังจากนั้นก็หันไปมองแม่ของตัวเอง “แม่ แม่ดูพ่อสิ หนูโดนทำร้ายขนาดนี้ยังทำเป็นไม่สนใจอีก เอาแต่บอกให้หนูหย่า แม่เองก็คิดเหมือนพวกเขาใช่ไหม”

เหยาจิ้งจือตบบ่าลูกสาวตัวเองเป็นเชิงปลอบใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “เอาเถอะ แกหยุดร้องได้แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ”

ฉินมู่หลานยืนมองเรื่องน่าขบขันนี้อยู่ด้านข้าง ตั้งแต่ต้นจบจบก็ไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ

หลังจากเซี่ยเจ๋อน่าได้เหยาจิ้งจือช่วย หล่อนก็หันมองมาที่ฉินมู่หลาน “สาแก่ใจเธอหรือยัง เห็นฉันโดนทำร้ายแบบนี้ เธอมีความสุขแล้วใช่ไหม”

ฉินมู่หลานไม่เข้าใจความคิดอ่านในสมองของเซี่ยเจ๋อน่าเลยจริง ๆ “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ยิ่งกว่านั้นเธอก็เป็นคนเลือกที่จะไปกับเกาหยวนเอง ใครใช้ให้เธอไปหาคู่ด้วยตัวเองเล่า”

เมื่อเอ่ยจบ ฉินมู่หลานก็หันหลังแล้วเดินกลับเข้าห้องไป

เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินดังนั้น จึงโกรธหนักกว่าเดิม “แม่ แม่ดูมัน…”

“พอแล้ว”

เหยาจิ้งจือปรามลูกสาว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทำไมแกยังหาเรื่องพี่สะใภ้รองของแกไม่เลิก แกไม่อยากมีหน้ามีตาแล้วใช่ไหม เจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะหาเรื่องทะเลาะอยู่ได้”

“แม่ หนูเป็นแบบนี้ แม่ยังจะเข้าข้างฉินมู่หลานอีก”

แต่กลับมาครั้งนี้ หล่อนกลับพบว่าฉินมู่หลานน้ำหนักลดลงไปเยอะมาก นอกจากนี้เธอยังดูดีมากขึ้นด้วย มันจึงทำให้หล่อนรู้สึกแย่ลง เดิมทีหล่อนคิดว่าฉินมู่หลานอัปลักษณ์ที่สุดในครอบครัว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ที่สุดไปเสียเอง

หลังจากฉินมู่หลานกลับเข้าห้องแล้ว เธอก็เลิกใส่ใจเรื่องข้างนอก ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตาเพื่อพักผ่อน วันนี้เธอรู้สึกง่วงนิดหน่อยจึงงีบหลับไป

เมื่อฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็มืดแล้ว และหลี่เสวี่ยเยี่ยนเองก็กลับมาแล้วด้วย

ทันทีที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบดึงเธอเข้าไปเอ่ยถาม “มู่หลาน ทำไมเซี่ยเจ๋อน่าถึงมาอีกแล้วล่ะ”

เนื่องจากหล่อนเพิ่งกลับมาถึงบ้าน จึงยังไม่รู้เรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉินมู่หลานจึงเอ่ยเล่าให้ฟังอีกครั้ง สุดท้ายก็เอ่ยสรุป “เซี่ยเจ๋อน่าไม่อยากหย่า และก็ไม่พอใจโดนทำร้ายด้วย เลยอยากจะพาคนที่บ้านไปสู้ยืนหยัดข้างหล่อน”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น

“อะไรนะ…เกาหยวนคนนั้น มีนิสัยชอบทำร้ายคน”

“ใช่ค่ะ พี่ไม่เห็นหรือว่าใบหน้ากับจมูกของเซี่ยเจ๋อน่าฟกช้ำแค่ไหน”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนส่ายหัวพลางเอ่ย “ไม่เห็นนะ เซี่ยเจ๋อน่ากำลังนั่งคุยอยู่ในห้องแม่จนได้ยินแต่เสียง เลยยังไม่เห็นตัว”

เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าออกมา หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มองเห็นสภาพใบหน้าหล่อนได้อย่างชัดเจน แม้แต่ตัวหล่อนเองก็ถึงกับถอนหายใจ ครั้งนี้เซี่ยเจ๋อน่าโดนทำร้ายอย่างหนัก เกาหยวนนั่นเกินทนเสียจริง

เหยาจิ้งจือกำลังพูดคุยกับลูกสาว ฉินมู่หลานกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงลงมือทำอาหารเย็น

ขณะทำอาหาร หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็อดหันไปถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “มู่หลาน เธอว่าพ่อกับแม่จะไปบ้านตระกูลเกาไหม?”

“ฉันว่าพ่อน่าจะไม่อยากไปค่ะ แต่แม่ก็อยากจะให้ไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกสาว”

ฉินมู่หลานไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเอ่ยบอกตามตรง “ส่วนตัวฉันว่าจะไม่ไป”

“แล้วถ้าแม่ชวนไปจะทำอย่างไรเล่า?”

ฉินมู่หลานเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “ฉันไม่ไปอยู่แล้วค่ะ ฉันไม่ทำอะไรเซี่ยเจ๋อน่าก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำไมยังต้องไปช่วยยืนหยัดข้างหล่อนอีก”

ถึงแม้เธอจะแอบฝังเข็มเซี่ยเจ๋อน่าอยู่หลายจุดเพื่อทำให้สภาพร่างกายของหล่อนทรุดโทรมลง แต่หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้วเธอไม่ได้ทำอะไรอย่างเปิดเผยเลย

หลี่เสวี่เยี่ยนได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นด้วย “ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็จะไม่ไปเหมือนกัน”

ระหว่างรับประทานข้าวเย็น เหยาจิ้งจือก็พูดเรื่องที่จะไปบ้านตระกูลเกาตามที่คาดเอาไว้

ฉินมู่หลานไม่เอ่ยอะไร เพียงแค่นั่งกินข้าวไปเงียบ ๆ

และเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เอ่ยขึ้นตามตรง “แม่ พรุ่งนี้ผมจะไปกับพวกแม่เอง”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นว่าฉินมู่หลานไม่เอ่ยสิ่งใด หล่อนจึงก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเฉย ๆ เช่นกัน

แต่แล้วเหยาจิ้งจือก็หันมามองหล่อนพลางเอ่ยถาม “เสวี่ยเยี่ยน แล้วเธอล่ะ?”

“แม่คะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงาน ไปด้วยไม่ได้ค่ะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้น สีหน้าจึงดูบูดบึ้งนิดหน่อย “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจะทนมองน่าน่าโดนรังแกอย่างนั้นหรือ” เมื่อเอ่ยจบจบ หล่อนก็หันไปมองสามีแล้วถามขึ้นอีกครั้ง “เหวินปิง คุณจะไม่ไปจริงหรือ?”

เซี่ยเหวินปิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณจะไปบ้านตระกูลเกาจริงเหรอ มีครั้งหนึ่งแล้วก็ต้องมีครั้งต่อไป เกาหยวนมันชอบทำร้ายร่างกายคน ลูกสาวคุณก็อาจจะโดนทำร้ายอีก แล้วถึงตอนนั้นพวกเราต้องแห่กันไปบ้านตระกูลเกาอีกไหม? เราจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตคอยไปจัดการเกาหยวนอย่างนั้นเหรอ?”

“เอาไว้ค่อยมาพูดเรื่องนั้นกันทีหลังเถอะ ถึงยังไงครั้งนี้ก็ปล่อยเกาหยวนไปไม่ได้”

เมื่อเห็นภรรยาของตนเอ่ยเช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงจึงเอ่ยยืนหยัดขึ้น “ได้ ถ้าคุณว่าอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะไปกับคุณด้วย”

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหวินปิง เหยาจิ้งจือภรรยาของเขา ก็ได้พาเซี่ยเจ๋อน่าและเซี่ยเจ๋อเหว่ยไปที่บ้านตระกูลเกา

ฉินมู่หลานมองดูหลายคนเดินจากไป พลางคิดวางแผนจะเขียนบทความอยู่ที่บ้าน แต่ไม่ทันคาดคิดว่าหวังจาวตี้กับซ่งอวี้เฟิ่งจะมาหา “มู่หลาน เราเข้าไปเที่ยวในเมืองกันเถอะ”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แต่งไปแล้วไม่ดี เดือดร้อนคนที่บ้านให้ไปช่วยอีก เกิดมานอกจากสร้างปัญหาแล้วทำอะไรดีกับเขาเป็นมั่งเนี่ยนังน่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท