ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 76 ฉินมู่หลานหมดสติ

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 76 ฉินมู่หลานหมดสติ

ตอนที่ 76 ฉินมู่หลานหมดสติ

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานร้องไห้ เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจบีบรัดแน่นไปหมด หากมาช้ากว่านี้ก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินมู่หลาน เพราะเห็นเจ้าหน้าบากยกขาขึ้นมาแล้ว

และเมื่อเจ้าหน้าบากเห็นคนมากมายเข้ามา ใจก็เริ่มเต้นแรง แต่ความเกลียดชังที่เขามีต่อฉินมู่หลานมาถึงจุดสูงสุดแล้ว จึงไม่ได้สนใจพวกของเซี่ยเจ๋อหลี่เลย เขายังคงเหยียบย่ำฉินมู่หลานโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น

“พลั่ก…”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่มัวลังเล ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปทันที

เจ้าหน้าบากมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ หลังจากนั้นก็ล้มลงไปอย่างหมดทางสู้ เพียงแต่เขาไม่ได้โดนโจมตีตรงจุดสำคัญ จึงสามารถมองเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังวิ่งตรงเข้าไปหาฉินมู่หลานได้อย่างชัดเจน “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่มาช่วยอย่างตั้งใจ ฉินมู่หลานก็ส่ายศีรษะแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร”

แต่เธอจำได้ว่าชางไห่กับอวี๋หนานฟื้นแล้ว จึงรีบหันไปมองตรงบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าอวี๋หนานกำลังจะพาชางไห่หนีไปด้วยกัน จึงรีบเอ่ย “เร็วเข้า อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไป พวกมันสองคนโดนวางยาแล้ว คงหนีไปได้ไม่ไกลแน่”

ไม่ต้องรอให้เซี่ยเจ๋อหลี่ลงมือด้วยตัวเอง ฟู่ซวี่ตงก็พาคนวิ่งไล่ตามไป

อวี๋หนานหันมองฉินมู่หลานมาจากที่ห่างไกล แววตาข้างในเต็มไปด้วยความอยากฆ่า แต่ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องหลบซ่อนตัวเสียก่อน เขาเองก็ไม่มีเวลามาคิดกังวลเรื่องอื่น แต่ในตอนที่เขาออกตัววิ่งก็ตระหนักอะไรขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะตื่นตัวอยู่ แต่ด้วยความที่โดนหญิงคนนั้นวางยา จึงไม่สามารถวิ่งเร็วเหมือนตอนปกติได้

ฟู่ซวี่ตงเองก็สังเกตได้เช่นกัน ทั้งสองวิ่งได้ไม่เร็วมากนัก จึงสามารถวิ่งตามไปได้ทัน

และอวี๋หนานก็ทราบดีว่าหากพวกเขาวิ่งต่อไปคงหนีไม่พ้นแน่ จึงหยิบอาวุธออกมา แล้วเริ่มหันมาสวนยิง

“ทุกคนระวัง”

ฟู่ซวี่ตงเอ่ยปากเตือน หลังจากเขาหลบกระสุนแล้วก็คิดที่จะไล่ล่าต่อไป แต่แล้วก็สังเกตเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งตรงตัดหน้ามาอย่างรวดเร็วจากทางด้านข้าง เมื่อเขาตั้งสติได้ ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ได้จับกุมอวี๋หนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนชางไห่ก็ล้มนอนอยู่ด้านข้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ฟู่ซวี่ตงก็รู้สึกเหลือเชื่อ เดิมทีเขาคิดว่าการกวาดล้างครั้งนี้จะยาก แต่ตอนนี้มันกลับเป็นไปได้สวยอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย คนพวกนี้ก็โดนจับกันหมดแล้ว

ในขณะนี้ ฉินมู่หลานก็เอ่ยเตือนขึ้นอีกครั้ง “มีอีกหลายคนเลยที่วิ่งเข้าไปทางห้องน้ำ พวกนายอย่าปล่อยให้พวกนั้นหนีไปได้นะ”

“ครับ พวกผมจะรีบไปจับปลาหลุดอวนให้ได้”

หลังจากได้ยินดังนั้น ฟู่ซวี่ตงก็พาคนไม่จับกุมพวกที่หลบอยู่ในห้องน้ำ หลังจากจับกุมคนพวกนั้นแล้ว สุดท้ายก็อดที่จะถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “น้องสะใภ้ ทำไมพวกมันถึงโดนวางยาได้?”

“ฉันใส่เองล่ะ”

ฉินมู่หลานเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “แล้วชางไห่ก็มีอาการปวดศีรษะ ฉันจึงหาศัยจังหวะนั้นขอรักษาให้เขาเพื่ออยู่อย่างปลอดภัย และในจังหวะเดียวกันก็ใช้โอกาสนี้วางยาพวกเขา”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเอ่ย ฟู่ซวี่ตงจึงยกนิ้วโป้งให้เธอ “น้องสะใภ้ เยี่ยมยอดเกินไปแล้ว” ตอนแรกพวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน แต่สุดท้ายก็เป็นเพราะฉินมู่หลานที่ทำให้ภารกิจของเขาราบรื่นราวกับปอกกล้วยเข้าปาก ภารกิจจึงสำเร็จลุล่วงเรียบร้อยดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

นอกจากนี้ฉินมู่หลานก็จำเสิ่นหรูฮวนได้ จึงหันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “ครั้งนี้ผู้หญิงที่อยู่ร่วมห้องเดียวกับฉันก็ได้มีส่วนช่วยฉันด้วย ฉันบอกว่าหากฉันทำสำเร็จ จะไปหาเธอ พวกเราลองไปหากันเถอะ”

“ได้สิ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยอมฟังตามคำพูดของเธอ โดยให้ฟู่ซวี่ตงดูคอยจับตาดูชางไห่กับคนอื่น ๆ ในขณะที่เขาเดินตามฉินมู่หลานไปตรงสวนหลังบ้าน

เสิ่นหรูฮวนรออยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ ตอนแรกหล่อนอยากออกไปดู แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของฉินมู่หลานแล้ว หล่อนจึงไม่ทำตัวหุนหันพลันแล่น เพียงแค่เดินวนเวียนไปมารอบ ๆ อย่างใจจอใจจ่อ

ในขณะที่เสิ่นหรูฮวนกำลังเดินวนเวียนไปมา ประตูห้องก็ถูกเปิดออก “นั่นใคร?”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกลับมาแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “มู่หลาน เป็นยังไงบ้าง พวกเราทำสำเร็จไหม?” เมื่อเอ่ยจบ หล่อนก็สังเกตเห้นเซี่ยเจ๋อหลี่ ครั้นเห็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ หล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “คุณมาที่นี่เพื่อช่วยฉันเหรอ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองเสิ่นหรูฮวนด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยพร้อมทั้งส่ายศีรษะอย่างไร้ความรานี “ไม่ใช่ ผมมาที่นี่เพื่อช่วยมู่หลาน”

เสิ่นหรูฮวน “……”

หล่อนหลงคิดไปเอง ในใจเพียงแค่แอบหวังว่าจะเป็นคนที่ครอบครัวของหล่อนส่งออกมาตามหา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคือคนที่มาช่วยมู่หลาน แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นข่าวดีเช่นกัน มู่หลานได้รับการช่วยเหลือแล้ว เช่นนั้นหล่อนเองก็คงรอดด้วยเหมือนกันกระมัง “ดีจังเลย แล้วพวกเราจะรอดกันไหม ออกไปจากที่นี่ได้ใช่ไหม”

เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเสิ่นหรูฮวน ฉินมู่หลานก็อดที่จะยกยิ้มสียไม่ได้ “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราไปที่โถงด้านหน้ากันก่อนเถอะ”

“ได้เลย”

เมื่อหลายคนมาถึงหน้าโถงด้านหน้า ฟู่ซวี่ตงก้รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยพูดสิ่งใด ก็สังเกตเห็นเสิ่นหรูฮวนที่อยู่ถัดจากฉินมู่หลานเข้าเสียก่อน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณ….คุณคือคุณหนูน้อยจากตระกูลเสิ่นไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็แอบรู้สึกไม่แน่ใจนิดหน่อย ทำไมลูกสาวตระกูลเสิ่นจึงมาอยู่ในที่แบบนี้กัน

เสิ่นหรูฮวนเห้นว่าฟู่ซวี่ตงจำตัวเองได้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ใช่ค่ะ ฉันเอง แล้วคุณคือ?”

ฟู่ซวี่ตงมีลายพรางขีดเขียนเอาไว้บนใบหน้า หล่อนจึงดูไม่ออก

“ผมจากตระกูลฟู่ครับ”

จากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมาย เนื่องจากสถานที่แบบนี้ไม่ได้เหมาะที่จะพูดคุยกันสักเท่าใด

เมื่อเสิ่นหรูฮวานได้ยินว่าเขามาจากตระกูลฟู่ นอกจากนี้ยังเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นทหารอีกด้วย จึงสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือใคร หล่อนจึงกำลังจะเอ่ยพูดด้วยความตื่นเต้น แต่ฉินมู่หลานก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อน “มีคนโดนจับเอาไว้อยู่ที่บ้านปีกตะวันตกเยอะมาก ทุกคนที่โดนจับมาเป็นผู้หญิงหมดเลย มันคิดจะขายพวกหล่อน”

“อะไรนะ…คนพวกนั้นมันจะขายผู้หญิง”

สีหน้าของฟู่ซวี่ตงเต็มไปด้วยความโกรธ “เกินไปแล้ว” หลังจากเอ่ยจบเขาก็พาคนไปทางปีกตะวันตกของบ้านโนเวลพีดีเอฟ

เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าฟู่ซวี่ตงไปช่วยคนอื่นแล้ว ทุกคนก็ต่างพากันรู้สึกผ่อนคลาย แต่แล้วก็กลับนึกถึงพี่จูที่อยู่ในครัว เธอจึงอดที่จะเอ่ยเรื่องนี้กับเซี่ยเจ๋อหลี่เสียไม่ได้ “พี่จูเป็นคนช่วยทำอาหารให้ที่นี่ ถึงเวลานั้นคุณลองตรวจสอบประวัติของหล่อนดูก่อนว่าใสสะอาดหรือเปล่า ได้ไหมคะ…. ”

เมื่อเอ่ยถึงตอนท้าย เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็เข้าใจความหมายของเธอเช่นกัน จึงพยักหน้า “ได้ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะให้คนช่วยตรวจสอบให้”

“อย่างนั้นก็ดีค่ะ”

ความเครียดของฉินมู่หลานเริ่มผ่อนคลายลง ผ่านมาหลายวัน อันที่จริงแล้วเธอไม่เคยได้ผ่อนคลายความระแวดระวังของตัวเองเลยแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่นอยู่ที่นี่ และเธอก็ได้รับความช่วยเหลือ ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องคอยเฝ้าคิดหาวิธีเอาตัวรอดอีกแล้ว ขณะที่กำลังถอนหายใจอย่างโล่งอก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองมืดดับลง ไร้ซึ่งสติอีกต่อไป

“มู่หลาน…”

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานเป็นลมก็รีบพุ่งเข้าไป หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา

เสิ่นหรูฮวนเองก็รีบเข้ามาเช่นกัน ก่อนจะตะโกนโหวกเหวกด้วยความประหม่า “มู่หลาน เป็นอะไรไปมู่หลาน”

ส่วนเจ้าหน้าบากที่โดนมัดอยู่ก็แค่นหัวเราะเยาะขึ้นมาก่อนจะเอ่ย “สมควรแล้วนังสารเลว”

เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองเจ้าหน้าบากด้วยสายตาเย็นชา แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามากังวลเรื่องอื่น

บังเอิญว่าฟู่ซวี่ตงจัดการตรงอื่นเสร็จแล้วผ่านมาทางนี้พอดี เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นลมไปก็รู้สึกตกใจ หลังจากนั้นก็รีบเอ่ยบอกเซี่ยเจ๋อหลี่ทันที “เดี๋ยวฉันจัดการที่เหลือเอง นายรีบพาน้องสะใภ้ไปโรงพยาบาลเถอะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คงจะเหนื่อยสะสมสินะเลยเป็นลมไป หรือว่าจะมีน้องกันนะ?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท