ตอนที่ 78 บอกลาร้างไกล
ตอนที่ 78 บอกลาร้างไกล
ฉินมู่หลานเห็นเจี่ยงสือเหิงและพ่อแม่ของตน รวมไปถึงอวี๋ไห่เฉาพร้อมกับภรรยาของเขา สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “พ่อแม่ พ่อบุญธรรม มากันได้ยังไงคะ” หลังจากนั้นก็หันมองอีกสองคนที่เหลือ “ลุงอวี๋ ป้าต่ง พวกคุณก็มาด้วย?”
ฉินเจี้ยนเซ่อและซูหว่านอี๋เห็นว่าลูกสาวของตนสบายดี ในที่สุดจึงโล่งใจ ส่วนซูหว่านอี๋ก็นึกไปถึงเรื่องที่ลูกสาวโดนจับมาที่นี่ ไม่รู้เลยว่าจะทรมานมากแค่ไหน ทำได้เพียงรู้สึกปวดใจ “มู่หลาน ลูกลำบาก ลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เจี่ยงสือเหิงเองก็ก้าวตรงมาข้างหน้าพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลใจ “ใช่แล้วมู่หลาน ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ฉินมู๋หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะบอกกล่าว “พวกพ่อวางใจเถอะค่ะ หนูไม่เป็นอะไร”
เมื่อทุกคนเห็นเธอกล่าวเช่นนั้น ในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย
และจากนั้นคนอื่นก็เห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เองก็อยู่ที่นั่นด้วย ซูหว่านอี๋จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “อาหลี่ ทำไมเธอเองก็มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่อธิบายเรื่องราวให้ฟังอย่างกระชับได้ใจความ หลังจากนั้นจึงเอ่ยต่อ “พ่อครับแม่ครับ มู่หลานกำลังท้อง ตอนนี้ผมคิดว่าจะพาหล่อนไปพักที่บ้านพักก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านครับ”
“อะไรนะ…มู่หลานท้องแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ครับ เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมู่หลานเป็นลมสลบไป พวกเราเองก็ไม่รู้เลยครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ ซูหว่านอี๋จึงคิดว่าตนรู้สึกโล่งใจเร็วเกินไป “มู่หลาน ไหนบอกว่าไม่เป็นอะไรไง ลูกเป็นลมหมดสติไป และเรื่องตั้งท้องก็เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ลูกไม่รู้ตัวเลยหรือ”
ฉินมู่หลานไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ก่อนหน้านี้ก็ยุ่งวุ่นวายแทบทุกวัน ต้องปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ จึงไม่ทันได้สังเกต เพียงแต่ว่า…ก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยอยากอาหารมากนัก แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนก็รู้สึกอยากอาหารดีขึ้นอีกครั้ง เธอจึงไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
“แม่คะ หนูไม่เป็นอะไรจริง ๆ แค่เพราะตอนเช้าไม่ได้กินข้าว หนูก็เลยเป็นมลมไป ว่าแต่ทำไมพวกแม่ถึงมาที่นี่กันได้?”
อวี๋ไห่เฉารีบบอกเรื่องที่ได้รับการติดต่อจากจวงเหวินกัง หลังจากนั้นก็เอ่ยต่อ “ตอนแรกผมว่าจะไปบอกให้ที่บ้านของคุณทราบ แต่บังเอิญเจอพ่อกับแม่ของคุณก่อน ก็เลยมาที่อำเภอด้วยกันเพื่อตามหาสหายเจี่ยง สุดท้ายสหายเจี่ยงก็ไหว้วานให้ใครสักคนไปช่วยตามหา จึงได้มาเจอว่าอยู่ที่นี่”
ฉินมู่หลานหันได้ยินดังนั้น จึงอดที่จะหันมองเจี่ยงสือเหิงพลางเอ่ยขึ้นเสียไม่ได้ “พ่อบุญธรรมคะ ขอโทษที่สร้างปัญหาให้พ่อนะคะ”
“ลูกปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพูดกัน พวกเรากลับบ้านพักกันก่อนเถอะครับ” เมื่อเอ่ยจบ เจี่ยงสือเหิงก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ รู้สึกพึงพอใจในตัวเขามาก เนื่องจากเซี่ยเจ๋อหลี่ไปได้ทันเวลา จึงช่วยฉินมู่หลานเอาไว้ได้
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้พบกับเจี่ยงสือเหิงเป็นครั้งแรก จึงเพิ่งรู้ว่ามู่หลานก็มีพ่อบุญธรรมด้วย ทำให้เขาหันไปมองฉินมู่หลานด้วยสายตาตั้งคำถาม
ฉินมู่หลานจึงแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยเรียกขึ้น “พ่อบุญธรรม”
เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าให้เซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะพูดขึ้น “ดี ต่อไปถ้ามีโอกาสก็มาดื่มกันสักหน่อยนะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ ฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้นก่อนเสียแล้ว “พ่อบุญธรรมคะ พ่อดื่มเหล้าไม่ได้นะ เป็นข้อห้ามค่ะ”
“ฮ่าๆ…ก็ได้ พ่อเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นดื่มชาแทนเหล้าแล้วกันนะ”
และในขณะนั้นเอง ในที่สุดเสิ่นหรูฮวนและฟู่ซวี่ตงก็ได้มีโอกาสทักทายเจี่ยงสือเหิง ฉินเจี้ยนเซ่อ และคนอื่น ๆ ด้วย
เมื่อเจี่ยงสือเหิงเห็นฟู่ซวี่ตง ก็พลันตะลึงงัน แล้วรีบเอ่ยถาม “พ่อของเธอใช่ฟู่หมิงเซิงหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ ท่านรู้จักพ่อของผมหรือครับ?”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนั้น แววตาก็เต็มไปด้วยความคะนึงหา “รู้จักสิ เพียงแต่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว เผลอแปบเดียวเธอก็โตมากแล้วนะ ฉันรู้สึกเหมือนได้อุ้มเธอตอนแรกเกิดเมื่อไม่นานมานี้เอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟู่ซวี่ตงก็หันมองเจี่ยงสือเหิงด้วยแววตาสงสัย ค่อนข้างมั่นใจว่าตนไม่รู้จักเขาสักนิด
เมื่อเห็นท่าทางสับสนของฟู่ซวี่ตง เจี่ยงสือเหิงก็อดที่จะหัวเราะเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “เธออาจจะไม่รู้จักฉันหรอก ฉันไปต่างประเทศตอนที่เธอยังเด็ก ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ครอบครัวเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ทุกอย่างในรอบครัวเรียบร้อยดีครับ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มแล้วยิ้มอีกและไม่เอ่ยถามอะไรต่อโนเวลพีดีเอฟ
แต่เขาก็นึกไปถึงว่ามู่หลานกำลังตั้งท้อง จึงไม่รู้ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ได้ทานอะไรดี ๆ บ้างหรือเปล่า “มู่หลาน พวกลูกกินข้าวกันหรือยัง พวกเราไปกินมื้อเย็นกันก่อน แล้วค่อยกลับเข้าที่พักเถอะ”
ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่คิดว่าจะกลับไปกินที่บ้านพัก แต่ตอนนี้คนเยอะมาก หากออกไปกินข้าวข้างนอกก่อนคงจะสะดวกว่า หลังจากทุกคนกินข้าวเสร็จก็จะได้กลับเข้าที่พัก
เซี่ยเจ๋อหลี่และฟู่ซวี่ตงต่างมีใบรับรอง ดังนั้นจึงสามารถเข้าเช็คอินได้ตลอด
อวี๋ไห่เฉาเองก็นำจดหมายรับรองมาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดห้องสามห้อง โดยฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋ เสิ่นหรูฮวนและต่งหม่านเฟินจะนอนห้องเดียวกัน ส่วนห้องที่เหลือให้พวกผู้ชายจัดการแบ่งกันเอาเอง
เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองฉินมู่หลานด้วยแววตาจริงจัง อยากจะพูดคุยกับเธอดี ๆ เสียจริง เพียงแต่ภรรยาของเขาเดินตามแม่ยายและคนอื่นเข้าห้องไปแล้ว สุดท้ายเขาจึงทำได้แค่กลับมาที่ห้องพร้อมกับฉินเจี้ยนเซ่อและเจี่ยงสือเหิงเท่านั้น
ส่วนฟู่ซวี่ตงก็พักอยู่กับอวี๋ไห่เฉา
ทันทีที่ฉินมู่หลานมาถึงห้อง ซูหว่านอี๋ก็จับมือเธอ แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่หยุดหย่อน
ต่งหม่านเฟินเห็นสิ่งนี้ จึงอดที่จะยกยิ้มเสียไม่ได้ “หว่านอี๋ มู่หลานเองก็เป็นหมอนะ ในเมื่อหล่อนบอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นไรนั่นแหละค่ะ” ทั้งสองรู้จักกันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นจึงรู้สึกคุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว จึงเอ่ยเรียกกันด้วยชื่อจริง
แต่ซู่หว่านอี๋ก็ยังพูดอย่างกังวล “แต่หมอไม่ค่อยรักษาตัวเองกันหรอก ดูมู่หลานสิ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองท้อง”
“นั่นน่ะสิ”
ตอนนี้ต่งหม่านเฟินก็อดที่จะส่ายศีรษะด้วยเสียไม่ได้
ฉินมู่หลานจับมือของซูหว่านอี๋ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่คะ หนูไม่เป็นไรจริง ๆ” ขณะเอ่ยก็รีบเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาอย่างรวดเร็ว จึงหันมองเสิ่นหรูฮวนแล้วเอ่ยถาม “หรูฮวน แล้วต่อไปเธอคิดจะทำยังไงต่อ อยากกลับไปกับพวกเราก่อนไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูหว่านอี๋กับต่งหม่านเฟินก็หันมองเสิ่นหรูฮวนเช่นกัน ทุกคนต่างพากันเอ่ยชม “หรูฮวนนี่หน้าตาสะสวยจังเลยนะ”
เสิ่นหรูฮวนรู้สึกเขินอายนิดหน่อยเพราะไม่ค่อยได้โดนเอ่ยชมสักเท่าใด และเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเอ่ย ก็รีบพยักหน้าทันที ก่อนจะพูดขึ้น “อื้ม ฉันจะตามเธอกลับไปด้วยกันก่อน ฉันเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะกลับบ้านตอนไหน”
ซูหว่านอี๋กับต่งหม่านเฟินรู้สึกสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมหล่อนถึงไม่กลับบ้านดีๆ แต่หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่าเสิ่นหรูฮวนโดนพวกค้ามนุษย์จับตัวไปด้วยการวางแผนของใครบางคนที่ต้องการจะกำจัดหล่อน จึงรู้สึกเห็นใจกับสถานการณ์ของหล่อน หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมา “ใช่ กลับไปกับพวกเราก่อนเถอะ หลังจากนั้นเธอค่อยติดต่อกับคนในครอบครัว แล้วให้ลองตรวจสอบเรื่องราวว่าเป็นมาอย่างไร”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นทุกคนมีความตั้งใจเช่นนั้น เสิ่นหรูฮวนก็อดที่จะยกยิ้มเสียไม่ได้
จนกระทั่งถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับไปที่อำเภอหนิง ส่วนฟู่ซวี่ตงออกเดินทางกลับคนเดียว เมื่อคืนเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ทำการติดต่อกับผู้บังคับบัญชาเรียบร้อบแล้ว และอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ เซี่ยเจ๋อหลี่จึงได้ลางงานสองวัน แต่แน่นอนว่าเขาจะต้องกลับไปเขียนรายงาน
เมื่อมาถึงเขตอำเภอ ฉินมู่หลานไม่ได้กลับบ้านทันที และหันมองเจี่ยงสือเหิงก่อนจะเอ่ยขึ้น “พ่อบุญธรรมคะ ยังเหลือฝังเข็มอีกครั้งหนึ่ง จะฝังวันนี้เลยไหมคะ”
เจี่ยงสือเหิงอดไม่ได้ที่จะพูดหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “มู่หลาน ตอนนี้ลูกคงเหนื่อยมากเพราะเพิ่งเดินทางไกล เอาเป็นอีกสักสองสามวันดีไหม”
เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็เห็นด้วย แม้แต่ฉินเจี้ยนเส่อและซูหว่านอี๋ก็หันมองฉินมู่หลานด้วยสายตาเดียวกัน
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อบุญธรรมคะ หนูไม่เหนื่อยจริง ๆ ค่ะ เมื่อคืนนอนหลับเต็มอิ่มมาก แล้วฝังเข็มก็ใช้เวลาเพียงแค่สิบห้านาทีเองนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยงสือเหิงจึงไม่พูดอะไรอีก
อวี๋ไห่เฉาและต่งหม่านเฟินกลับไปก่อนแล้ว พวกเขาออกมาหลายวัน จึงต้องกลับไปทำงานดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เซี่ยเจ๋อหลี่พาฉินเจี้ยนเซ่อไปสถานีตำรวจเพื่อบอกกล่าวว่าฉินมู่หลานกลับมาอย่างปลอดภัยหายห่วงแล้ว เนื่องจากเกรงว่าพวกเขาอาจจะกำลังขอให้คนช่วยตามหาอยู่ อันที่จริงแล้วเจี่ยงสือเหิงเคยคิดอยากจะให้จวงเหวินกังไปกับเขา เพียงแต่ว่าอยู่คนละเมืองกันและเป็นสถานีตำรวจภูธรต่างเขตกัน การออกไปนอกเขตจึงทำให้ปฎิบัติหน้าที่ได้ไม่สะดวก ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงเสียที
หลังจากจวงเหวินกังทราบว่าสามีของฉินมู่หลานเข้าไปช่วยเธอเอาไว้ได้ทันเวลา จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนแรกเขาอยากจะเอ่ยถามเพิ่มอีกสักสองสามข้อ แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นภารกิจ เขาจึงรู้ว่ามันสำคัญเพียงใด จึงไม่เอ่ยถามให้มากความ ขณะเดียวกันเขาก็ให้คำมั่นว่าจะไม่เอ่ยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับภารกิจของเซี่ยเจ๋อหลี่ งานพวกนี้จึงต้องเก็บเป็นความลับ
“ถ้าอย่างนั้นต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่จวงมากครับ”
หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามคำ เซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินเจี้ยนเซ่อก็พากันกลับไป
เมื่อพวกเขามาถึง ฉินมู่หลานก็ทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อย
หลังจากการฝังเข็มครั้งสุดท้าย เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกว่าร่างกายของตนผ่อนคลายลงมาก
ลุงเจี่ยงเห็นอาการของนายน้อยของเขา จึงรู้สึกมีความสุข แต่ในเวลาเดียวกันก็เอ่ยขึ้นอย่างเศร้าใจ “คุณหนูน้อยครับ พวกเรากำลังจะออกเดินทางกันในเร็ววันนี้ คงจะดีไม่น้อยหากคุณกลับไปพร้อมกับพวกเราได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเจี้ยนเซ่อและภรรยาของเขา รวมถึงเซี่ยเจ๋อหลี่ต่างก็หันมองลุงเจี่ยงด้วยสายตาระแวดระวัง พวกเขาไม่อยากให้มู่หลานไปเมืองหลวง มิเช่นนั้นแล้วคงเจอกันอย่างยากลำบาก
เมื่อเห็นหลายคนดูมีท่าทางกังวลใจ เจี่ยงสือเหิงก็อดที่จะยกยิ้มไม่ได้ “พวกคุณอย่าทำแบบนี้เลย ลุงเจี่ยงเขาก็แค่เศร้าใจน่ะ”
ฉินมู่หลานเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พ่อบุญธรรมวางใจเถอะค่ะ ต่อไปถ้ามีโอกาส พวกหนูจะไปหาพ่อที่เมืองหลวงนะคะ” ขณะที่เธอพูด ก็ได้เขียนสูตรยาอีกรายการหนึ่งแล้วบอกกล่าวว่า “พ่อบุญธรรมคะ ร่างกายของพ่อยังคงต้องดูแลต่อ หลังจากกลับไป ก็หายาตามใบสั่งยานี้ แล้วดื่มต่อเนื่องอีกสามเดือนนะคะ”
“ได้สิ พ่อเข้าใจแล้วล่ะ”
ฉินมู่หลานจำสถานการณ์ของเจี่ยงสือเหิงได้ เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะต้องจากไป จึงอยากใช้เวลาร่วมกันกับเขาอีกครั้ง รู้สึกทนแยกจากกันไม่ได้เช่นกัน “พ่อบุญธรรมคะ พวกพ่อจะไปกันตอนไหนคะ?”
“พรุ่งนี้แล้วล่ะ”
“กะทันหันจัง”
ฉินมู่หลานเอ่ยด้วยความตกใจ หลังจากนั้นก็หันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับมาหาท่านหลังกินอาหารเย็นเสร็จเถอะค่ะ เป็นการมาบอกลาพ่อบุญธรรม”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อีกนานเลยสิเนี่ยกว่าจะได้เจอพ่อบุญธรรมอีกครั้ง กลับมาอีกทีจะเป็นยังไงกันน้า
ไหหม่า(海馬)
————————————