ตอนที่ 62 มีคนคอยตาม
ตอนที่ 62 มีคนคอยตาม
ฉินมู่หลานเห็นคนตระกูลอวี๋มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณลุงอวี๋ ทำไมถึงมาที่นี่กันหรือคะ”
อวี๋ไห่เฉาจับมือลูกชายของตนแล้วก้าวเข้ามาข้างหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “หมอฉิน พวกเรามาที่นี่เพื่อขอบคุณคุณครับ โชคดีที่ครั้งนี้ได้คุณช่วยไว้ ไม่เช่นนั้น พวกเราอาจจะไม่ได้พบหน้าเสี่ยวเหล่ยอีกต่อไปแล้วก็ได้”
ฉินมู่หลานไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหลังจากกลับมาถึงบ้านเมื่อคืนนี้ ดังนั้นคนตระกูลเซี่ยจึงต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย
ในขณะนี้แม่เฒ่าอวี๋ได้ก้าวเดินมาข้างหน้า พลางคว้ามือของฉินมู่หลานไปพร้อมทั้งเอ่ยทั้งน้ำตา “หมอฉิน ขอบคุณมากเลยนะ ถ้าครั้งนี้เราหาเสี่ยวเหล่ยไม่เจอ ฉันคงตายตาไม่หลับแน่ ทุกครั้งที่ฉันพาเสี่ยวเหล่ยออกไปข้างนอกมักมีปัญหาทุกครั้ง และเธอก็เป็นคนช่วยเราทุกครั้งเลย ฉันไม่รู้จะขอบคุณเธอยังไงดี”
ต่งหม่านเฟินได้ยินดังนั้น สายตาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อวานตอนที่หาลูกชายไม่เจอ หล่อนได้ต่อว่าแม่สามีของตนอย่างหนัก ไม่คิดเลยว่าแม่สามีจะมีความคิดเช่นนี้ โชคดีที่หาลูกชายของตนพบแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับแม่สามีอีกแน่
แม้แต่อวี๋ไห่เฉาก็อดที่จะหันมองแม่ของเขาเสียไม่ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่ วันนี้เป็นวันแห่งความสุข เราควรจะมีความสุขกันนะ”
“ใช่ๆ วันนี้ควรจะเป็นวันแห่งความสุข”
แม่เฒ่าอวี๋รีบปาดน้ำตาของตัวเอง ก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หมอฉิน นี่เป็นบ้านของเธอใช่ไหม ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเราขอเข้าไปนั่งข้างในจะได้ไหม”
“ได้อยู่แล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วเดินนำทางเข้าไป ในขณะเดียวกันก็มองไปที่เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือพลางเอ่ยขึ้น “พ่อคะแม่คะ พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ”
“อะ….อา…ได้สิ”
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือเคยเจออวี๋ไห่เฉากับต่งหม่านเฟินแล้ว แต่เมื่อเห็นพวกเขามาถึงหน้าประตูด้วยท่าทางเคร่งขรึม จึงรู้สึกแปลกใจ นอกจากนี้ก็ยังไม่เข้าใจด้วยว่าลูกสะใภ้ไปช่วยเหลืออะไรพวกเขาเอาไว้อีก
นอกจากนี้อวี๋ไห่เฉาก็หันไปพูดกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างใจดี “เสี่ยวหลี่ วันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะ หยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านสักวัน เดี๋ยวผมจะแจ้งทางโรงงานให้”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ค่ะ ขอบคุณค่ะผอ.”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นว่ามีแขกมาที่บ้าน นอกจากนี้ภรรยาของเขาก็ได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านด้วย เขาจึงไม่ออกจากบ้านเช่นกัน แล้วเดินตามมาเอ่ยทักทายคนตระกูลอวี๋
หลังจากเข้าไปข้างในบ้าน อวี๋ไห่เฉาก็บอกเล่าเรื่องราวว่าฉินมู่หลานช่วยลูกชายของเขาจากพวกค้ามนุษย์เอาไว้อย่างไร หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยยกย่อง “หมอฉินนี่ช่างเป็นคนที่เลิศเลอเสียจริง ครั้งนี้หล่อนช่วยชีวิตเด็กเอาไว้หลายคน ทำให้เด็กพวกนั้นไม่โดนขาย และช่วยชีวิตของหลายครอบครัวด้วย ผมได้ยินมาว่าทางเขตกำลังจะมอบธงเกียรติยศให้กับหมอฉินด้วยนะครับ”
ฉินมู่หลานรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอไม่รู้เลยว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย
อวี๋ไห่เฉายกยิ้มก่อนจะหันไปพูดกับฉินมู่หลาน “หมอฉิน เมื่อวานนี้ผมได้รับสายโทรศัพท์จากสถานีตำรวจประจำเขต พวกเขาถามว่าลูกชายของผมกลับถึงบ้านปลอดภัยหรือยัง แล้วก็แจ้งผมเรื่องนี้ครับ”
ฉินมู่หลานคิดไม่ถึงว่าทางเขตจะเตรียมของสิ่งนี้ให้
คนตระกูลเซี่ยที่เหลือต่างมองไปที่ฉินมู่หลานด้วยแววตาว่างเปล่า พวกเขาไม่ทราบมาก่อนเลยว่าฉินมู่หลานจะช่วยเด็กมากมายจากพวกค้ามนุษย์เอาไว้
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยา พลางหันมองฉินมู่หลานด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เธอช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ช่วยชีวิตเด็กเอาไว้ได้มากมายขนาดนั้น”
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าสิ่งนี้เป็นผลงานความดีความชอบของตัวเอง
“ไม่ใช่ฝีมือของฉันหรอกค่ะ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่จวงถึงได้ช่วยเด็กออกมาได้มากมาย”
อวี๋ไห่เฉาได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวแทรกทันที “หมอฉินครับ คุณจะไปที่เขตอีกเมื่อไหร่ครับ พวกเราอยากไปด้วย เราอยากไปขอบคุณเจ้าหน้าที่จวงกับพวกเพื่อนร่วมงานของเขาครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงอดจะเอ่ยไม่ได้ “ฉันจะไปที่เขตในวันมะรืนค่ะ”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปที่นั่นด้วยกันนะครับ”
“ค่ะ”
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเสร็จสรรพ
แม้หลี่เสวี่ยเยี่ยนทราบว่าสหายตำรวจคือผู้ช่วยชีวิต แต่หล่อนก็ยังคิดว่าฉินมู่หลานยอดเยี่ยมมากเช่นกัน “มู่หลาน สหายตำรวจพวกนั้นอาจเป็นคนช่วยเหลือเด็กก็จริง แต่เธอเองก็ช่วยเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปเจอ ก็คงหาพวกค้ามนุษย์นั่นไม่เจอหรอก”โนเวลพีดีเอฟ
“ใช่แล้วล่ะค่ะ ถึงยังไงหมอฉินก็ยอดเยี่ยมมาก”
ต่งหม่านเฟินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยทั้งรอยยิ้ม หล่อนคิดว่าฉินมู่หลานนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่ใช่แค่เก่งเรื่องทักษะทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในหารทำหลายสิ่งหลายอย่างได้อย่างดีเยี่ยม หากไม่ใช่ฉินมู่หลาน เรื่องคงไม่จบเช่นนี้อย่างแน่นอน
ครอบครัวนำของขวัญมากมายมามอบให้เพื่อแสดงความขอบคุณ แล้วอยู่พักรับประทานอาหารกลางวันกับตระกูลเซี่ย ในขณะนั้นเองอวี๋ไห่เฉาก็ได้เอ่ยคำมั่นขึ้นมา ว่าขอเพียงให้หลี่เสวี่ยเยี่ยนตั้งใจทำงาน ต่อไปจะบรรจุเป็นพนักงานประจำให้อย่างแน่นอน
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินคำมั่นนี้ก็ดีใจจนแววตาเปล่งประกาย ตอนนี้หล่อนคิดแล้วว่าจะคอยสนับสนุนฉินมู่หลานน้องสะใภ้ของตนอย่างเต็มที่ หากไม่ใช่เพราะน้องสะใภ้คนนี้ ตนคงยังทำนาอยู่วันยังค่ำอย่างแน่นอน
เหยาจิ้งจือทราบเรื่องราวก็รู้สึกดีใจกับลูกสะใภ้คนโตเช่นกัน แต่อารมณ์ความรู้สึกของนางในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน รู้สึกว่าลูกสะใภ้คนเล็กได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้เธอเหมือนอยู่สูงและห่างไกลจากครอบครัวของตนเข้าไปใหญ่
ฉินมู่หลานไม่ทราบว่าแม่สามีคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนัดหมายกับอวี๋ไห่เฉาว่าจะเข้าไปที่เขตในเช้าวันมะรืนแล้ว ตระกูลอวี๋ก็บอกลาและพากันกลับไป
เมื่อตระกูลอวี๋กลับไปแล้ว หลายคนในหมู่บ้านก็ล่วงรู้ว่าฉินมู่หลานได้ทำการใหญ่ เธอได้ช่วยสหายตำรวจจับกุมพวกค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ชาวบ้านจึงประใจในตัวฉินมู่หลานมากยิ่งขึ้น
ฉินมู่หลานไม่รู้เรื่องนี้เลย ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเธอขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรกับฉินเคอวั่ง และทำยาสมุนไพรอยู่ที่บ้านเท่านั้น เมื่อถึงเวลาไปที่เขต ก่อนอื่นก็จะต้องไปพบอวี๋ไห่เฉาก่อน หลังจากนั้นทั้งสองจะเข้าเมืองไปด้วยกัน
“ผอ.อวี๋คะ ตรงไปข้างหน้าเลยค่ะ”
อวี๋ไห่เฉาเดินตามคำแนะนำของฉินมุ่หลานเพื่อไปที่สถานีตำรวจ จวงเหวินกังไม่รู้จักอวี๋ไห่เฉา เมื่อเขาเห็นฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยทักทายทันที “สหายฉิน คุณมาแล้วเหรอครับ เรื่องครั้งที่แล้วต้องขอบคุณคุณมากเลยนะครับ ผมรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าทราบแล้ว อีกไม่กี่วันรางวัลน่าจะส่งไปถึงเมืองของคุณครับ”
“เจ้าหน้าที่จวง ขอบคุณมากเลยนะคะ แต่วันนี้ฉันพาผอ.อวี๋มาด้วย เขาอยากมาแสดงความขอบคุณพวกคุณค่ะ”
ในขณะนี้ อวี๋ไห่เฉาก็ได้เอ่ยขอบคุณจวงเหวินกังด้วยท่าทางจริงจัง ขณะเดียวกันก็ได้มอบธงเกียรติยศที่เขานำติดมาด้วย บนธงเขียนว่า ‘จิตสำนึกต่อสังคม’ เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความยุติธรรม
“เจ้าหน้าที่จวง ขอบคุณที่ช่วยลูกชายของผมเอาไว้นะครับ”
จวงเหวินกังยิ้มและพูดหลังจากได้ยินเช่นนั้น “ต้องขอบคุณสหายฉินมากกว่าครับ” แต่เขาก็ยอมรับธงไป สุดท้ายแล้วนอกจากเขา คนอื่นก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน ธงพวกนี้จึงถือเป็นเครื่องหมายรางวัลของพวกเขาด้วย
อวี๋ไห่เฉาได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยพูดตามตรง “ผมก็รู้สึกขอบคุณหมอฉินมากเช่นกันครับ”
จวงเหวินกังเพิ่งได้ยินสิ่งที่อวี๋ไห่เฉาเอ่ย จึงหันมองฉินมู่หลานด้วยแววตาสงสัย “สหายผู้นี้เป็นคุณหมอหรอกหรือ?”
เมื่อเอ่ยสิ่งนี้ ใบหน้าของอวี๋ไห่เฉาก็เต็มไปด้วยความชื่นชม “ใช่ครับ หมอฉินเป็นหมอที่เก่งมาก”
หลังจากนั้นจวงเหวินกังก็ได้ทราบว่าฉินมู่หลานเป็นหมอ หลังจากหลายคนนั่งพูดคุยกันอยู่สักพัก ฉินมู่หลานและอวี๋ไห่เฉาก็ขอตัวกลับ แต่ฉินมู่หลานยังมีธุระที่ต้องทำ จึงบอกให้อวี๋ไห่เฉากลับไปก่อน “ผอ.อวี๋คะ คุณกลับก่อนได้เลยค่ะ ฉันจะไปทธุระแถวนี้สักหน่อยค่ะ”
อวี๋ไห่เฉาไม่เอ่ยถามเซ้าซี้แต่อย่างใด เพียงแค่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยขึ้น “ครับ ถ้าหมอฉินมีธุระ อย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนครับ”
เมื่ออวี๋ไห่เฉาจากไป ฉินมู่หลานก็เดินไปทางฝั่งบ้านของเจี่ยงสือเหิง
เจี่ยงสือเหิงเห็นว่าฉินมู่หลานมาช้ากว่าปกติ จึงเอ่ยถามรัวเร็วดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ฉินมู่หลานเล่าเรื่องราวต่าง ๆ โดยย่อให้ฟัง หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “พ่อบุญธรรมคะ หนูขอตรวจชีพจรหน่อยค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยชมฉินมู่หลาน “มู่หลาน ลูกเก่งมากเลย”
เขายิ่งรู้สึกว่าตนโชคดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ได้มีลูกสาวแสนวิเศษเช่นนี้
ฉินมู่หลานได้รับการเยินยอมากจนรู้สึกเขินอาย
“พ่อบุญธรรมคะ หนูเพิ่งไปสถานีตำรวจมา สหายตำรวจพวกนั้นช่วยคนเอาไว้ค่ะ”
“ถึงอย่างนั้นก็ยอดเยี่ยมมากอยู่ดี”
เจี่ยงสือเหิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นจึงเอ่ยกับฉินมู่หลานเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง “มู่หลาน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พ่อกับลุงเจี่ยงก็ว่าจะกลับเมืองหลวงแล้วนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็เอ่ยแสดงความยินดี “พ่อบุญธรรมคะ ยินดีด้วยค่ะ”
ถึงอย่างนั้นสีหน้าของเจี่ยงสือเหิงกลับดูไม่ค่อยยินดีเท่าใด “เฮ้อ…ถ้าลุงเจี่ยงกับพ่อไปแล้ว ก็จะไม่ได้เจอลูกแล้วน่ะสิ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงยกยิ้มแล้วเอ่ย “พ่อบุญธรรมอย่าห่วงเลยค่ะ ไว้มีโอกาสหนูจะไปหาที่ปักกิ่ง”
หากใกล้ถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อใด เธอจะสอบแล้วเข้าไปอยู่ในเมืองหลวงอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้
เจี่ยงสือเหิงได้ยินคำสัญญาอันหนักแน่นของฉินมู่หลานก็โล่งใจ “ใช่แล้วล่ะ ต่อไปเราจะได้เจอกันบ่อยขึ้นแน่นอน”
ฉินมู่หลานทำการฝังเข็มให้เจี่ยงสือเหิงแล้ว ก็เตรียมตัวจะกลับ “พ่อบุญธรรมคะ พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ หนูจะมาหาก่อนที่พ่อจะกลับค่ะ จะได้สอนวิธีดูแลตัวเองให้พวกพ่อ”
“ได้สิ”
เจี่ยงสือเหิงยิ้มและพยักหน้า พลางมองดูฉินมู่หลานจากไป
หลังจากที่ฉินมู่หลานกลับไปแล้ว เธอก็เตรียมพร้อมจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง แต่เมื่อเดินมาได้ถึงหัวมุมถนนหนึ่ง เธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนแอบตามตนอยู่
“ใครน่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บารมีเริ่มเกิดแล้ว จะมีมารผจญอีกไหมนะ
ใครแอบตามมาล่ะนั่น?
ไหหม่า(海馬)