ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 70 เบาะแสนับพัน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 70 เบาะแสนับพัน

ตอนที่ 70 เบาะแสนับพัน

เสิ่นหรูฮวนเห็นสมุนไพรที่ฉินมู่หลานนำออกมา จึงอดที่จะเอ่ยถามเสียไม่ได้ “เธอพกสมุนไพรติดตัวด้วยหรือ”

ฉินมู่หลานไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไรมาก เพียงแค่บอกว่า “เรื่องของพวกเราไม่ควรให้ใครรู้ เธอต้องแสดงเหมือนเดิม ทำเป็นอ่อนแอนอนซมอยู่บนเตียงต่อไป อย่าคิดที่จะหนี อย่าให้โดนจับได้ และอย่าเปิดเผยตัว”

เมื่อเห็นท่าทางนิ่งสุขุมของฉินมู่หลาน เสิ่นหรูฮวนก็ปักใจเชื่อในตัวเธอ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว เธอให้ฉันทำอะไร ฉันจะทำตาม”

เมื่อเห้นเสิ่นหรูฮวนเอ่ยเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ดี ถ้าอย่างนั้นเธอรีบไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกก่อน”

“อา…เธอจะออกไปอีกเหรอ”

มันยากที่จะหาคนพูดคุยด้วย เสิ่นหรูฮวนจึอยากจะพูดคุยกับฉินมู่หลานให้มากขึ้น แต่เมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นของฉินมู่หลาน หล่อนจึงไม่เอ่ยอะไรมากมายไปกว่านี้ แล้วรีบตอบว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นเองก็รีบไปเถอะ ฉันเองก็จะนอนพักผ่อนแล้ว”

หลังจากฉินมู่หลานออกจากประตูไป ก็รีบมุ่งไปทางห้องครัวเป็นนอันดับแรก ก่อนจะคืนกล่องข้าวให้กับนางจู

“หมอมู่ ถ้าคุณกินเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันขึ้นไปเก็บเองค่ะ ไม่ต้องเอามาให้หรอก”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “พี่จูคะ พี่ทั้งทำอาหารแล้วยังต้องทำความสะอาดอีก มันหนักมากเลยนะ นี่เป็นเรื่องเล็กที่ฉันช่วยได้ ฉันก็จะทำให้เอง ต่อไปไม่ต้องรบกวนพี่ดีกว่าค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่จูก็รู้สึกว่าฉินมู่หลานช่างเป็นคนที่เข้าถึงง่ายเสียจริง แต่เมื่อคิดได้ว่าตนเองก็โดนจับมาเหมือนกัน สายตาจึงเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงขมวดคิ้วนิดหน่อยแล้วเอ่ยพูดต่อ “พี่จูคะ ต่อไปถ้าฉันไม่ขี้เกียจ จะมาช่วยพี่ทำอาหารนะคะ”

พี่จูได้ยินเช่นนั้น จึงรีบโบกมืออย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอมู่คะ จะรบกวนคุณมาช่วยทำอาหารได้ยังไง ฉันทำเองได้ค่ะ”

“โธ่…พี่จูคะ ตอนนี้ฉันคิดเยอะมาก จึงอยากจะทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ค่ะ”

เมื่อเห็นใบหน้าของฉินมู่หลานเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและท่าทางทำตัวไม่ถูก พี่จูจึงรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา เดิมทีเป็นหมอมากฝีมือ แต่กลับโดนจับตัวมา ชีวิตจึงค่อนข้างพลิกผัน มันน่ากลัวมากเสียจริง

“หมอมู่คะ ถ้าอย่างนั้นต้องขอให้คุณช่วยแล้วล่ะค่ะ”

“ได้ค่ะ”

ฉินมู่หลานอยู่ในครัวแล้วช่วยพี่จูทำอาหาร เดิมทีเธอทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว หลังจากแสดงฝีมือ พี่จูก็เอ่ยชมเธอเป็นอย่างมาก “หมอมู่ คุณไม่ได้เก่งแค่เรื่องยา แต่ยังทำอาหารอร่อยอีกด้วย คุณนี่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อมองดูปลากระรอกทอดราดซอสและหมูผัดเผ็ดแสนอร่อยตรงหน้าแล้ว พี่จูก็รู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นห่างไกลยากจะนำมาวางเทียบเคียงนัก “หมอมู่ ดูอาหารที่คุณทำ และอาหารที่ฉันทำสิ ฉันอายจนอยากจะเก็บออกไปเลยล่ะ”

ฉินมู่หลานหันไปพูดปลอบโยนพี่จู “พี่จูคะ จริง ๆ แล้วพี่ก็ทำได้ดีมากนะ แค่เพียงยังไม่รู้สูตร ฉันสอนพี่ได้นะคะ”

“น…นี่ได้จริงเหรอ?”

“ได้อยู่แล้วค่ะ”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานเป็นคนมีน้ำใจ พี่จูจึงร็สึกประทับใจในตัวเธอมากขึ้น ระหว่างที่ฉินมู่หลานกำลังสอนทำอาหาร ทั้งสองได้เริ่มพูดคุยกัน และฉินมู่หลานก็เอ่ยถามหลายสิ่งหลายอย่างมากมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนพี่จูก็พูดมากขึ้นมาทันทีอย่างไม่รู้ตัว นั่นเป็นสาเหตุที่ฉินมู่หลานได้รู้ว่า ถึงแม้สถานที่นี้จะดูเล็ก แต่ก็มีคนอยู่ไม่น้อย

ชางไห่เป็นนายใหญ่ของที่นี่ เขามีลูกน้องผู้ชายสองคนที่มากความสามารถ คนหนึ่งคืออวี๋ตงซึ่งเธอได้เจอแล้ว ส่วนอีกคนปรากฎตัวน้อยมาก นั่นก็คืออวี๋หนาน ส่วนเจ้าผอมและคนอื่น ๆ พวกนี้ทำงานภายใต้คำสั่งของอวี๋ตงทั้งหมด ทุกครั้งพี่จูจะต้องเตรียมทำอาหารที่เรียบง่ายสำหรับคนจำนวนยี่สิบรายให้กับพวกคนที่อยู่ทางปีกฝั่งตะวันตก

เมื่อทราบแล้วว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงเอ่ยถามถึงอวี๋หนานคนที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนอย่างใจจดใจจ่อ เพียงแต่พี่จูเองก็ไม่ได้รู้เรื่องมากมายนัก หล่อนเองก็เคยเจอเขาแค่ครั้งเดียว จึงไม่รู้ข้อมูลอะไรมากมายนัก

เมื่อทำอาหารเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่นี่มากขึ้น

หลังจากพี่จูนำอาหารออกไปส่ง เจ้าผอมและคนอื่น ๆ ก็ต้องประหลาดใจ

“เอ๊ะ…พี่จู ทำไมวันนี้ทำอาหารดีจัง มีปลากระรอกทอดราดซอสด้วยเหรอ” เขาเอ่ยก่อนจะกัดเข้าปากไปนึ่งคำ หลังจากนั้นก็เอ่ยชมต่อ “นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว”

เมื่อได้ยินเจ้าผอมเอ่ยเช่นนั้น คนอื่นก็รีบลงมือทานข้าว หลังจากทุกคนกินเสร็จแล้ว ก็ต้องทำเพิ่มอีก แม้แต่ชางไห่เองก็อดที่จะกินเพิ่มอีกสองคำไม่ได้ แต่ในไม่ช้าเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงหันมองพี่จูด้วยสายตาเฉียบคม “วันนี้ใครเป็นคนทำอาหาร? ฉันเคยบอกก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าให้ใครเข้าไปในห้องครัว”

เมื่อเห็นชางไห่เป็นเช่นนั้น พี่จูจึงรู้สึกตกใจ และพยายามจะอธิบาย แต่ฉินมู่หลานก็เข้ามาก่อน เธอยกยิ้มแล้วหันไปพูดกับชางไห่ “ฉันสอนพี่จูเองค่ะ ยกเว้นสองจานนั้น ฉันเป็นคนทำมันเอง ส่วนพี่จูช่วยทำอย่างอื่น”

ชางไห่หันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอมู่ ถึงคุณจะบอกว่ารักษาผมได้ แต่ผมก็พยายามทำให้คุณได้อยู่อย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าคุณยังทำอะไรสิ้นคิดอีกล่ะก็ ผมว่าเราคงมีปัญหากันแน่”

เมื่อได้ยินคำพูดของชางไห่ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเอ่ย “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะไม่วุ่นวายแล้วล่ะ จะคิดถึงแต่ตัวเองแล้วกินนอนเป็นอย่างดี”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานยอมรับฟัง ชางไห่จึงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก “ช่างเถอะ คุณรีบกลับไปซะ แล้วอย่าออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น”

แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะได้ออกไป ชายผมสั้นคนหนึ่งก็เดินผ่านพ้นเข้ามาทางประตู ชายคนนั้นดูท่าทางเย็นชานิ่งเฉย ลึกเข้าไปในแววตาของเขานั้นเหือดแห้งราวกับบ่อน้ำแห้งแล้ง

เดิมทีเจ้าผอมกับคนอื่นยังคงพูดคุยกันอยู่ แต่เมื่อเห็นชายคนนี้เดินเข้ามาก็เงียบลงโนเวลพีดีเอฟ

ชางไห่มองไปที่ผู้มาเยือนก่อนจะเอ่ยถาม “อวี๋หนาน ทำไมวันนี้แกถึงมาที่นี่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงได้รู้ว่าชายผู้นี้ก็คืออวี๋หนานผู้ที่ไม่ค่อยได้ปรากฎตัวบ่อย ๆ แต่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยตอบชางไห่ กลับมองมาที่ฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “นี่ใครกัน?”

หากเป็นผู้หญิงที่ถูกจับมา คงออกมาเดินเพ่นพ่านอย่างอิสระเช่นนี้ไม่ได้

อวี๋ตงเอ่ยเล่าสถานการณ์ให้ฟังตามตรง อวี๋หนานจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดต่อ และหันมองชางไห่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “จะจัดส่งคนในเร็ว ๆ นี้ทั้งที จะให้มีอะไรมาเกี่ยวข้องไม่ได้”

ชางไห่โบกมือ ก่อนจะเอ่ย “อย่าห่วงเลย”

หลังจากเอ่ยจบ เขาก็หันไปพูดกับฉินมู่หลาน “หมอมู่ คุณรีบกลับไปเถอะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าและไม่ได้อยู่ต่อ แต่ก้าวขาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น หลังจากเธอเดินออกจากประตูไป ผู้คนข้างในก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง หูของเธอก็ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะไกลไปหน่อย แต่ก็ยังได้ยินเสียงบทสนทนาข้างในได้อย่างเบาบาง

“แล้วเสิ่นหรูฮวนล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะพานังนั่นไป”

เมื่อได้ยินอวี๋หนานเอ่ย เจ้าผอมก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “อย่าห่วงเลยพี่หนาน นังนั่นอยู่สบายดี ไม่คิดเลยว่าจะได้ผลประโยชน์ตั้งสองครั้ง ตอนแรกมีคนจ้างพวกเราไปจับหล่อน ตอนนี้ก็น่าจะขายหล่อนได้ในราคาดีด้วย ข้างนอกนั่นต้องมีคนชอบรูปร่างหน้าตาแบบนี้ของหล่อนอยู่มากแน่”

เสียงนั้นล่องลอยออกมาตามสายลมแล้วกระทบเข้ากับหูของฉินมู่หลาน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจมดิ่งกับคำถามภายในใจ

ข้างนอก?

ข้างนอกที่ไหนกัน?

เป็นไปได้ไหมที่คนพวกนี้จะทำมากกว่าขายผู้หญิงให้คนบนเขา หรือจะมีการส่งออกไปต่างประเทศด้วย รูปร่างหน้าตาของเสิ่นหรูฮวนค่อนข้างตรงตามมาตรฐาน ในต่างประเทศต้องมีคนถูกใจหล่อนเยอะมากอย่างแน่นอน คนสวยก็อย่างนี้แหละ

ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังคิดมาก อีกด้านหนึ่งของฝั่งภูเขา ฟู่ซวี่ตงกำลังรายงานสถานการณ์ให้เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบ

“อาหลี่ อวี๋หนานนั่นออกไปแล้ว อาจเป็นเพราะต้องส่งสินค้า ครั้งนี้เราต้องจับทุกคนที่เกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังพวกมันให้ได้ มรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเราจะต้องไม่ออกสู่ต่างประเทศ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เรื่องถึงหูพี่หลี่แล้วมั้งเนี่ย เตรียมบุกทลายรังคนพวกนี้เลยค่ะพี่ เมียพี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท