ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 66 ฉันรักษาโรคของคุณได้

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 66 ฉันรักษาโรคของคุณได้

ตอนที่ 66 ฉันรักษาโรคของคุณได้

ชางไห่ได้ยินดังนั้นก็ส่งสายตามองตาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นสาวอวบหน้าตางดงาม ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

หลังจากนั้นเขาก็หันมองเจ้าหน้าบากก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าหน้าบาก แกอยากได้ผู้หญิงดี ๆ มาเป็นของตัวเองใช่ไหม นี่มันก็เกินไป จับตัวผู้หญิงแค่คนเดียวแกลงมือด้วยตัวเองก็ได้”

ก่อนที่เจ้าหน้าบากจะทันได้เอ่ยอะไร เจ้าผอมก็หัวเราะขึ้นแล้วเล่าเรื่องวีรกรรมของฉินมู่หลาน

“ลูกพี่ครับ ผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งมาก เป็นเพราะหล่อนพาตำรวจไปบุกถึงถ้ำของเจ้าหน้าบาก เจ้าหน้าบากถึงกับกลัวว่าจะโดนผู้หญิงคนนี้จับได้ จึงเป็นสาเหตุที่เรียกพวกเราไปด้วย แต่พอผมไปถึง ผู้หญิงคนนี้ก็อยู่กับตำรวจ แต่ดีที่ตำรวจตัวเล็กนั่นไม่ค่อยมีฝีมือ พวกเราก็เลยพาคนมาได้อย่างง่ายดาย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียวของชางไห่ เขาหันมองฉินมู่หลานด้วยสายตาระแวดระวัง จากนั้นก็ยกยิ้มแล้วพูดจาอย่างอบอุ่น

“เป็นผู้หญิงที่เยี่ยมยอดมาก ถึงว่า เจ้าหน้าบากถึงได้เกลียดเธอมาก”

เมื่อเอ่ยจบ ชางไห่ก็หันไปถามเจ้าหน้าบาก “แกคิดจะจัดการกับผู้หญิงคนนี้อย่างไร”

“ผมคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ผมจะทรมานนังนี่ก่อน แล้วค่อยขายมันไปอยู่กับพวกบนเขาที่ลำบาก ให้ผู้ชายหลายคนทรมาน ผมจะทำให้ชีวิตของนังนี่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย แล้วใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความสิ้นหวัง”

“เจ้าหน้าบาก แกตัดสินชีวิตของผู้หญิงคนนี้เอาไว้เรียบร้อย อย่างโหดร้าย”

“ใช่แล้ว วิธีการของแกค่อนข้างดีเลย”

เจ้าผอมและคนอื่นต่างหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก สุดท้ายแล้วคนอย่างพวกเขามีใครบ้างที่มือไม่เคยเปื้อนเลือด จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะใจหล่นวูบ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนก และมองดูชายหนุ่มร่างผอมบางที่นั่งอยู่ข้างบนด้วยสายตาระแวดระวัง

เธอทราบดีว่าที่นี่ชายผู้นี้มีอำนาจมากที่สุด หากเธออยากจะเอาตัวรอด ก็คงต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ชายหนุ่มคนนี้แล้ว

เจ้าหน้าบากเห็นว่าฉินมู่หลานยังคงมีทีท่าสงบนิ่ง จึงคว้ามีดที่ซุกซ่อนออกมาจากร่างตัวเองทันที

“ผู้หญิงคนนี้ต้องโดนทรมาน ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ทุกคนก็มารับชมพร้อมกันได้เลยว่านังนี่จะโดนทรมานยังไง ถ้าทุกคนสนใจก็สามารถร่วมสนุกได้นะ ต่อให้นังนี่โดนสับเป็นพันชิ้นก็ลบล้างความเกลียดชังในใจของฉันไม่ได้หรอก แต่พวกแกต้องเบามือกันนิดนึงนะ อย่าเผลอฆ่ามันซะล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็มีคนเอ่ยตะโกนขึ้น “โธ่เอ๊ยเจ้าหน้าบาก แกใจร้ายกับนังนี่มาก ไม่รักหยกถนอมบุปผาเลยสักนิด”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พอมองดูแล้วนังนี่ก็สวยดีนะ แกหยิบมีดออกมาแบบนั้น ถ้าหน้าสวย ๆ เกิดเป็นรอยขีดข่วนขึ้นมา คงน่าเสียดายแย่”

ทุกคนรอบตัวต่างเอ่ยเย้าแหย่ ไม่มีใครออกมาห้ามเลยสักคน

และมีดของเจ้าหน้าบากก็กำลังมุ่งตรงไปที่ใบหน้าของฉินมู่หลาน

ในตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานก็ได้เปิดปากเอ่ยขึ้น

“ลูกพี่ไห่ ฉันรักษาโรคของคุณได้นะคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ต่างพากันตกตะลึง แม้แต่ชางไห่ที่ใบหน้าเรียบเฉยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลาน

แต่ถึงอย่างนั้น แววตาของเจ้าหน้าบากก็เต็มไปด้วยความดุร้าย ผู้หญิงคนนี้กำลังจะล่อลวงอะไรอีก ไม่ได้ ให้หล่อนเอ่ยอะไรไม่ได้อีกแล้วแม้แต่คำเดียว

ขณะที่เจ้าหน้าบากกำลังจะลงมือต่อไปโดยไม่ยั้งคิด ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ลูกพี่ไห่คะ คุณมีอาการปวดศีรษะจนแทบทนไม่ได้ใช่ไหม ตอนแรกก็ปวดแค่ปีหนึ่งไม่กี่ครั้ง แต่พอช่วงหลังก็เริ่มปวดถี่ขึ้น มองดูแล้วในช่วงนี้ คุณคงปวดทุกเดือนใช่ไหมคะ”

เมื่อฉินมู่หลานเอ่ยจบ มีดของเจ้าหน้าบากก็มาสัมผัสกับใบหน้าของเธอเป็นที่เรียบร้อย

“หยุดมือ…”

ขณะที่เจ้าหน้าบากกำลังจะล้ำไปอีกขั้น ชางไห่ก็เอ่ยขึ้น

เจ้าหน้าบากต้องการลงมือต่อ แต่ถึงอย่างนั้นคนรอบตัวก็มีมากมาย เขาทราบดีว่าหากไม่หยุดมือแล้วสิ่งใดจะรอเขาอยู่ สุดท้ายแล้วมิตรภาพระหว่างเขากับชางไห่ก็มีเพียงแค่ตัวเขาคนเดียวที่ตระหนักถึง ชางไห่ไม่ได้คิดจริงจังกับเขาเลย

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าหน้าบากจึงยังไม่ยอมหยุดมือ

แต่เขารู้สึกเกลียดฉินมู่หลานที่เอ่ยวาจากระบิดกระบวน จึงเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าเย้ยหยัน “นังสารเลว หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ชางไห่จะไปป่วยได้ยังไง”

ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่เจ้าหน้าบากเองก็ทราบดีว่าชางไห่สุขภาพไม่ค่อยดี แต่ไม่ดีอย่างไรนั้นพวกเขาเองก็ไม่ทราบ

เจ้าหน้าบากไม่มั่นใจ แต่เจ้าผอมกับคนอื่นๆ ต่างทราบ เมื่อสองวันก่อนลูกพี่ของพวกเขาเพิ่งมีอาการปวดศีรษะ วันนี้จึงดูเหมือนอารมณ์ไม่ดีนัก และผู้หญิงคนนี้ก็ยังบอกอาการของลูกพี่ตนได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

พวกเขาตามติดรับใช้ลูกพี่มาหลายปี เดิมทีอาการปวดศีรษะของลูกพี่ไม่ได้เป็นถี่ขนาดนั้น ในหนึ่งปีจะปวดเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ช่วงนี้กลับเป็นเดือนละครั้งแล้ว

เจ้าผอมจึงทำใจอยู่เฉยไม่ได้ เขาจึงหันไปมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “เธอรักษาอาการป่วยของลูกพี่เราได้จริงเหรอ?”

“แน่นอน ฉันไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยหรอก”

แต่ถึงอย่างนั้น ชางไห่ก็ยังไม่มีปฎิกิริยา เขาจ้องมองไปที่ฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “คุณเป็นหมอหรือ?”

ฉินมุ่หลานพยักหน้าโดยไม่มีทีท่าลังเลแล้วเอ่ยตอบ “ใช่ค่ะ ฉันเป็นหมอ และเป็นหมอที่เก่งมากด้วย”

ขณะเอ่ยเช่นนั้น สีหน้าของฉินมู่หลานไม่มีความเขินอายใด ๆ เลยสักนิด

เมื่อเห็นท่าทางอันสง่างามของฉินมู่หลาน ชางไห่จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เป็นหมอที่เก่งมาก เธอรู้ไหม หมอที่เก่ง ๆ ที่บอกว่าจะรักษาฉันได้พวกนั้น สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้ ลองเดาดูสิว่าพวกมันลงเอยยังไง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานไม่ต้องคาดเดาก็พอจะทราบชะตากรรมของหมอพวกนั้นว่าคงจบไม่ดีอย่างแน่นอน จะเลวร้ายสักแค่ไหนนั้นก็ยังไม่แน่ใจ แต่เธอก็เอ่ยขึ้นโดยไม่มีทีท่าลังเล “นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่เก่งพอ แต่ฉันไม่เหมือนกัน ฉันรักษาคุณได้ค่ะ”

“ดี ถ้าอย่างนั้นคุณบอกมาสิว่าจะรักษายังไง”

ฉินมู่หลานเดินตรงไปหาชางไห่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันต้องจับชีพจรก่อน”

ชางไห่ขมวดคิ้วแล้วมองฉินมู่หลาน ก่อนจะรับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา

ไม่แปลกใจที่เธอสามารถพาตำรวจไปจับกุมที่ซ่อนของเจ้าหน้าบากได้ ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้มาถึงที่นี่ ใบหน้าเธอไม่มีความกลัวเลยสักนิด และตอนที่เจ้าหน้าบากกำลังจะสั่งสอนเธอ เธอก็รีบคว้าโอกาสในทันที ทำให้เขาเห็นว่าสามารถรักษาได้

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย

“ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ลองจับชีพจรผมดู”

ฉินมู่หลานตรวจชีพจรของชางไห่อย่างละเอียด พลางรับรู้เรื่องในใจได้เป็นที่เรียบร้อย

ชางไห่สุขภาพไม่ดีตั้งแต่เกิด จึงสุขภาพไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก อาการปวดศีรษะนี้เพิ่งเริ่มเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน เพียงแต่ไม่เคยได้รับยากินที่ถูกต้องตรงตามโรค ช่วงนี้อาการจึงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเธอก็เห็นแล้วว่าโรคนี้คืออะไร และจะต้องรักษาให้หายขาดได้อย่างไร

ชางไห่ยังไม่เอ่ยพูดอะไร เจ้าผอมก็เอ่ยถามออกไปแล้ว “เป็นยังไงบ้าง รักษาให้หายได้ไหม?”

“แน่นอน แต่อาจใช้เวลานานหน่อย ฉันจะฝังเข็มให้คุณก่อน หลังจากนั้นจะจ่ายยาให้ ควรกินยาต่อเนื่องไปหนึ่งเดือน จนถึงตอนนั้นฉันจะตรวจใหม่แล้วรักษาขั้นต่อไป”

ชางไห่มองฉินมู่หลานด้วยสายตาเปี่ยมหวังก่อนจะพูดขึ้น “คุณพูดจริงเหรอ?”

“แน่นอนค่ะ ฉันฝังเข็มให้คุณได้ คุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างทันทีหลังจากฝังเข็มไปแล้วหนึ่งครั้ง”

ใบหน้าของชายร่างผอมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ลูกพี่ครับ ให้นังนี่ลองดูสิ บางทีอาจจะรักษาได้หายขาดเลยนะครับ ครั้งล่าสุดหมอต้มตุ๋นนั่นมันลองตรวจ แต่ก็ไม่บอกอาการโรคมาเลย”

ชางไห่หันมองเจ้าผอมด้วยสายตาเยือกเย็น ประหนึ่งกำลังจ้องมองคนโง่คนหนึ่ง

ตอนนี้ไม่ได้กำลังทำธุรกิจ การเปิดเผยอารมณ์ต่อหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเปรียบตนหรืออย่างไร

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แสดงฝีมือเลยหมอฉิน มันเป็นโอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียวแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท