ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 65 ลูกพี่ไห่

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 65 ลูกพี่ไห่

ตอนที่ 65 ลูกพี่ไห่

ครั้นเสี่ยวหลิวเห็นว่าฉินมู่หลานพยายามจะช่วยตนโดยการยอมให้โดนจับแทน จึงรู้สึกผิดอยู่ในใจ

“สหายฉิน คุณอย่าไปกับพวกเขานะครับ”

เจ้าหน้าบากได้ยินดังนั้น จึงหันมองเสี่ยวหลิว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แกอยากจะไปด้วยกันไหมล่ะ ได้เหมือนกันนะ”

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลิวกำลังจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ฉินมู่หลานก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เสี่ยวหลิว อยากให้ฉันโดนจับโดยเปล่าประโยชน์เหรอ ทำไมถึงไม่รีบไป”

เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวหลิวก็ตื่นตัวขึ้น สุดท้ายก็รู้ตัวสักทีว่าตนเองควรทำอะไร เขาจึงหันมองฉินมู่หลานเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหันหลังวิ่งหนีกลับไป

ฉินมู่หลานเห็นเสี่ยวหลิววิ่งออกไป ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไปตามกำลังเสริมมาช่วย

พวกคนที่เจ้าหน้าบากพามาเห็นเสี่ยวหลิวรีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ก็พากันหัวเราะขึ้นมา

การแสดงออกทางสีหน้าของเจ้าหน้าบากยังคงนิ่งเฉย ไม่ยกยิ้มเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปพูดกับฉินมู่หลานด้วยท่าทางเคร่งขรึม “นังผู้หญิงสารเลว ในที่สุดแกก็ตกอยู่ในเงื้อมมือฉันแล้ว ฉันจะมอบชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายให้แกอีก”

ฉินมู่หลานจ้องมองเจ้าหน้าบากก่อนจะพูดขึ้น “คนอย่างแกนั่นแหละ ที่จะได้ใช้ชีวิตแสนเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”

“แก…”

เจ้าหน้าบากโดนคำพูดของฉินมู่หลานเสียดแทง จึงมองตรงไปยังคนที่อยู่ข้างหน้าเพื่อหวังจะเข้าปะทะ แต่ผู้ชายคนที่เคยเอ่ยบ่นก้าวมาดักข้างหน้าเพื่อหยุดเขาก่อน “พอแล้วไอ้หน้าบาก ตำรวจตัวน้อยนั่นคงกลับไปเรียกกำลังเสริมแล้ว พวกเรารีบออกไปจากตรงนี้กันจะดีกว่า”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใส่ใจสถานีตำรวจเล็ก ๆ นั่น แต่หากใครเข้ามาจับกุมจริง คงจะลำบากไม่น้อยเช่นกัน

“ไอ้ผอม แล้วทำไมแกถึงไม่จับตำรวจน้อยนั่นเอาไว้เล่า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าผอมก็เงียบไป

“เจ้าหน้าบาก แกเป็นคนปล่อยไป แล้วสุดท้ายจะมาโทษพวกเราที่ไม่จับมันเอาไว้ แบบนี้หมายความว่ายังไง อีกอย่างแกเป็นคนขอลูกพี่ไห่ให้พวกเรามาช่วย ตอนนี้ก็จับคนได้แล้วพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอื่นสิ”

“แก…”

เมื่อเจ้าหน้าบากเห็นว่าเจ้าผอมดูไม่ค่อยเชื่อฟัง สีหน้าก็เริ่มมืดมนพร้อมทั้งยับยู่

ในตอนนี้ฉินมู่หลานก็เข้าใจแจ่มแจ้ง คนพวกนี้ที่มากับเจ้าหน้าบากเป็นลูกน้องของคนที่พวกมันเรียกว่าลูกพี่ไห่ ครั้งนี้เจ้าหน้าบากต้องการตัวเธอ ช่างพยายามมากเสียจริง

เจ้าผอมและคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้กลัวเจ้าหน้าบากอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจะสายมากแล้วด้วย เขาจึงหันไปพูดกับเจ้าหน้าบาก “พอที พวกเราก็ต้องกลับแล้ว”

หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าบากรู้จักกับลูกพี่ไห่ พวกเขาคงไม่ยอมมาที่นี่กันเสียหรอก ตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบลงเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าต้องรีบกลับ

“ได้ ไปกันเลย พานังนี่ไปด้วย”

เจ้าหน้าบากไม่พูดอะไรอีก เขาลากฉินมู่หลานไปที่ข้างรถตู้ทันที

ตั้งแต่ที่ฉินมู่หลานโดนจับไว้ ก็ปิดปากตลอด เจ้าผอมคนนั้นและคนอื่น ๆ ต่างพากันจ้องมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย หลังจากนั้นก็หันไปถามทางเจ้าหน้าบาก “เจ้าหน้าบาก นังนี่เป็นใครกัน แกถึงเกลียดมันได้ขนาดนี้ ฮ่าๆๆ นังนี่มันทิ้งแกเหรอ”

แต่ไม่นานนัก เจ้าผอมก็เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยอีกครั้ง “ไม่ใช่หรอก ฉันไม่เคยได้ยินว่าแกมีแฟน”

เจ้าหน้าบากจ้องมองเจ้าผอมด้วยสายตาดเดือด ก่อนจะพูดขึ้น “คิดว่าฉันตาบอดขนาดนั้นเลยหรือไง ใครมันจะอยากได้ผู้หญิงแบบนี้กัน”

“เหอะ…ฉันจะบอกอะไรให้นะเจ้าหน้าบาก แกดูแคลนคนมากเกินไปแล้ว นังนี่ก็สวยดีไม่ใช่หรือไง ถึงจะอ้วนไปหน่อย แต่หลายคนก็ชอบแบบนี้กันนะ”

“ใช่เลย แบบนี้โคตรดี”

คนที่เข้าข้างเจ้าผอมต่างพากันหัวเราะแล้วพูดไปเรื่อย

เจ้าหน้าบากขี้เกียจเถียงเรื่องฉินมู่หลานกับคนพวกนั้น ตอนนี้เขาแทบอยากจะฆ่าฉินมู่หลานทิ้งเสีย แต่หากฆ่าคนตรงหน้าทันทีมันคงง่ายเกินไป ดังนั้นเขาจึงจะทำตามแผนเดิม โดยการจับเธอมาทรมานช้าๆ

แต่ติดที่ว่านี่เป็นการขอความช่วยเหลือเท่านั้น ตอนนี้เขายืมพรรคพวกของชางไห่มา ทว่าคนพวกนี้กลับไม่เชื่อฟังเขาสักนิด เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

ชางไห่หรือที่รู้จักกันในนามลูกพี่ไห่เป็นหัวหน้าของเจ้าผอมและคนอื่นๆ และเจ้าหน้าบากก็มีฐานะเป็นสหายของเขา จึงเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องในวันนี้ได้

ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าบากกับคนอื่นจะพูดคุยเรื่องเธอ แต่ฉินมู่หลานก็เมินเฉยและยังคงนั่งด้วยท่าทางสงบ ในขณะเดียวกันก็นั่งมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกแล้วคำนวณเส้นทางอยู่ในใจว่าพวกเขากำลังจะพาไปที่ไหน

ไม่นานนัก ฉินมู่หลานก็สังเกตได้ว่ารถเริ่มขับไกลออกไปเรื่อย ๆ จนออกจากเขตอำเภอไป ดูเหมือนว่าสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไปนั้นอยู่ห่างไกล

เจ้าหน้าบากจ้องมองฉินมุ่หลาน เมื่อเห็นเธอนั่งพิงหน้าต่างชมวิวทิวทัศน์ข้างนอก ก็อดแค่นหัวเราะเสียไม่ได้ “นังบ้า แกยังคิดว่าจะมีโอกาสได้กลับไปใช่ไหม อยู่ในเงื้อมมือของฉันแล้ว ฉันจะทรมานแกให้นึกเสียใจในสิ่งที่แกทำลงไปเลย”

เมื่อเจ้าผอมและคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าบากเอ่ย ก็ต่างตื่นเต้นกันมากขึ้น

“เจ้าหน้าบาก ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ตอนนั้นหล่อนทำอะไรอย่างนั้นหรือ ถึงทำให้แกไม่พอใจได้ขนาดนี้”

เจ้าหน้าบากยังไม่ทันได้เอ่ยพูด ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้นก่อน “จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเลย ก็แค่พวกเขาทำพลาดจับเด็กไป ฉันก็เลยพาตำรวจไปจับพวกมัน เขาก็เลยโกรธมาจนถึงตอนนี้เนี่ยแหละ”

เจ้าหน้าบากรู้ตัวดี เรื่องบางเรื่อง ไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็ต้องได้รับรู้อยู่ดี

“อะ…”

“ฮ่า…”

เมื่อเจ้าผอมได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเอ่ย ก็ถึงกับหายใจกันไม่ทั่วท้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

สุดท้ายเจ้าผอมก็เปิดปากพูดขึ้น “แกเป็นผู้หญิงที่กล้าดีนะ แต่…ฮ่าๆๆ…”

เจ้าผอมหัวเราะขึ้นมา แล้วหันมองเจ้าหน้าบากด้วยใบหน้าล้อเลียน “เจ้าหน้าบาก แกทำงานราบรื่นมากี่ปีแล้วเนี่ยะ ดันมาตกม้าตายเพราะผู้หญิงคนเดียว ทั้งที่แกมี ‘ความรับผิดชอบ’ ขนาดนั้น”

แน่นอนว่า ‘มีความรับผิดชอบ’ นั้น เป็นไปในทางไม่ดี

เจ้าหน้าบากหันมองชายร่างผอมด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่จากสีหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุข

เพียงแต่เจ้าผอมกับคนอื่น ๆ ต่างไม่ได้ใส่ใจในคงามไม่พอใจของเจ้าหน้าบาก

พวกเขารู้ว่าตอนนี้เจ้าหน้าบากทำอะไร ถึงแม้ว่าตามท้องถนนจะมีบางคนที่รู้จักเจ้าหน้าบาก แต่ก็ยังเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลย

ฉินมู่หลานเองก็ดูออกเช่นกัน เจ้าหน้าบากในสายตาของคนพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไรทั้งนั้น และยังไม่รู้ด้วยว่าคนพวกนี้เป็นใคร

แต่ถ้าร่วมมือกับเจ้าหน้าบากได้ อย่างนั้นก็คงไม่ใช่คนดีเช่นกัน

ทิวทัศน์นอกหน้าต่างเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง รถแล่นมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่หยุดจอด ฉินมู่หลานรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ออกจากเมืองมาไกลแล้ว เพียงแค่ไม่ทราบว่าจุดหมายสุดท้ายจะไปหยุดอยู่ที่ไหน

ตอนแรกเธออยากจำเส้นทางให้ได้ แต่ไม่นานก็เริ่มสัปหงก ดวงตาเริ่มจะปิด ขณะเดียวกันก็ต้องคอยเตือนตัวเองให้มีสติอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งรถหยุดลง

ฉินมู่หลานมองไปตรงลานว่างแสนทรุดโทรมตรงหน้าซึ่งเหมือนกับสถานที่ที่เจ้าหน้าบากขังเด็กพวกนั้นเอาไว้

แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เจ้าหน้าบากก็กระชากตัวเธอลงจากรถทันที

เจ้าผอมเห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้นตามตรง “เจ้าหน้าบาก พานังนี่ไปทางฝั่งบ้านตะวันตกก่อน”

แต่เจ้าหน้าบากไม่ได้ฟังเลย จึงเพียงแค่เอ่ย “นังนี่เป็นของฉัน จะจัดการยังไงต้องขึ้นอยู่กับฉัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าผอมก็หัวเราะขึ้นทันที

“เจ้าหน้าบาก มาถึงที่ของพวกฉันแล้ว แน่นอนว่าพวกฉันฟังคำสั่งของลูกพี่ ถ้าไม่อยากพานังนี่ไปที่ฝั่งตะวันตกของบ้าน เช่นนั้นพวกเราก็ไปหาลูกพี่ไห่กันเถอะ”

ตอนแรกฉินมู่หลานคิดว่าลูกพี่ไห่ที่ว่าจะเป็นชายวัยกลางคนนิสัยโหดร้าย แต่เมื่อได้พบ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มรูปงามที่อ่อนแอซีดเซียวมาก

“ลูกพี่ นี่คือนังผู้หญิงที่เจ้าหน้าบากขอให้ช่วยจับครับ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ผิดคาด คนหัวหน้ากลายเป็นหนุ่มรูปงามเสียอย่างนั้น

มู่หลานจะเอาชีวิตรอดยังไงดีนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท