ตอนที่ 67 ผลลัพธ์ช่วงแรกเริ่ม
ตอนที่ 67 ผลลัพธ์ช่วงแรกเริ่ม
เมื่อเจ้าผอมเห็นหน้าตาของลูกพี่เป็นเช่นนั้นแล้วมองย้อนกลับไป เขาก็เข้าใจสถานการณ์ จึงยกยิ้มแหยอย่างเคอะเขินแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
คนของเขาก็ไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน ทำให้เหตุการณ์ตรงหน้าเข้าสู่ความเงียบสงบ
ในตอนนั้นเอง ชางไห่ก็หันไปมองแล้วพูดกับฉินมู่หลาน “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้โอกาสคุณ แต่คุณต้องรู้เอาไว้ ถ้าคุณพูดจาหลอกลวง จุดจบของคุณจะน่าเศร้ากว่าที่เจ้าหน้าบากบอกแน่”
เมื่อเอ่ยจนจบ แววตาของชางไห่ก็ฉายแววชั่วร้าย
ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจฟังคำพูดเหล่านั้น เธอเอ่ยขึ้นพร้อมนัยน์ตาที่ฉายแววรอยยิ้ม “ฉันไม่สนหรอกค่ะว่าจะจบแบบไหน ฉันสนใจแค่เรื่องที่ว่าหากรักษาโรคให้คุณได้ฉันจะได้ออกไปจากที่นี่ไหม ”
แม้เธอจะไม่ปักใจเชื่อคนตรงหน้าเลย แต่ก็ยังคงแสดงความคิดของตัวเองอย่างชัดเจน เธอมีฝีมือการรักษาเช่นนี้ ก็ต้องหาข้อเสนอแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ
ชางไห่ได้ยินเช่นนั้น จึงขมวดคิ้วแล้วหันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้แน่นอน ถ้าคุณมีฝีมือรักษาได้จริง ไม่ว่าจะขออะไร ผมก็ทำให้คุณได้เสมอ”
“ชางไห่…”
เจ้าหน้าบากตะโกนขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรต่อไป ก็ได้พบกับสายตาดุร้ายของชางไห่ที่จ้องมองเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าในใจเจ้าหน้าบากจะเกลียดมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ฉินมู่หลานเห็นเจ้าหน้าบากเก็บสีหน้าโศกเศร้าของตัวเอง จึงรู้สึกคันยุบยิบในใจนิดหน่อย ครั้งก่อนปล่อยให้เขาหลุดรอดไปได้ ครั้งนี้หากเป็นไปได้ แน่นอนว่าครั้งนี้คงปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้แล้ว
ขณะที่พยายามคิดหาวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ เธอก็ยังคงต้องทำงานหนัก ทำให้พวกคนชั่วเสียใจกับสิ่งที่พวกมันได้ทำลงไป เป็นเพราะคนพวกนี้ หลายครอบครัวจึงได้ทุกข์ทรมาน ต้องเฝ้าตามหาสมาชิกที่สูญหายมาตลอดทั้งชีวิต
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินมู่หลานก้หยิบเข็มทองออกมา แล้วหันไปพูดกับชางไห่ “ลูกพี่ไห่คะ อยากเริ่มรักษาตอนนี้เลยไหม?”
ชางไห่เหลือบมองเข็มทองในมือของฉินมู่หลาน จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้สิ คุณฝังเข็มให้ผมตอนนี้เลย”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานไม่โต้แย้ง แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณต้องนั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับนะคะ ฉันจะฝังเข็มให้อยู่ตรงศีรษะ ถึงแม้ว่าการฝังเข็มจะฟังดูน่ากลัวไปหน่อย แต่เรื่องพวกนี้ก็ถือว่าเป็นปกติ ดังนั่นไม่ต้องกังวลนะคะ”
ชางไห่หันมองฉินมู่หลานด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพูดขึ้น “ผมไม่กังวลอยู่แล้ว ถึงคุณจะวางแผนคิดทำอะไร แต่คุณก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้เหมือนกัน สถานการณ์ก็คงเลวร้ายขึ้นกว่าเดิม คุณเป็นคนฉลาด รู้ดีว่าอะไรควรทำ”
“แน่นอนค่ะ”
ฉินมู่หลานไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป เธอนำเข็มทองออกมาแล้วเริ่มลงมือทันที
เจ้าผอมและคนอื่นก็ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทุกคนจ้องมองการกระทำของฉินมู่หลานอยู่เพียงครู่หนึ่งเท่านั้น แต่เจ้าหน้าบากกลับไม่ลดละ อยากจะดูว่าสิ่งที่นังสารเลวนี่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงไหมที่ว่าฝีมือการรักษายอดเยี่ยม
หลังจากเริ่มแล้ว ฉินมู่หลานก็ตั้งสมาธิอย่างสูง เพราะท้ายที่สุด การฝังเข็มบนศีรษะนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และโรคของชางไห่ก็รักษากันไม่ได้ง่าย ๆ จึงควรระมัดระวังในการทิ่มแทงเข็มให้มากขึ้น
หลังจากฉินมู่หลานฝังเข็มเสร็จแล้ว ก็เอ่ยบอก “รอสักสิบห้านาทีนะคะ แล้วฉันจะถอนเข็มออกให้”
ชางไห่ไม่เอ่ยอะไร เจ้าผอมก็อดที่จะเอ่ยเสียไม่ได้ “ลูกพี่ครับ เข็มเจาะหัวเยอะแยะเลยไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ทำไมถึงดูน่ากลัวจัง”
คนทื่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าผอมเดินเข้ามา เขาเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่หน้าเข้ม คนผู้นั้นหันมองขมวดคิ้วใส่เจ้าผอมแล้วเอ่ยขึ้น “เกิดอะไรขึ้น พวกแกไปช่วยเจ้าหน้าบากจับคนมาไม่ใช่เหรอ แล้วไหนล่ะ ไม่เห็นใครเลย แต่กลับพาหมอมาแทน หมอคนนี้ดูเด็กมากด้วย เชื่อมือได้เหรอ ทำไมถึงปล่อยให้ฝังเข็มบนหัวของลูกพี่ได้”
เจ้าผอมได้ยินเช่นนั้น จึงหันไปมองแล้วพูดกับชายคนนั้น “อวี๋ตง ผู้หญิงคนนี้เนี่ยแหละที่เจ้าหน้าบากอยากจับมา เพียงแต่…หล่อนบอกว่าสามารถรักษาโรคของลูกพี่ได้ ก็เลยให้หล่อนได้ลองดู”
อวี๋ตงได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าก็มืดมนลง
“พวกแกปล่อยให้หล่อนฝังเข็มให้ลูกพี่ได้อย่างไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
เจ้าผอมกล่าวอย่างไม่แยแส “อวี๋ตง ผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าตุกติกหรอก หล่อนตกอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว ถ้ากล้าแข็งข้อทำอะไรลูกพี่ ก็ไม่รู้ว่าต้องตายยังไงบ้าง แล้วหล่อนก็ฉลาดมากด้วย ถ้ารักษาโรคของลูกพี่ได้ หลังจากนั้นก็จะได้กลับบ้าน”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่พวกแกปล่อยให้หล่อนฝังเข็มให้ลูกพี่โดยไม่สนใจอะไรเลย ถึงยังไง ฉันต้องได้ลองก่อนว่าฝีมือการรักษาดีจริงไหม ก่อนจะให้รักษาลูกพี่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าผอมก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก พูดตามตรง เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยสักนิด
ชางไห่ที่นั่งอยู่ถัดไปก็ได้กล่าวขึ้น “พอแล้วอวี๋ตง ฉันอนุญาตเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี๋ตงก็ไม่เอ่ยพูดอะไรอีก
ฉินมู่หลานประมาณเวลาอยู่ในใจ จากนั้งก็มองไปที่ชางไห่แล้วเอ่ยขึ้น “เรียบร้อยค่ะ ตอนนี้ถอนเข็มออกได้แล้ว”
หลังจากดึงเข็มทั้งหมดออก เธอก็เอ่ยขึ้น “ถึงแม้ว่าจะผลลัพธ์จะเล็กน้อย แต่คุณน่าจะพอรู้สึกอะไรได้บ้างนะคะ”
ชางไห่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะจ้องฉินมู่หลานแล้วเอ่ย “เป็นหมอที่มีฝีมือการรักายอดเยี่ยมจริง ๆ ผมรู้สึกได้มากเลยแหละ”
เดิมทีหลังจากที่เขามีอาการปวดศีรษะ ก็จะมีบางครั้งที่สมองตื้อรู้สึกมึนงง แต่ครั้งนี้หลังจากที่ฉินมู่หลานฝังเข็มให้ เขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก
ผู้หญิงคนนี้มั่นใจมากจริง ๆ และฝีมือการรักษาก็ค่อนข้างดี
เมื่อคนอื่นได้ยินคำพูดของชางไห่ ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“จริงเหรอครับลูกพี่ จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีฝีมือการรักษาดีจริง ดีกว่าพวกหมอต้มตุ๋นเมื่อก่อนงั้นเหรอครับ”
แม้แต่อวี๋ตงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉินมู่หลานแล้วถาม “เธอเริ่มเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่ตอนไหน?” ดูจากอายุของฉินมู่หลานแล้ว เมื่อมองดูครั้งแรก ก็ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีฝีมือการรักษาแต่อย่างใด
ฉินมุ่หลานตอบกลับโดยไม่ปิดบัง “เรียนมาตั้งแต่เด็กค่ะ ครอบครัวของฉันเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน จึงได้เรียนรู้วิชาแพทย์มาไม่น้อย”
ตอนนี้สายตาของทุกคนที่มองฉินมู่หลานดูเปลี่ยนไป หากหล่อนมาจากครอบครัวแพทย์ ครั้งนี้พวกเขาก็คงทำถูกแล้วที่ไปช่วยเจ้าหน้าบากจับคน และได้จับตัวหมอที่มีทักษะฝีมือยอดเยี่ยมมาได้
ครั้งนี้ อาการปวดศีรษะของเจ้านายจะได้หายสักที
หลังจากฉินมู่หลานพูดดังนี้ เธอก็หันไปมองเจ้าผอมและคนอื่นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มีปากกาไหมคะ ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้ พวกคุณจะได้รีบไปรับยา ลูกพี่ของพวกคุณต้องกินยาควบคู่กับการฝังเข็มเพื่อรักษาอาการปวดศีรษะ ถ้าได้รับการรักาที่ดีก็จะหายขาด”
เจ้าผอมรีบเดินไปหยิบปากกาและกระดาษมา หลังจากฉินมู่หลานได้รับปากกาแล้ว ก็เขียนใบสั่งยาด้วยความตั้งใจ “ไปรับยามาค่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยปรุงยาให้เอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าผอมและคนอื่นก็ต่างพากันนิ่งเฉย และหันมองชางไห่ด้วยแววตาตั้งคำถามแทน
ชางไห่พยักหน้า ไม่นานนักก็มีคนมาคว้าใบสั่งยาไป
เมื่อฉินมู่หลานทำสิ่งพวกนั้นเรียบร้อย ก็อดที่จะหันมองชางไห่แล้วเอ่ยถามไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พวกคุณจะทำยังไงกับฉันคะ?”
เมื่อชางไห่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าหมอชื่ออะไรครับ?”
“ฉันแซ่มู่”
“หมอมู่นี่เอง คุณวางใจเถอะ คุณจะได้พักอยู่กับพวกเราเป็นอย่างดี ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน”
“ค่ะ รบกวนพวกคุณแล้ว”
เจ้าหน้าบากยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าของเขามืดมน แต่เขารับรู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินมู่หลานนั้นดีมาก หากเธอสามารถรักษาอาการปวดหัวของชางไห่ได้จริง บางทีชางไห่อาจปล่อยหล่อนไปจริง ๆ ก็ได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจ้าหน้าบากก็ลดสายตาลง เพื่อปกปิดความอาฆาตในแววตาของตนเอง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มู่หลานสู้ๆ เอาตัวรอดกลับไปให้ได้นะ
ไหหม่า(海馬)